สรุปตอน บทที่ 380 ส่งความห่วงใยมาไกลพันลี้ – จากเรื่อง ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน โดย ฝูเชิง
ตอน บทที่ 380 ส่งความห่วงใยมาไกลพันลี้ ของนิยายประวัติศาสตร์เรื่องดัง ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน โดยนักเขียน ฝูเชิง เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
ผู้หญิงที่เคยหมุนรอบตัวเขามาตลอด แม้ตอนที่เขาออกไปข้างนอกก็จะเป็นห่วง แต่ตอนนี้กลับไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลย
ตอนนี้ในสายตาของนาง มีแต่ผู้ชายที่กำลังคุมรถม้าอยู่ในนั้น
เฉินจื่อฟู่ก้าวไปข้างหน้าเพื่อขวางหน้ารถ แล้วเริ่มตะโกนต่อว่า
“ลงมาจากรถม้าเดี๋ยวนี้ ไอ้ชู้ แกมาจากไหนกัน”
หลิวซื่อสีหน้าเปลี่ยนไปทันที “เฉินจื่อฟู่ เจ้ากำลังพูดเรื่องบ้าอะไร เจ้ากับข้าหย่ากันแล้ว ไม่ว่าเขากับข้าจะเป็นอะไรกัน ถึงแม้จะเป็นอะไรกัน มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้าเลยแม้แต่น้อย!”
ในตอนแรกเฉินจื่อฟู่แค่คาดเดา พอได้ยินหลิวซื่อพูดเช่นนี้ เขาก็ยิ่งมั่นใจว่ามันเป็นเรื่องจริง
เขาพุ่งหมัดใส่หน้าผู้ชายที่ชื่อลุงฉางคนนั้น ลุงฉางไม่ทันได้ตั้งตัวจึงถูกชกหน้าไปหนึ่งหมัด ทำให้มีเลือดไหลออกมาจากจมูกของเขาทันที
หลิวซื่อสะดุ้งตกใจ แล้วรีบส่งผ้าเช็ดหน้าให้เขา “เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า?”
ลุงฉางโบกมือ ก่อนจะมองสำรวจหลิวซื่อ “เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า?”
พอเห็นว่าหลิวซื่อไม่เป็นอะไร เขาจึงกระโดดลงจากรถม้า แล้วเดินตรงไปหยุดตรงหน้าเฉินจื่อฟู่ “ถ้าจะสู้ก็มาสู้กันข้างถนน!”
ลุงฉางคนนั้นมีรูปร่างดี สูงใหญ่บึกบึน
ตอนนั่งอยู่บนรถม้าไม่รู้สึกอะไร แต่พอลงจากรถม้า แล้วมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า เฉินจื่อฟู่ เกือบจะต้องเงยหน้าขึ้นมองเขา
ความภาคภูมิใจในความเป็นผู้ชายแตกสลายไปในพริบตา เขาจึงกัดฟันพูด “ก็ข้าอยากทำร้ายเจ้าจะทำไม”
พูดจบ เฉินจื่ออานก็พุ่งหมัดใส่อีกครั้ง ครั้งนี้ ลุงฉางก็ไม่ยืนนิ่งอีกต่อไป เขายกมือขวางหมัดำของเฉินจื่อฟู่ด้วยมือข้างหนึ่ง แล้วใช้มืออีกข้างพุ่งหมัดใส่เฉินจื่อฟู่
“หมัดนี้ เพื่อสอนให้เจ้าสำนึกว่าไม่ควรทำร้ายคนอื่นอย่างไม่เลือกหน้า”
กำหมัดใหญ่พุ่งเข้าใส่ เฉินจื่อฟู่ก็มึนไปทันที จากนั้นก็ตามมาอีกหมัด “หมัดนี้ เพื่อสั่งสอนเจ้าที่ไม่ดูแลภรรยาและลูก ในอนาคตถ้าเจ้าเจอพวกนางสองแม่ลูก ทางที่ดีให้เดินอ้อมไป ไม่อย่างนั้นถ้าข้าเจอเจ้าอีกข้าก็จะทำร้ายเจ้าอีก!”
พูดจบ เขาก็เดินผ่านเฉินจื่อฟู่ไปที่รถม้าทันที
เฉินจื่อฟู่ที่เดิมทีก็ไม่มีกำลัง ตอนนี้พอถูกปล่อยตัวก็ล้มลงกับพื้นไป หยวนซื่อที่อยู่ในรถม้าเปิดม่านออกมาเหลือบมอง แต่ก็ไม่ได้ลงมาช่วยประคองเขา
ปล่อยให้เขานอนอยู่กับพื้น
เฉินจื่อฟู่ยื่นมือไปทางหลิวซื่อ ถ้าเป็นเมื่อก่อน ตอนที่เขาหิวหลิวซื่อก็จะเตรียมอาหารมาให้ ตอนที่หิวน้ำหลิวซื่อก็จะเตรียมน้ำให้เขาดื่ม ไม่ว่าจะร้อนหรือหนาว หลิวซื่อก็จะเตรียมให้เขาทุกอย่าง
ถ้าเขาล้มลงกับพื้น หลิวซื่อจะต้องรีบเข้ามาประคองเขาเป็นคนแรกอย่างแน่นอน
แต่คราวนี้ หลิวซื่อกลับไม่แม้แต่จะมองเขาด้วยซ้ำ นางถามบุรุษคนนั้น “เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า”
“ไม่เป็นไร!” หลังจากพูดจบ เขาก็คุมรถม้าจากไป
เฉินจื่อฟู่มองตามรถม้าที่ขับผ่านไปพร้อมฝุ่นที่ตลบอบอวล ก่อนจะทรุดตัวลงบนพื้นที่เต็มไปด้วยฝุ่น
ลู่ม่านรู้สึกสะใจอย่างอธิบายไม่ถูก แล้วเหอเย่วก็พูดขึ้นมาก่อน “กรรมตามสนอง สิ่งที่เขาทำกับพี่หลิวในสมัยก่อน ข้ารู้อยู่แล้วว่า เขาจะต้องมีวันนี้”
“เอาล่ะ ไม่ต้องพูดแล้ว!” หลังจากลู่ม่านพูดจบ นางก็เดินจากไปอีกด้านหนึ่ง
“ไม่ลองชิมดูรึ?” จวงลี่จงพูดขึ้นมา “นี่เป็นอาหารฝีมือของฮูหยินกั๋วกง ไม่มีใครทำแทนเลย หลังจากมอบให้ข้า ข้าก็รีบเร่งเดินทางมาที่นี่ทั้งวันทั้งคืน ถึงแม้จะเป็นขนมฟักเขียวเท่านนั้น แต่ก็ทำมาจากใจของฮูหยินกั๋วกง!”
อย่างนี้นี่เอง ลู่ม่านรู้สึกซาบซึ้งใจมาก “เหตุใดฮูหยินถึง...”
“ลองชิมดูเถอะ!” จวงลี่จ้พูดขัดขึ้นมาอีกครั้ง ลู่ม่านตกใจมาก ตอนที่นางเรียนหนังสือ ในหนังสือมีเขียนไว้ว่า ต่อให้ต้องเร่งม้าจนฝุ่นตลบเพื่อให้ได้รอยยิ้มจากสนมสุดรัก ในตอนนั้นนางคิดว่าสนมหยางกุ๊ยเฟยนั้นทำอะไรฟุ่มเฟือยและเอาแต่ใจตัวเอง แต่วันนี้ พอเห็นจวงลี่จ้งนำกล่องอาหารจากเมืองหลวงที่อยู่ห่างไกลหลายพันลี้มาให้ ลู่ม่านนั้นนอกจากจะซาบซึ้งใจแล้วยังรู้สึกตกใจมากด้วย
นางมั่นใจว่านางไม่ได้ทำอะไรให้สองท่านนั้นเยอะเลย แต่พวกนางกลับดีต่อนางมากถึงขนาดนี้
นางไม่อยากทำลายความจริงใจของสองท่าน ลู่ม่านจึงเชิญจวงลี่จ้งเข้ามาในบ้าน พอนั่งบนม้านั่งในสวน นางก็หยิบชิ้นหนึ่งใส่ปากทันที “อร่อยมาก!”
จวงลี่จ้งนั่งตรงข้ามกับนาง แล้วมองนางด้วยสายตาลึกซึ้ง “อร่อยจริงหรือ? เทียบกับตอนที่เจ้ากินตอนเด็กแล้วเป็นเช่นไร?”
“แน่นอนว่ามันอร่อยมาก!” ลู่ม่านยกยิ้ม “ตอนเด็กข้าไม่ได้กินของอร่อยเช่นนี้หรอก!”
พอได้ยินเช่นนี้ จวงลี่จ้งก็ตกตะลึง “เจ้าจำเรื่องในวัยเด็กได้แล้วหรือ”
ลู่ม่านเพิ่งจะรู้สึกตัวว่านางเผลอพูดถึงเรื่องของตัวเองในยุคปัจจุบันออกไป ในตอนนั้นนางอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ไม่มีของอร่อยเช่นนี้กินหรอก
“ยังไม่ได้ ข้าแค่รู้สึกเท่านั้นเอง!” ลู่ม่านรีบพูดเสริม
จวงลี่จ้งส่ายหน้า “ถ้าไม่อยากนึกถึง การลืมไปก็ถือว่าเป็นเรื่องดี ใช้ชีวิตในเวลานี้และอนาคตให้มีความสุข เช่นนี้ไม่ดีกว่าหรือ”
คนคนนี้ เหตุใดถึงพูดเรื่องความรู้สึกขึ้นมากะทันหันเช่นนี้ ทำให้ลู่ม่านนึกถึงสิ่งที่หลี่หว่านถิงเล่าให้ฟังเกี่ยวกับหญิงสาวในหัวใจของจวงลี่จ้ง
“ท่านพูดโน้มน้าวใจคนอื่นเก่ง แล้วตัวท่านเองล่ะ เหตุใดถึงไม่ลืมอดีต แล้วเริ่มต้นใหม่สักที”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน
เป็นพอ.ที่กลับกรอก เป็นที่พึ่งไม่ได้เลย ยอกจะออกจากครอบครัวเลวๆนี่ไม่จริงอีก ภาระของนางเอก ถ่วงแข้งถ่วงขาจริงๆ...
เด็กไม่ตายเพราะแม่คลอดยากจะตายเพราะคนรับใช้ป้อนโจ๊กข้าวจนอิ่มตื้อ รอดได้คือดวงแข็งเว่อ...
อ่านไป งงไป ตัดสินประหาร หรืออภัยโทษ?...
หม่อมข้า? ใช้ MS Word ไม่ระวังเลย...
ตั้งแต่ต้นจนถึงตอน 337 แล้ว โดยภาพรวมพระเอกไม่ค่อยมีเสน่ห์ ไม่เฉียบแหลมเลย...
อะไรจะมีปมขนาดนั้น วุ่นวายตอกย้ำเหลือเกินเกี่ยวกับระบบศักดินา ทั้งที่มันเป็นคนละยุคสมัยกัน...
ตอน285-287 หายทำไงดี...
ตอนหายค่ะ 284แล้วกระโดดไป288เลยค่ะ...
บท 285-287 หายค่ะ 284แล้ว288เลย รบกวนด้วยค่ะ...
281-311 รบกวนด้วยค่ะ...