ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 37

ขณะนี้ ในที่สุดลู่ม่านก็รับรู้ได้ว่าเฉินจื่ออานไม่ปกติ ถึงว่า เมื่อครู่ไม่พูดไม่จา คนที่ไม่เอาทั้งบ้าน ทั้งที่นาอย่างเขา แต่กลับถามถึงเรื่องเงินขึ้นมาอย่างกะทันหัน

นางยังคิดว่าเขาคิดได้แล้ว คิดไม่ถึงว่า ที่แท้ต้องการให้นางนั่นเอง

ค่าหย่าหรือ

ลู่ม่านรู้สึกโมโหขึ้นมาทันที “เฉินจื่ออาน ท่านหมายความว่าไง”

“การทำเช่นนี้สำหรับเจ้า ถือเป็นเรื่องดี ”

“เรื่องดีอะไรกัน หรือเจ้าไม่รู้ว่าหญิงที่ถูกหย่าร้าง วันหน้าจะลำบากแค่ไหน”คนอื่นอาจจะลำบาก แต่ลู่ม่านไม่มีทางลำบากแน่นอน

นางจงใจพูดเช่นนั้นออกไป

สีหน้าของเฉินจื่ออานเปลี่ยนไปเล็กน้อย “แต่ก็ย่อมดีกว่าเลี้ยงคนพิการ เจ้าเอาเงินเหล่านั้นไป สามารถเปิดร้านเล็กๆได้ เจ้า……”

“ข้าไม่อยากฟัง ”ลู่ม่านเอามืออุดหูเอาไว้ “เฉินจื่ออาน ถ้าหากเจ้ายังไล่ข้าไปอีกละก็ เจ้าได้ตายแน่”

พูดจบแล้ว นางก็หันหลังเดินเข้าเรือน เดินได้สองก้าว ก็นึกถึงเงินที่เก็บไว้กับตัว นางเอาออกมาโยนไปบนขาของเฉินจื่ออาน “เงินของเจ้า เจ้าเก็บไว้เองเถอะ”

เฉินจื่ออานเงยหน้าขึ้นมาแผ่นหลังของลู่ม่าน สายตามีแววเจ็บปวด

ลู่ม่านโมโหมาก คิดไม่ถึงนางที่เป็นหญิงสาวที่ทะลุมิติมาจากยุคปัจจุบัน ทั้งสวย ทั้งมีความสามารถ กลับถูกคนโบราณคร่ำครึ เอ่ยปากไล่ออกจากบ้าน ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ถ้านางไปจริงๆ ถ้าหากถูกพวกคนที่เป็นแฟนนิยายทะลุมิติมารู้เข้า จะมองนางอย่างไร

ยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ ลู่ม่านเปลี่ยนความเศร้าและความโกรธเป็นพลัง ทำความสะอาดทั้งภายในและภายนอกเรือนจนสะอาด สุดท้าย มองดูห้องที่สะอาดสะอ้าน อารมณ์ของนางจึงถือว่าดีขึ้นมาบ้าง

ห้องตรงกลางนี้ใช้เป็นห้องโถงแล้วกัน ยังมีชุดโต๊ะเก้าอี้เก่าๆที่ทิ้งไว้ตอนที่ย้ายบ้านเมื่อครั้งก่อน ถ้าหากเฉินจื่ออานซ่อมพวกมันซะหน่อยที่จริงก็ยังสามารถใช้ได้ แต่เมื่อนึกถึงเรื่องที่พวกเขาทะเลาะกันเมื่อครู่ ลู่ม่านก็ไม่พูดอะไร

ยังมีอีกห้องหนึ่งที่ด้านในมีสภาพดีหน่อย มีเตียงเก่าๆหนึ่งหลัง สภาพพอๆกับเตียงที่พวกเขาเคยนอนที่บ้าน ลู่ม่านเอาผ้าปูเตียงและผ้าห่มที่เคยใช้ก่อนหน้านี้ออกมาปูที่นอนให้เรียบร้อย

แม้จะทรุดโทรมมาก แต่ก็นับว่าเป็นบ้านที่เงียบสงบมาก

ทำทุกอย่างเสร็จแล้ว ท้องฟ้าก็มืดแล้ว ก่อนจะจากมา ตาแก่เฉินได้ให้เฉินจื่อฉายแบ่งอาหารให้พวกเขาบางส่วน ไม่มาก น่าจะประมาณสิบชั่ง

ลู่ม่านไปขอยืมน้ำมันและเกลือจากเหยาซื่อ และหาผักป่าบางส่วนจากลานบ้าน

เดิมทีเหยาซื่อนั้นชวนพวกเขาไปกินข้าวด้วยกัน แต่ลู่ม่านคิดว่าสภาพของเฉินจื่ออานในตอนนี้ไม่ยินดีจะพบปะผู้คน จึงบอกว่าจะทำกินเอง

เหยาซื่อเห็นดังนั้น ก็เอาผักกาดขาวให้นางเล็กน้อย ให้นางสามารถทำอาหารค่ำได้มื้อหนึ่ง

หลังจากทำเสร็จแล้ว ก็แบ่งไปให้เฉินจื่ออาน แล้วก็ยกของตนเองเข้าไปกินในห้อง

เมื่อนางกินเสร็จและออกมาจากห้อง เฉินจื่ออานยังไม่แตะต้องถ้วยและตะเกียบ นางโกรธมาก รู้ว่าเขากำลังต่อต้าน จึงไปล้างถ้วยของตนเอง จากนั้นก็ต้มน้ำล้างเท้า

หลังจากทำเสร็จแล้ว ท้องฟ้าก็มืดสนิทแล้ว ในบ้านไม่มีไฟ นางนั่งอยู่ข้างหน้าต่างจ้องมองแผ่นหลังที่นิ่งเงียบข้างนอกนั้น

พระจันทร์ในคืนนี้ สาดส่องมาที่เขาที่อยู่ตรงนั้น แสงจันทร์ทำให้เขาดูโดดเดี่ยวเป็นพิเศษ

ขณะกำลังใช้ความคิด ว่าจะไปประคองเขาเข้ามาหรือไม่ นอกประตูก็มีเสียงของหวังเอ้อร์หนิวดังขึ้น “จื่ออาน ดึกแล้ว นั่งอยู่ข้างนอกทำไม”

ที่สุดแล้วเฉินจื่ออานก็ยังเป็นพวกคนโบราณดั้งเดิม ไฟในไม่นำออกไฟนอกไม่นำเข้า ได้แต่พูดด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “กำลังจะเข้าไปพอดี”

“ข้าประคองเจ้าดีกว่า ”หวังเอ้อร์หนิวเดินเข้าไปอย่างกระตือรือร้น ประคองเข้าขึ้นมา ส่งเขาเข้าไปด้านใน

เหยาซื่อเป็นคนที่ดูสีหน้าคนเก่งมาก ตอนเย็นตอนที่นางมา ก็ดูออกแล้วว่าเฉินจื่ออานไม่ค่อยจะพอใจสักเท่าไหร่ เหยาซื่อเป็นคนที่ดูสีหน้าคนเก่งมาก ตอนเย็นตอนที่นางมา ก็ดูออกแล้วว่าเฉินจื่ออานไม่ค่อยจะพอใจสักเท่าไหร่ แม้จะไม่รู้ว่าเรื่องอะไร แต่ก็ให้หวังเอ้อร์หนิวมาดูสักหน่อย

หวังเอ้อร์หนิวเอาตะเกียงน้ำมันมาด้วย จุดไฟสว่าง แล้วพูดคุยกันชั่วครู่ จึงจากไป

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน