ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 365

ด้วยความที่ปีนี้ กล้าข้าวเคยโดนภัยพิบัติหนอนแมลงกัดกินมาก่อน ดังนั้นการเก็บเกี่ยวครั้งนี้จึงเป็นเรื่องที่น่ากังวลมาก

ว่ากันว่าในหลาย ๆ แห่งที่ต้นกล้าในนาไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที จึงมีกล้าข้าวจำนวนมากถูกแมลงกัดกินจนกลายเป็นต้นเปล่า ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความสำเร็จที่จะงอกออกมาเป็นเมล็ดข้าว

ในหมู่บ้านไป่ฮัวนับว่าไม่เลว ไม่ว่ามองไปทางไหนก็ดูเป็นสีทองอร่าม

บ้านของลู่ม่านเดิมทีไม่ได้มีที่นามากนัก แต่ทุกครั้งที่ฝ่าบาททรงพระราชทานรางวัล มักจะทรงพระราชทานเป็นที่นาซึ่งมีดินอุดมสมบูรณ์ ทำให้บ้านของลู่ม่านตอนนี้มีไร่นามากมาย เรียกว่าแทบจะเป็นเจ้าของที่ดินได้แล้ว

ในเมื่อตอนนี้เป็นเจ้าของที่ดินแล้ว การเก็บเกี่ยวในฤดูใบไม้ร่วงปีนี้คงจะยุ่งมากแน่ ๆ

แม้ว่าจะมีเครื่องนวดข้าว ทั้งยังมีการจ้างแรงงานแบบระยะสั้นด้วย แต่ตัวลู่ม่านเองก็ไม่สามารถอยู่บ้านเฉย ๆ ได้ตลอด ยังต้องไปดูที่ทุ่งนาบ้าง

ส่วนบ้านของเหอเย่วเอง ที่ดินยี่สิบไร่ที่ลู่ม่านให้พวกเขาไปเป็นสินเดิม ก็ถึงเวลาเก็บเกี่ยวแล้วเช่นกัน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีเวลามาทำงานให้ลู่ม่านแล้ว

แม้ว่าจะเป็นเดือนตุลาคมแล้ว แต่หลายวันมานี้ สภาพอากาศในภาคใต้ก็ยังคงแผ่ความร้อนออกมาอย่างเด่นชัดอยู่ ลู่ม่านจึงต้มซุปถั่วเขียวกับอาหารประเภทน้ำที่ทำจากเซ็งโป่วเลี้ยง (เป็นสมุนไพรสำหรับประกอบอาหาร มีประโยชน์ในการบำรุงร่างกาย สามารถบำรุงปอด ม้าม ตับ ไตเป็นต้น) ก่อนจะเดินไปที่ทุ่งนา

พวกคนงานเห็นว่าลู่ม่านมาแล้ว ต่างก็ยินดีมีความสุขมาก เพราะทุกครั้งที่ลู่ม่านมา หมายความว่าพวกเขาจะมีลาภปากอีกแล้ว

หลังจากตักแบ่งแจกจ่ายให้พวกเขาเสร็จ ลู่ม่านก็เอาซุปถ้วยเล็ก ๆ ถ้วยหนึ่งไปให้เฉินจื่ออาน

สองวันมานี้เฉินจื่ออานเพิ่งขอลาหยุดกับอาจารย์โจวพอดี มาสัมผัสชีวิตในทุ่งนา ถือโอกาสได้รับอะไรดี ๆ ไปด้วย

“เสี่ยวม่าน ที่นี่ร้อนขนาดนี้แท้ ๆ พรุ่งนี้เจ้าให้ยายอิงมาส่งให้ดีกว่านะ”

“ไม่เป็นไร!” ลู่ม่านพูดด้วยรอยยิ้ม “ข้าไม่ใช่คุณหนูลูกผู้ดีที่ไม่ออกนอกบ้านสักหน่อยแค่เดินไม่กี่ก้าว ไม่เป็นไรหรอก!”

นางพูดไปพลาง ก็ยื่นชามซุปให้กับเฉินจื่ออานไปด้วย "ดื่มเถอะ!"

เฉินจื่ออานลองจิบไปคำหนึ่ง เป็นเพราะใช้น้ำแข็งแช่ไว้ ต่อให้เดินอยู่ในทุ่งนาตั้งนานขนาดนี้ ก็ยังมีรสชาติเย็น ๆ แฝงอยู่ พอดื่มลงท้องไปก็รู้สึกสบายมากจริงๆ

เขาอดถอนหายใจอย่างพออกพอใจไม่ได้ "อร่อย!"

“ถึงจะอร่อยแต่ก็ดื่มเยอะไม่ได้หรอกนะ!” ลู่ม่านยิ้มแล้วพูดว่า “ดื่มมากไปจะทำร้ายกระเพาะเอา!”

รอจนพวกเฉินจื่ออานดื่มเสร็จแล้ว ลู่ม่านก็นั่งอยู่ที่นั่นครู่หนึ่งก่อนจะเดินกลับไปช้า ๆ เพิ่งจะไปถึงริมถนน ก็เห็นชายชราคนหนึ่งล้มอยู่ข้างทาง

เป็นชายชราที่ร่างกายซูบผอมมาก ผอมจนเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก ลู่ม่านตกใจมากก่อนจะรีบช่วยพยุงเขาขึ้นมา

"ท่านเป็นอะไรมากหรือไม่?"

ชายชราลืมตาที่อ่อนล้าอิดโรยขึ้น แล้วส่ายหน้า "ข้าไม่เป็นไร ขอบคุณมาก!"

เมื่อเห็นว่าเขาพยายามดิ้นรนจะลุกขึ้น ลู่ม่านก็นึกขึ้นมาได้ว่ายังมีซุปถั่วเขียวเหลืออยู่นิดหน่อย จึงหยิบมันออกมาแล้วยื่นให้เขา "กินสักหน่อยเถอะ วันนี้อากาศร้อน!"

เดิมทีชายชราทำท่าว่าจะปฏิเสธ แต่เมื่อเห็นสีของน้ำซุปนั้นเขาก็อดใจไม่ไหว ลองจิบคำเล็ก ๆ เข้าไปคำหนึ่ง

แต่ในวินาทีต่อมา เขาก็ดันชามออกไปอีกครั้ง ลู่ม่านถูกการการกระทำของเขาทำให้ตกตะลึงไปชั่วขณะ เพราะโดยปกติแล้ว คนที่กินอาหารของนาง จะเป็นประเภทไม่อยากกินในตอนแรก แต่พอได้กินเข้าไปแล้ว จะรีบกินต่ออย่างเอร็ดอร่อยทั้งนั้น

แต่ชายชราคนนี้กลับตรงกันข้าม เขาถึงกับไม่กินมันแล้ว?

ระหว่างที่กำลังคิด ชายชราคนนั้นกลับพูดขึ้นอีกครั้งว่า “ฮูหยินท่านนี้ ข้าขอเอาน้ำหวานชามนี้กลับไปด้วยได้หรือไม่?”

“หา?” ลู่ม่านไม่ตอบสนองในทันที ชายชราพูดขึ้นอีกครั้งว่า "เจ้านี่มันอร่อยเหลือเกิน ข้าอยากเอากลับไปให้หลานชายของข้า"

ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง จู่ ๆ ในใจของลู่ม่านก็รู้สึกทรมานขึ้นมาน้อย ๆ

“ที่ข้ายังมีอยู่บ้างนิดหน่อย ถ้าเจ้าชอบล่ะก็ ข้าให้ได้ทั้งหมดเลย ติดแค่ว่าเจ้าอาหารชนิดนี้มันเย็นเกินไป ถ้าให้เด็กกินมาก ๆ เกรงว่าจะไม่ดี ให้เขากินนิดหน่อยก็พอนะ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน