ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 371

สรุปบท บทที่ 371 หรูเฟิง หรูอวี่: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน

สรุปตอน บทที่ 371 หรูเฟิง หรูอวี่ – จากเรื่อง ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน โดย ฝูเชิง

ตอน บทที่ 371 หรูเฟิง หรูอวี่ ของนิยายประวัติศาสตร์เรื่องดัง ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน โดยนักเขียน ฝูเชิง เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

เจ้าของที่ดินหลิ่วมองไปที่ลูกน้องที่ถูกทำร้ายจนล้มอยู่บนพื้น ที่จริงแล้วในใจรู้สึกกลัวมาก แต่เขายังคงพยายามเชิดหน้าไว้

“พี่เขยของข้าคือผู้บัญชาการมู่หรงแห่งอำเภอเฟิงหนาน ถ้าเจ้ากล้าทำอะไรข้า พี่เขยของข้าไม่ปล่อยเจ้าไปแน่!”

ที่แท้ก็อย่างนี้นี่เอง ไม่น่าแปลกใจเลยที่เจ้าของที่ดินหลิ่วจะทำตัวเป็นใหญ่บ้าอำนาจเช่นนี้

“ท่านหมายถึงผู้บัญชาการมู่หรงสินะ หลายวันก่อนข้าเพิ่งไปที่บ้านเขามา ในเมื่อท่านเป็นน้องชายของภรรยาเขา เรื่องนี้ก็จัดการง่ายหน่อย ถ้าอย่างนั้นให้ข้าพาเจ้าไปหาเขา จะได้ถามต่อหน้าเขาเลย วางแผนลักพาตัวอันเหรินของราชสำนัก มีโทษผิดสถานใด”

พอได้ยินลู่ม่านพูดเช่นนี้ เจ้าของที่ดินหลิ่วก็คุกเข่าลงทันที

“ลู่อันเหริน อย่าเลย ทุกวันนี้พี่เขยของข้าก็งานยุ่งมากพออยู่แล้ว เรื่องเล็กเช่นนี้อย่ารบกวนเขาเลย เรื่องวันนี้เป็นความผิดของข้าเอง ท่านเป็นผู้ใหญ่อย่าถือสาผู้น้อยเช่นข้าเลย ถือว่าข้าเป็นลมที่ผายออกมา ปล่อยข้าไปเถอะ”

คำพูดของเขาหยาบคาย ทำให้ลู่ม่านฟังแล้วอารมณ์เสียมาก

เหอเย่วฉวยโอกาสด่าออกไป “พูดไร้สาระอะไรของเจ้า อันเหรินของพวกข้าจะผายลมเหม็นอย่างเจ้าออกมาได้อย่างไร!”

ลู่ม่านเกือบจะหลุดหัวเราะออกมา เด็กคนนี้

“ใช่แล้ว ข้ามันเหม็น ข้ามันเหม็น!” เจ้าของที่ดินหลิ่วพูดย้ำ

“หุบปาก!” หลังจากที่ลู่ม่านพูดจบ นางก็เอาแส้ฟาดใส่เจ้าของที่ดินหลิ่ว “อยู่ต่อหน้าข้าที่เป็นถึงอันเหริน ยังจะกล้าพูดจาหยาบคายเช่นนี้อีก”

“แต่ว่า…” เจ้าของที่ดินหลิ่วชี้ไปทางเหอเย่ว ลู่ม่านฟาดแส้ใส่เขาอีกครั้ง “เจ้ายังจะเถียงอีก”

“ไม่ใช่ ข้าไม่กล้า ไม่กล้าแล้ว!”

ลู่ม่านเห็นเขาเจ็บจนตัวสั่น จึงไม่ฟาดเขาอีก นางจึงเก็บแส้ลง แล้วจูงม้าเดินออกไปช้าๆ

จะสงสารก็แต่ม้าของนาง ต้องมาเจ็บขาเปล่า ๆ

พอเข้าประตู ตาเกาก็ถามออกมาอย่างร้อนใจ “นายหญิง นี่มันเกิดอะไรขึ้น เหตุใดถึงอยู่ในสภาพนี้”

“ไม่เป็นไร สงสารก็แต่เจ้าม้าน้อยของข้า ไปกับข้าตั้งหลายที่แล้ว ต้องมาเจ็บขาเปล่า ๆ เช่นนี้”

ตาเการีบก้าวไปข้างหน้าและมองดูอาการของมัน “มันแค่ขาแพลง ไม่ได้เป็นอะไรมาก ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตาเกาผู้นี้เถอะ ข้าจะรักษามันเอง”

“ถ้าอย่างนั้นก็ดีเลย!” ลู่ม่านรีบสั่งคนให้เอาของลงจากรถ แล้วส่งม้าให้ตาเกา ในขณะที่กำลังขนย้าย เฉินจื่ออานก็เดินมาจากด้านใน

พอเห็นลู่ม่านที่สองขาเต็มไปด้วยฝุ่น เขาก็ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น ใครทำให้เจ้ากลายเป็นเช่นนี้”

ลู่ม่านเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับเจ้าของที่ดินหลิ่ว เฉินจื่ออานจึงโกรธมาก “เจ้าคนไร้ยางอายนั่น ถึงกับกล้ามาจับเจ้าระหว่างทาง ครั้งนี้เขาพลาดท่าไป บางทีครั้งต่อไปเขาอาจจะใช้แผนการที่รุนแรงมากขึ้นก็ได้ ช่วงนี้เสี่ยวม่านเจ้าอย่าเพิ่งออกไปไหน ข้าจะไปคิดบัญชีกับเขา!”

“จื่ออาน!” ลู่ม่านรีบห้ามเฉินจื่ออานไว้ “อย่าไป ข้าจัดการฟาดแส้เขาไปแล้ว คงทำให้เขาพักรักษาตัวไปสักพักเลย!”

แต่เฉินจื่ออานกลับดูไม่เชื่อ ลู่ม่านจึงพูดออกมาอีกครั้ง “แล้วอีกอย่าง ตอนนี้เรายังไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะเอาผิดเขา ข้ายังทำอะไรเขาไม่ได้ ข้าก็หวังว่าเขาจะออกมาสร้างเรื่องอีก เราจะได้จับเขาไปส่งทางการเลย!”

“แต่เจ้าทำเช่นนี้มันอันตรายเกินไป”

“หลายวันนี้ข้าจะไม่ออกไปไหนดีไหม” ลู่ม่านพูด “ข้าจะอยู่ที่บ้าน ช่วยเตรียมเสื้อผ้าหน้าหนาวให้เจ้า!”

เฉินจื่ออานได้ยินอย่างนี้ถึงโล่งใจ แล้วพาลู่ม่านเดินเข้าไป

แต่ถึงจะพูดอย่างนั้น วันต่อมาเฉินจื่ออานก็เดินทางไปในตำบล แล้วพาหญิงสาวสองคนกลับมาด้วย คนหนึ่งชื่อหรูอวี่ อีกคนชื่อหรูเฟิง

แค่ได้ยินชื่อก็รู้ว่าเป็นคนมีฝีมือ และเป็นไปตามที่คาดพอลู่ม่านถามถึงได้รู้ว่าพวกนางมีวิชาการต่อสู้

พอมีพวกนางสองคน ลู่ม่านรู้สึกว่าชีวิตของนางยิ่งเหมือนอยู่ในกรง ไม่ว่านางจะไปที่ไหน พวกนางทั้งสองก็ตามติดตัวไม่ห่าง เหมือนผู้คุ้มกัน

ไม่ว่าลู่ม่านจะพูดอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ นางจึงเรียกเหอเย่วเข้ามา เพื่อคุยแก้เหงา

หรูอวี่รีบส่ายหน้า “ไม่ต้องเจ้าค่ะ พวกเราต้องปกป้องความปลอดภัยให้นายหญิง!”

“อะไรกัน!” ลู่ม่านพูดไม่ออก “อยู่ในบ้านเช่นนี้ข้าจะเป็นอะไรได้ พวกเจ้าอย่าหวาดกลัวเกินไปจนเห็นต้นไม้ใบหญ้าเป็นข้าศึกไปหมดตามจื่ออานจะได้ไหม เช่นนั้นมันไม่เหนื่อยบ้างหรือ มา มา เจ้ามาลองดู!”

หลังจากลู่ม่านพูดจบ นางก็ดึงหรูอวี่มานั่งลง แล้วยื่นถุงเงินในมือให้นาง “ลองดูไหม”

หรูอวี่จับด้ายปักด้วยท่าทางเงอะงะแล้วมองไปทางเหอเย่ว เหอเย่วเปรียบเทียบอีกฝ่ายกับ ลู่ม่าน เอาล่ะ มือใหม่สองคน เหนื่อยใจจริงๆ!

นางเริ่มสอนใหม่อีกครั้งอย่างจนใจ หรูอวี่พุ่งสมาธิกับการเรียนทันที

ลู่ม่านแยกเวลาว่างออกมา แล้วเข้าไปคุยกับหรูเฟิงอีกครั้ง

“หรูเฟิง เจ้าปักเป็นไหม”

หรูเฟิงที่นิ่งเงียบเริ่มหน้าแดงขึ้นมา แล้วพูดอย่างถ่อมตน “นายหญิง ข้าปักไม่เป็นเจ้าค่ะ”

“แล้วเจ้าจะไปฝึกด้วยไหม” ลู่ม่านอยากจะใช้อุบายเดิม แต่หรูเฟิงยังคงไม่หวั่นไหว “หน้าที่ของข้าคือปกป้องนางหญิงเจ้าค่ะ!”

ลู่ม่านพยายามเกลี้ยกล่อมอยู่สักพักแล้วรู้สึกว่านางเป็นคนประเภทไม้ผุ ที่ไม่สามารถแกะสลักได้ นางจึงต้องยอมแพ้ไป

หรูอวี่เริ่มปักผ้าแล้ว และดูเหมือนจะฉลาดกว่านางมากจริงๆ เริ่มดูเป็นรูปเป็นร่างแล้ว ลู่ม่านเคารพนางจริงๆ

“หรูอวี่ เจ้านี่เก่งมากเลยจริงๆ!”

ใบหน้าที่เรียบนิ่งของหรูอวี่มีท่าทางเขินอายขึ้นมา “นายหญิง ฝีมือของข้ายังแย่กว่าพี่เหอเย่วเยอะมากเจ้าค่ะ”

ลู่ม่านไม่สนใจ พอเห็นว่าดึงพวกนางให้พุ่งสมาธิอยู่กับการปักผ้าได้ นางก็หาโอกาสออกไปข้างนอกทันที

แต่ใครจะคิดว่าพอมาถึงประตู นางก็ถูกใครบางคนขวางทางไว้ก่อน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน