ด้วยความที่ปีนี้ กล้าข้าวเคยโดนภัยพิบัติหนอนแมลงกัดกินมาก่อน ดังนั้นการเก็บเกี่ยวครั้งนี้จึงเป็นเรื่องที่น่ากังวลมาก
ว่ากันว่าในหลาย ๆ แห่งที่ต้นกล้าในนาไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที จึงมีกล้าข้าวจำนวนมากถูกแมลงกัดกินจนกลายเป็นต้นเปล่า ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความสำเร็จที่จะงอกออกมาเป็นเมล็ดข้าว
ในหมู่บ้านไป่ฮัวนับว่าไม่เลว ไม่ว่ามองไปทางไหนก็ดูเป็นสีทองอร่าม
บ้านของลู่ม่านเดิมทีไม่ได้มีที่นามากนัก แต่ทุกครั้งที่ฝ่าบาททรงพระราชทานรางวัล มักจะทรงพระราชทานเป็นที่นาซึ่งมีดินอุดมสมบูรณ์ ทำให้บ้านของลู่ม่านตอนนี้มีไร่นามากมาย เรียกว่าแทบจะเป็นเจ้าของที่ดินได้แล้ว
ในเมื่อตอนนี้เป็นเจ้าของที่ดินแล้ว การเก็บเกี่ยวในฤดูใบไม้ร่วงปีนี้คงจะยุ่งมากแน่ ๆ
แม้ว่าจะมีเครื่องนวดข้าว ทั้งยังมีการจ้างแรงงานแบบระยะสั้นด้วย แต่ตัวลู่ม่านเองก็ไม่สามารถอยู่บ้านเฉย ๆ ได้ตลอด ยังต้องไปดูที่ทุ่งนาบ้าง
ส่วนบ้านของเหอเย่วเอง ที่ดินยี่สิบไร่ที่ลู่ม่านให้พวกเขาไปเป็นสินเดิม ก็ถึงเวลาเก็บเกี่ยวแล้วเช่นกัน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีเวลามาทำงานให้ลู่ม่านแล้ว
แม้ว่าจะเป็นเดือนตุลาคมแล้ว แต่หลายวันมานี้ สภาพอากาศในภาคใต้ก็ยังคงแผ่ความร้อนออกมาอย่างเด่นชัดอยู่ ลู่ม่านจึงต้มซุปถั่วเขียวกับอาหารประเภทน้ำที่ทำจากเซ็งโป่วเลี้ยง (เป็นสมุนไพรสำหรับประกอบอาหาร มีประโยชน์ในการบำรุงร่างกาย สามารถบำรุงปอด ม้าม ตับ ไตเป็นต้น) ก่อนจะเดินไปที่ทุ่งนา
พวกคนงานเห็นว่าลู่ม่านมาแล้ว ต่างก็ยินดีมีความสุขมาก เพราะทุกครั้งที่ลู่ม่านมา หมายความว่าพวกเขาจะมีลาภปากอีกแล้ว
หลังจากตักแบ่งแจกจ่ายให้พวกเขาเสร็จ ลู่ม่านก็เอาซุปถ้วยเล็ก ๆ ถ้วยหนึ่งไปให้เฉินจื่ออาน
สองวันมานี้เฉินจื่ออานเพิ่งขอลาหยุดกับอาจารย์โจวพอดี มาสัมผัสชีวิตในทุ่งนา ถือโอกาสได้รับอะไรดี ๆ ไปด้วย
“เสี่ยวม่าน ที่นี่ร้อนขนาดนี้แท้ ๆ พรุ่งนี้เจ้าให้ยายอิงมาส่งให้ดีกว่านะ”
“ไม่เป็นไร!” ลู่ม่านพูดด้วยรอยยิ้ม “ข้าไม่ใช่คุณหนูลูกผู้ดีที่ไม่ออกนอกบ้านสักหน่อยแค่เดินไม่กี่ก้าว ไม่เป็นไรหรอก!”
นางพูดไปพลาง ก็ยื่นชามซุปให้กับเฉินจื่ออานไปด้วย "ดื่มเถอะ!"
เฉินจื่ออานลองจิบไปคำหนึ่ง เป็นเพราะใช้น้ำแข็งแช่ไว้ ต่อให้เดินอยู่ในทุ่งนาตั้งนานขนาดนี้ ก็ยังมีรสชาติเย็น ๆ แฝงอยู่ พอดื่มลงท้องไปก็รู้สึกสบายมากจริงๆ
เขาอดถอนหายใจอย่างพออกพอใจไม่ได้ "อร่อย!"
“ถึงจะอร่อยแต่ก็ดื่มเยอะไม่ได้หรอกนะ!” ลู่ม่านยิ้มแล้วพูดว่า “ดื่มมากไปจะทำร้ายกระเพาะเอา!”
รอจนพวกเฉินจื่ออานดื่มเสร็จแล้ว ลู่ม่านก็นั่งอยู่ที่นั่นครู่หนึ่งก่อนจะเดินกลับไปช้า ๆ เพิ่งจะไปถึงริมถนน ก็เห็นชายชราคนหนึ่งล้มอยู่ข้างทาง
เป็นชายชราที่ร่างกายซูบผอมมาก ผอมจนเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก ลู่ม่านตกใจมากก่อนจะรีบช่วยพยุงเขาขึ้นมา
"ท่านเป็นอะไรมากหรือไม่?"
ชายชราลืมตาที่อ่อนล้าอิดโรยขึ้น แล้วส่ายหน้า "ข้าไม่เป็นไร ขอบคุณมาก!"
เมื่อเห็นว่าเขาพยายามดิ้นรนจะลุกขึ้น ลู่ม่านก็นึกขึ้นมาได้ว่ายังมีซุปถั่วเขียวเหลืออยู่นิดหน่อย จึงหยิบมันออกมาแล้วยื่นให้เขา "กินสักหน่อยเถอะ วันนี้อากาศร้อน!"
เดิมทีชายชราทำท่าว่าจะปฏิเสธ แต่เมื่อเห็นสีของน้ำซุปนั้นเขาก็อดใจไม่ไหว ลองจิบคำเล็ก ๆ เข้าไปคำหนึ่ง
แต่ในวินาทีต่อมา เขาก็ดันชามออกไปอีกครั้ง ลู่ม่านถูกการการกระทำของเขาทำให้ตกตะลึงไปชั่วขณะ เพราะโดยปกติแล้ว คนที่กินอาหารของนาง จะเป็นประเภทไม่อยากกินในตอนแรก แต่พอได้กินเข้าไปแล้ว จะรีบกินต่ออย่างเอร็ดอร่อยทั้งนั้น
แต่ชายชราคนนี้กลับตรงกันข้าม เขาถึงกับไม่กินมันแล้ว?
ระหว่างที่กำลังคิด ชายชราคนนั้นกลับพูดขึ้นอีกครั้งว่า “ฮูหยินท่านนี้ ข้าขอเอาน้ำหวานชามนี้กลับไปด้วยได้หรือไม่?”
“หา?” ลู่ม่านไม่ตอบสนองในทันที ชายชราพูดขึ้นอีกครั้งว่า "เจ้านี่มันอร่อยเหลือเกิน ข้าอยากเอากลับไปให้หลานชายของข้า"
ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง จู่ ๆ ในใจของลู่ม่านก็รู้สึกทรมานขึ้นมาน้อย ๆ
“ที่ข้ายังมีอยู่บ้างนิดหน่อย ถ้าเจ้าชอบล่ะก็ ข้าให้ได้ทั้งหมดเลย ติดแค่ว่าเจ้าอาหารชนิดนี้มันเย็นเกินไป ถ้าให้เด็กกินมาก ๆ เกรงว่าจะไม่ดี ให้เขากินนิดหน่อยก็พอนะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน
เด็กไม่ตายเพราะแม่คลอดยากจะตายเพราะคนรับใช้ป้อนโจ๊กข้าวจนอิ่มตื้อ รอดได้คือดวงแข็งเว่อ...
อ่านไป งงไป ตัดสินประหาร หรืออภัยโทษ?...
หม่อมข้า? ใช้ MS Word ไม่ระวังเลย...
ตั้งแต่ต้นจนถึงตอน 337 แล้ว โดยภาพรวมพระเอกไม่ค่อยมีเสน่ห์ ไม่เฉียบแหลมเลย...
อะไรจะมีปมขนาดนั้น วุ่นวายตอกย้ำเหลือเกินเกี่ยวกับระบบศักดินา ทั้งที่มันเป็นคนละยุคสมัยกัน...
ตอน285-287 หายทำไงดี...
ตอนหายค่ะ 284แล้วกระโดดไป288เลยค่ะ...
บท 285-287 หายค่ะ 284แล้ว288เลย รบกวนด้วยค่ะ...
281-311 รบกวนด้วยค่ะ...
บทที่241-311 หายค่ะ...