สรุปตอน บทที่ 39 ยาหยกดำ – จากเรื่อง ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน โดย ฝูเชิง
ตอน บทที่ 39 ยาหยกดำ ของนิยายประวัติศาสตร์เรื่องดัง ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน โดยนักเขียน ฝูเชิง เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
หลังจากทุกอย่างสงบลงแล้ว ลู่ม่านก็วานให้หวังเอ้อร์หนิวช่วยส่งเขาไปที่ร้านยาฉืออาน
หมอฟางมองดูเฉินจื่ออานอย่างไม่เห็นด้วยนัก “เจ้าไม่อยากจะได้ขาของเจ้าแล้วใช่หรือไม่ เพิ่งจะดีขึ้นเพียงนิดเดียว ตอนนี้ก็หักอีกแล้ว”
ขณะกำลังพูด ท่านอู๋ก็วิ่งเข้ามาจากด้านนอก “แม่นาง รีบเอายาที่ข้าให้เจ้าเมื่อตอนกลางวันมอบให้หมอฟางเร็วเข้า ให้เขาช่วยใส่ยาบนแผล”
ลู่ม่านจับที่กระเป๋า เพิ่งจะพบว่า ยานั่นหายไปแล้ว
ขณะที่กำลังหัวเสีย เฉินจื่ออานก็เอายาขวดหนึ่งออกมาจากอก “ยานี่หรือ”
“ใช่แล้ว”
หมอฟางดวงตาสว่างขึ้น ยื่นมือไปรับมาเปิดออก กลิ่นหอมสดชื่นอ่อนๆกระจายออกมาจากปากขวด เขามองไปทางท่านอู๋อย่างตกใจระคนดีใจ
“นี่มัน……”
“ใช้เถอะ”ท่านอู๋เรียบง่ายมาก ยิ้มอ่อนๆและหมุนตัวเดินออกไป
นี่เป็นครั้งที่สองแล้ว แม้ท่านอู๋จะทำตัวเรียบง่ายแต่ทำให้ลู่ม่านพบว่าเขาลึกลับมาก คิดว่า เขาน่าจะเป็นคนที่มีสถานะไม่ธรรมดาคนหนึ่ง ไม่แน่ว่าอาจจะหลบมาอยู่ที่นี่เพียงเพราะอยากหาความสงบ เช่นนั้นนางก็ไม่ต้องคาดเดาเหลวไหลแล้ว
เมื่อทายาให้เฉินจื่ออานแล้ว หมอฟางก็วินิจฉัยอย่างมั่นใจว่า “มียาตัวนี้ บางทีขาของเจ้าอาจจะดีขึ้นได้”
“จริงหรือ”
ลู่ม่านกับเฉินจื่ออานต่างก็รู้สึกดีใจขึ้นมา แม้แต่หวังเอ้อร์หนิวกับเหยาซื่อก็รู้สึกดีใจแทนพวกเขาสองคน
หมอฟางลูบหนวดของตนเอง พยักหน้าพูดว่า “ย่อมเป็นเรื่องจริง คนไข้ร่างกายแข็งแรง แล้วยังได้รับยาหยกดำ ขอเพียงใส่ยาทุกวัน พอหายแล้วก็ขยันออกกำลังกาย ก็สามารถดีขึ้นได้แน่ๆ”
ลู่ม่านมุมปากกระตุก “ยาหยกดำ”
“ใช่แล้ว ยานี้ล้ำค่ามาก”
ลู่ม่านคิดว่ามีเพียงแต่ในนิยายของนักเขียนกิมย้งเท่านั้น จึงจะมียาหยกดำที่แสนจะอัศจรรย์เช่นนี้อยู่ คิดไม่ถึงว่า ในยุคโบราณเช่นนี้ก็มีอยู่ด้วย
น้ำใจของท่านอู๋นางจดจำไว้ในใจ วันหน้าต้องตอบแทนอย่างแน่นอน
หลังจากออกมาจากร้านยาฉืออาน ลู่ม่านก็เช่าเกวียนหนึ่งคัน แล้วไปเอาของที่ตนเองซื้อเอาไว้วันนี้ และเหยาซื่อก็ซื้อของที่นางต้องการ ทั้งสี่คนจึงเดินทางกลับหมู่บ้านไป
เมื่อถึงหน้าหมู่บ้าน พบเข้ากับเฉินหลี่ซื่อที่กำลังพูดคุยกับคนอื่นอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่พอดี
เห็นว่าบนรถม้ามีของมากมาย นางก็ทำเสียงเย็นเบือนหน้าไปทางอื่น มีคนเห็นว่าบนขาของเฉินจื่ออานมีคราบเลือดติดอยู่ ร้องขึ้นอย่างตกใจว่า “จื่ออานเป็นอะไร”
“ไม่ตายหรอก มีเงินเป็นกอง”
เรื่องที่พวกเขาเอาเงินของเฉินหลี่ซื่อไปสองพวง ยังคงคุกรุ่นในใจ แต่เมื่อคนอื่นได้ยินเรื่องนี้ ต่างก็สงสัยในการวางตัวของเฉินหลี่ซื่อ
กับลูกชายของตนเองยังใจดำขนาดนี้ ใครจะกล้าเข้าใกล้
ลู่ม่านถอนหายใจ สติปัญญาของเฉินหลี่ซื่อไม่จำเป็นต้องให้นางลงมือเอง ตัวเฉินหลี่ซื่อเองสามารถทำให้ตนเองตายด้วยมือตนเองได้
หลังจากกลับบ้าน เหยาซื่อกับหวังเอ้อร์หนิวช่วยประคองเฉินจื่ออานเข้าไปข้างใน แล้วก็เอาของที่ซื้อได้กลับบ้านไป ลู่ม่านย้ายของเข้าๆออกๆอยู่คนเดียว เฉินจื่ออานเห็นดังนั้นก็เริ่มนั่งไม่ติดที่ ลู่ม่านรีบห้ามเอาไว้
“ยาของท่านอู๋แพงมาก ท่านอย่าเคลื่อนไหวสุ่มสี่สุ่มห้า”
เฉินจื่ออานได้แต่ยอมแพ้ แต่ว่านั่งอยู่ตรงนั้นก็ไม่อาจอยู่เฉยได้ ช่วยนางจัดวางสิ่งของต่างๆ ลู่ม่านเห็นดังนั้น ในสมองก็เกิดความคิดหนึ่งขึ้นมาทันที
อารมณ์ดี อดไม่ได้ที่จะฮัมเพลงขึ้นมา
“วันนี้อากาศดีมาก ทุกที่ทิวทัศน์สวยงาม……”
เวลานี้ อาทิตย์อัสดงย้อมหมู่เมฆเป็นสีแดง ใบหน้าสวยงามของหญิงสาว ก็ถูกย้อมเป็นสีแดงไปด้วย เฉินจื่ออานรู้สึกว่า ชาตินี้เขาคงไม่มีทางลืมภาพที่สวยงามขนาดนี้ได้
คืนนี้เป็นมื้อค่ำมื้อแรกหลังจากที่พวกเขาแยกบ้านออกมา ลู่ม่านซื้อแป้งและเนื้อมา ฉะนั้น จึงตัดสินใจห่อเกี๊ยว
แต่ว่า กลับไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ เห็นได้ชัดว่าเด็กที่บ้านถูกอบรมสั่งสอนมาอย่างดี
ลู่ม่านลูบผมของเด็กหญิงคนโตอย่างรู้สึกสงสาร ผิวพรรณซีดเหลือง “กินเถอะ ”
เหยาซื่อจึงพูดว่า “ยังไม่รีบขอบคุณท่านน้าอีก”
เด็กทั้งสามคนพูดด้วยเสียงเบาหวิว เอ่ยขึ้นอย่างขลาดกลัว “ขอบคุณท่านน้า”
ลู่ม่านใจละลายหมดแล้ว อดไม่ได้ที่จะจับแก้มของพวกเขา แล้วขอตัวจากไป
กลางคืน ตอนที่นอนอยู่บนเตียง ลู่ม่านจึงนึกถึงความคิดเมื่อตอนเย็นขึ้นมาได้ จึงเอ่ยถามว่า“ในเมืองนี้ มีเก้าอี้รถเข็นหรือไม่”
“เก้าอี้รถเข็น”เฉินจื่ออานส่ายหน้า “เป็นเก้าอี้อะไรหรือ”
“ก็มีลักษณะเป็นเก้าอี้ มีสองล้อ สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวได้เอง”
“เสี่ยวม่าน สองล้ออย่างที่เจ้าว่าไม่มี แต่รถสี่ล้อน่ะมี”
“สี่ล้อหรือ”ลู่ม่านประหลาดใจ
“ใช่ นักเล่าเรื่องเคยบอก เมื่อก่อนใช้สำหรับการสั่งการรบในกองทัพ……”
ลู่ม่าน“……”
แต่เมื่อคิดอีกทีนางก็รู้สึกดีใจขึ้นมา ที่แท้ยุคก่อนราชวงศ์ถัง ก็มีรถสี่ล้อแล้ว แต่ว่ายังไม่มีตัวอย่างที่การใช้ในทางการแพทย์ เช่นนั้นหากจะทำก็คงไม่ยาก นางคิดว่าพรุ่งนี้จะไปทำให้เฉินจื่ออานตัวหนึ่ง
เห็นนางประเดี๋ยวยิ้ม ประเดี๋ยวขึงขัง เฉินจื่ออานก็ขมวดคิ้วขึ้นมา “น้องนาง เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่”
ลู่ม่านเอ่ยขึ้นอย่างมีลับลมคมนัยว่า “ข้าจะให้เจ้าแปลกใจ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน
เป็นพอ.ที่กลับกรอก เป็นที่พึ่งไม่ได้เลย ยอกจะออกจากครอบครัวเลวๆนี่ไม่จริงอีก ภาระของนางเอก ถ่วงแข้งถ่วงขาจริงๆ...
เด็กไม่ตายเพราะแม่คลอดยากจะตายเพราะคนรับใช้ป้อนโจ๊กข้าวจนอิ่มตื้อ รอดได้คือดวงแข็งเว่อ...
อ่านไป งงไป ตัดสินประหาร หรืออภัยโทษ?...
หม่อมข้า? ใช้ MS Word ไม่ระวังเลย...
ตั้งแต่ต้นจนถึงตอน 337 แล้ว โดยภาพรวมพระเอกไม่ค่อยมีเสน่ห์ ไม่เฉียบแหลมเลย...
อะไรจะมีปมขนาดนั้น วุ่นวายตอกย้ำเหลือเกินเกี่ยวกับระบบศักดินา ทั้งที่มันเป็นคนละยุคสมัยกัน...
ตอน285-287 หายทำไงดี...
ตอนหายค่ะ 284แล้วกระโดดไป288เลยค่ะ...
บท 285-287 หายค่ะ 284แล้ว288เลย รบกวนด้วยค่ะ...
281-311 รบกวนด้วยค่ะ...