อ่านสรุป บทที่ 40 ยังคงเป็นเจ้าที่รู้ใจข้า จาก ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน โดย ฝูเชิง
บทที่ บทที่ 40 ยังคงเป็นเจ้าที่รู้ใจข้า คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายประวัติศาสตร์ ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย ฝูเชิง อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
วันรุ่งขึ้น ลู่ม่านตื่นขึ้นมาแต่เช้าและเอากระดาษกับหมึกที่ซื้อไว้ครั้งที่แล้วออกมา ค่อยๆวาดภาพเก้าอี้รถเข็นออกมา
หลังจากวาดเสร็จแล้ว นางแอบเก็บเอาไว้แล้วจึงไปทำข้าวเช้า
อาหารเช้านั้นเรียบง่าย เกี๊ยวที่เหลือจากเมื่อวาน นางเอามาต้ม ทำเป็นเกี๊ยวน้ำ
เฉินจื่ออานไม่เคยกินเกี๊ยวที่ทำด้วยวิธีนี้มาก่อน รู้สึกแปลกใหม่อยู่บ้าง แต่ว่า เขานั้นไม่เลือกกิน หลังจากกินไปหนึ่งถ้วย เขาก็พูดยิ้มๆว่า
“กินเช่นนี้ก็ลื่นคอดี”
ลู่ม่านยิ้มพลางเก็บถ้วยชาม แล้วพูดว่า “วันนี้มีภารกิจหนึ่งต้องให้เจ้าทำ”
เฉินจื่ออานตาเป็นประกาย เมื่อวานหมอฟางได้สั่งไว้แล้ว เพราะขาของเขาบาดเจ็บซ้ำๆหลายครั้ง ไม่สามารถออกกำลังอย่างหนักได้ ไม่เช่นนั้นแม้แต่หมอเทวดาก็ช่วยไม่ได้
ฉะนั้น เขากลัวจริงๆว่าเสี่ยวม่านจะดูแลเขาเหมือนกับคนพิการคนหนึ่งจริงๆ
พอดีใจ เขาก็พูดจากส่วนลึกในใจว่า “น้องนาง ยังคงเป็นเจ้าที่รู้ใจข้า”
เสี่ยวม่านค้อนให้เขาแวบหนึ่ง ด้านนอกมีเสียงล้อเลียนของเหยาซื่อดังขึ้น “โธ่เอ๋ย ข้ามาไม่ได้จังหวะแท้ๆ รบกวนเวลาหยอกเย้าของพวกเจ้าสองคน”
“ที่ไหนกัน”ลู่ม่านเก็บข้าวของอย่างไม่รู้สึกเขินอาย แล้วก็เดินออกมา “พี่เหยา ข้ากำลังจะคุยกับท่าน ช่วงบ่ายข้าเตรียมตัวจะเข้าป่าไปเด็ดดอกเก๊กฮวย ท่านจะไปกับข้าหรือไม่”
เหยาซื่อได้ยิน ก็ทั้งตกใจและดีใจ “จริงหรือ”
“เป็นความจริงแน่นอน ตอนนี้ขาของจื่ออานยังไม่หายดี ข้าไปในป่าคนเดียวไม่ปลอดภัย ท่านพี่ก็ถือเสียว่าทำในสิ่งที่ไม่เต็มใจแล้วกัน ”ลู่ม่านพูดติดตลก เหยาซื่อหัวเราะออกมาทันที
“ได้ จะไม่ตกลงได้อย่างไร”นางเข้าใจดี ลู่ม่านนั้นอยากจะช่วยเหลือนาง มิตรภาพนี้ นางจะไม่รับได้อย่างไร
ยิ่งไปกว่านั้น ในไร่นาก็ไม่มีงานอะไรให้ทำ อยู่ในชนบทก็ไม่มีรายได้อะไร มองดูอากาศที่ยิ่งอยู่ก็ยิ่งหนาวลง และใกล้จะปีใหม่แล้ว จะไม่คิดหาวิธีหาเงินได้อย่างไรกันเล่า
ลู่ม่านเห็นนางตอบตกลง ก็ดีใจมาก แล้วถามนางว่าจะหาช่างไม้ได้ที่ไหน เหยาซื่อตบเข่าฉาด “ไยต้องไปถามหาใครอื่น เอ้อร์หนิวของข้านั่นไงเขาทำได้”
ลู่ม่านดีใจ “เช่นนั้นก็ดีเลย ข้ามีเรื่องต้องการให้เขาช่วย”
ทั้งสองคุยกันและเดินออกไปด้านนอก ข้างหลังนั้น เฉินจื่ออานร้องเรียกอย่างน่าสงสารว่า “เสี่ยวม่าน เมื่อครู่เจ้าบอกว่า มีเรื่องจะให้ข้าช่วยมิใช่หรือ”
ลู่ม่านเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ เมื่อครู่ดีใจจนลืมตัว นางรีบเดินกลับไป “มี ย่อมมีแน่นอน”
เมื่อวานตอนที่มาที่นี่ นางเห็นว่ารั้วบ้านผุพังหมดแล้ว พอดีกับที่ในบ้านทรุดโทรมนั้น ยังมีไม้ส่วนหนึ่งที่ใช้ไม่หมดเหลืออยู่ นางเห็นว่าเฉินจื่ออานจะว่างจนคิดฟุ้งซ่าน จึงอยากจะให้เขานั่งบนเก้าอี้ ใช้เชือกร้อยมันไว้ด้วยกัน
ถ้านางว่างแล้ว ค่อยติดตั้ง เพื่อเพิ่มความปลอดภัย ให้กับบ้านหลังนี้สักหน่อย
หลังจากสั่งการแล้ว ลู่ม่านจึงกลับไปพร้อมกับเหยาซื่อ หวังเอ้อร์หนิวกำลังยุ่งอยู่ในบ้าน เด็กๆทั้งสามคนกำลังตากแดดอยู่หน้าประตูบ้าน
เมื่อคืนท้องฟ้ามืดแล้ว ลู่ม่านเห็นไม่ค่อยชัด วันนี้มองเห็นชัดเจนแล้วจึงพบว่าบ้านที่แม้ว่าจะมองว่าเก่ามาก แต่ก็ถูกซ่อมแซมอย่างสวยงาม
เก้าอี้ที่เด็กๆนั่งอยู่ ก็ประณีตมาก ข้างบนยังแกะสลักลวดลายเล็กๆน้อยๆเอาไว้ด้วย
เห็นลู่ม่านเอาแต่จ้องมอง เหยาซื่อก็หยิบขึ้นมาเสนอขายทันที “เหล่านี้ล้วนเป็นฝีมือของสามีข้า เป็นอย่างไรบ้าง”
“สวยจริงๆ”ลู่ม่านนั้นชื่นชมคนที่มีความสามารถมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว นั้นจึงไม่ขี้เหนียวต่อคำชื่นชมของตนเองเลยสักนิด
ผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ เพราะคำชื่นชมทำให้ใบหน้าแดงขึ้นมาเล็กน้อย เหยาซื่อพูดเสียงขึ้นจมูกว่า“เสี่ยวม่านอยากให้เจ้าช่วย เจ้าไม่ต้องถ่อมตนแล้ว”
หวังเอ้อร์หนิวถามด้วยสีหน้าจริงจัง “เรื่องอะไร”
ลู่ม่านเอาภาพที่วาดเอาไว้ออกมา ยื่นให้หวังเอ้อร์หนิว “ตอนนี้จื่ออานเดินเหินไม่ได้ เขาเองก็อุดอู้จนไม่สบายใจ ข้าคิดว่า ถ้าหากสามารถทำรถไม้ที่มีลักษณะเช่นนี้ได้ เขาก็จะสามารถเข็นรถเดินเองได้แล้ว”
แต่ว่า ก็ไม่สามารถระบายความโกรธกับลู่ม่านได้ จึงได้เอาความโกรธเหล่านั้นไปลงที่ตัวของเหอฮัว
“ข้าพูดเจ้าได้ยินหรือไม่ ยังไม่รีบไปซักผ้าอีก ทั้งคนแก่ทั้งเด็ก จะให้ข้าคอยรับใช้หรืออย่างไร”
ลู่ม่านมองไปทางห้องของจ้าวซื่อแวบหนึ่ง ประตูห้องปิดสนิท เห็นที จ้าวซื่อไม่อยู่บ้านอีกแล้ว
คิดถึงตรงนี้ ลู่ม่านก็เอ่ยขึ้นว่า “ท่านแม่ ข้ามาชวนเหอฮัวไปเก็บดอกเก๊กฮวยด้วยกัน”
เมื่อเสียงของลู่ม่านดังขึ้น เหอฮัวก็เงยหน้าขึ้นทันที มองลู่ม่านอย่างมีความหวัง แม้จะออกไปเด็ดดอกเก๊กฮวย เงินเหล่านั้นก็ต้องถูกเฉินหลี่ซื่อเอาไปอยู่ดี แต่อย่างน้อยช่วงเวลาที่ได้ติดตามลู่ม่านก็มีความสุขมาก
ไม่จำเป็นต้องเผชิญหน้าเฉินหลี่ซื่อ ฟังนางบ่นเสียงดังทั้งวัน
เฉินหลี่ซื่อใบหน้าคล้ำลง เงินที่ได้จากการเด็ดดอกเก๊กฮวยนั้นไม่น้อย แต่ว่า ใจนางก็ไม่อยากจะให้เหอฮัวติดตามเรียนรู้จากลู่ม่าน เด็กคนนี้ หลายวันก่อนดื้อรั้นยิ่งนัก สองสามวันนี้ไม่ง่ายเลยกว่าจะสั่งสอนให้เชื่อฟังได้
ลู่ม่านเห็นดังนั้น จึงพูดว่า “ได้ยินมาว่า อากาศยิ่งอยู่ก็ยิ่งหนาวลง ดอกเก๊กฮวยจะหมดฤดูกาลแล้ว ถ้าหากท่านแม่ไม่อยากให้เหอฮัวไป เช่นนั้นก็ช่างเถอะ”
“ไป”ในที่สุดเฉินหลี่ซื่อก็ยอมแต่โดยดี นางก็เป็นเกษตรกร ย่อมรู้ว่า ที่จริงดอกไม้มากมายนอกหมู่บ้านไป่ฮัวล้วนถูกน้ำค้างแข็งตายหมดแล้ว มีเพียงบริเวณป่าที่ถูกต้นไม้ปกคลุมเอาไว้ ยังมีดอกไม้ป่าหลงเหลืออยู่บ้าง
สามารถหาเงินได้เล็กน้อยก็ยังดี ที่บ้านยังต้องมีที่ต้องใช้จ่ายอีกมาก
เหอฮัวได้ยินดังนั้น ก็ดีใจราวกับนกน้อยที่ได้ออกจากกรง วางทุกอย่างลง เอากระบุงวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อทั้งสามคนเดินออกไปนอกหมู่บ้าน เหอฮัวก็มองไปทางลู่ม่านอย่างมีความหวัง “น้าสาม ข้าคิดว่าท่านจะไม่มาหาข้าแล้ว”
ลู่ม่านนิ่งอึ้ง “จะเป็นไปได้อย่างไร”
“แต่ว่าพ่อข้า……”เหอฮัวก้มหน้าลง ครั้งที่แล้ว ตอนที่ลู่ม่านกับเฉินจื่ออานถูกคนในบ้านกดดัน พ่อกับแม่นางต่างก็ไม่กล้าออกหน้าช่วยพูดจา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน
เป็นพอ.ที่กลับกรอก เป็นที่พึ่งไม่ได้เลย ยอกจะออกจากครอบครัวเลวๆนี่ไม่จริงอีก ภาระของนางเอก ถ่วงแข้งถ่วงขาจริงๆ...
เด็กไม่ตายเพราะแม่คลอดยากจะตายเพราะคนรับใช้ป้อนโจ๊กข้าวจนอิ่มตื้อ รอดได้คือดวงแข็งเว่อ...
อ่านไป งงไป ตัดสินประหาร หรืออภัยโทษ?...
หม่อมข้า? ใช้ MS Word ไม่ระวังเลย...
ตั้งแต่ต้นจนถึงตอน 337 แล้ว โดยภาพรวมพระเอกไม่ค่อยมีเสน่ห์ ไม่เฉียบแหลมเลย...
อะไรจะมีปมขนาดนั้น วุ่นวายตอกย้ำเหลือเกินเกี่ยวกับระบบศักดินา ทั้งที่มันเป็นคนละยุคสมัยกัน...
ตอน285-287 หายทำไงดี...
ตอนหายค่ะ 284แล้วกระโดดไป288เลยค่ะ...
บท 285-287 หายค่ะ 284แล้ว288เลย รบกวนด้วยค่ะ...
281-311 รบกวนด้วยค่ะ...