ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 41

พ่อของนางเก่งเรื่องเยินยอไม่รับผิดชอบ แม่ของนางเป็นคนขี้ขลาด ส่วนนางเป็นคนฐานะต่ำต้อย คำพูดไม่มีใครให้ความสำคัญ

“เรื่องของผู้ใหญ่เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ เจ้ายังเล็ก ยังไม่ต้องเอามาใส่ใจ”

เหอฮัวจึงค่อยหัวเราะ พร้อมพูดขึ้นว่า “ขอบคุณน้าสาม"

ทั้งสามคนยังคงไปที่เดิมที่เคยไป ครั้งก่อนพวกเขายังเก็บไม่หมด น่าจะยังพอเก็บอีกหนึ่งวัน

เพิ่งมาถึงครึ่งทาง ลู่ม่านก็พบว่าผิดปกติ ก่อนหน้านี้ ตอนที่พวกเขามา ที่นี่มีร่องรอยคนน้อยมาก อีกอย่าง สภาพแวดล้อมรอบ ๆ ก็ล้วนสะอาดอย่างมาก

แต่ตอนนี้เปลี่ยนไปอย่างมาก

ต้นพืชมากมายถูกเหยียบล้ม เห็นได้ชัดว่าเคยมีคนมา

เหยาซื่อก็ค่อนข้างตกใจ เดิมนางยังคาดหวังว่าจะสามารถมีรายได้เพิ่มบ้าง แต่ใครจะไปรู้ว่ามาครั้งแรกก็เจอเรื่องแบบนี้แล้ว

แต่นางก็ยังพูดปลอบว่า “บางทีอาจจะเป็นคนล่าสัตว์เดินผ่านก็ได้”

ทั้งสามคนต่างไม่พูดอะไรอีก รีบมุ่งเดินไปข้างหน้า ตอนที่ไปถึงที่นั่น ยืนยันความคิดของลู่ม่าน

ดอกเก๊กฮวยป่าเต็มทุ่งนั่น ไม่มีแล้ว รวมถึงที่นางเด็ดก่อนหน้านี้ ดอกที่เหลือที่ยังไม่บาน ที่ไม่เหมาะสม ล้วนถูกเด็ดไปหมดแล้ว

ดอกไม้ป่าทั้งหมด ตอนนี้เหลือเพียงตอ

ลู่ม่านขมวดคิ้ว พร้อมพูดขึ้นว่า “เห็นที คงมีคนรู้แล้วว่าดอกเก๊กฮวยป่าสามารถขายได้เงิน”

เหอฮัวก็พูดขึ้นอย่างโศกเศร้าว่า “พวกเรามาช้าไปแล้ว”

“ไม่เป็นไร” ลู่ม่านลูบหัวของนาง พร้อมพูดขึ้นว่า “พวกดอกเก๊กฮวยป่า เดิมก็ไม่ต้องมีเทคนิคอะไร คนอื่นแค่มองเห็นก็รู้แล้วว่าทำยังไง เดิมข้ายังคิดว่าจะสามารถเก็บได้จนถึงสิ้นปีนี้ คิดไม่ถึงว่าจะเร็วขนาดนี้”

เหยาซื่อที่อยู่ด้านข้างคุกเข่ามองดูใบไม้ จู่ๆ ก็พูดขึ้นว่า “ที่แท้นี่ก็คือดอกเก๊กฮวยป่าหรือ?”

“พี่เหยาเคยเห็นว่าที่ไหนมี?”

“ก่อนหน้านี้เคยขึ้นเขาไปกับสามีแล้วเห็นหลายที่ บางทีพวกนางอาจจะยังหาไม่เจอ เราไปดูกันไหม”

ลู่ม่านตื่นเต้นขึ้นมาทันที ทั้งสามคนตามเหยาซื่อเดินเข้าไปในหุบเขา ตลอดทาง พบเห็นเห็ดกับของป่าไม่น้อย พวกเขาต่างเด็ดเก็บใส่กระบุง

เดินต่ออีกประมาณครึ่งชั่วโมง ในที่สุดพวกนางค่อยเดินมาถึงตรงที่เหยาซื่อพูดถึง และแล้วก็มีดอกสีเหลืองอร่ามเต็มไปหมด

ถึงแม้จะน้อยกว่าที่เดิมบ้าง แต่ยังไงก็ถือว่าไม่น้อยแล้ว และร่มเงาที่นี่หนาแน่นกว่าที่นั่น ดังนั้นพืชที่นี่จึงไม่โดนความเย็นจากน้ำค้าง

โดยเฉพาะเหอฮัว ความโศกเศร้าเมื่อกี้หายไปหมด นางกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง

ลู่ม่านบอกข้อควรระวังให้เหยาซื่อรู้ แล้วทั้งสามคนก็เริ่มคุยกันไปเรื่อย เด็ดดอกเก๊กฮวยป่าไปด้วย

รอเมื่อพระอาทิตย์ตก แต่ละคนก็เด็ดได้คนละกระบุงแล้ว เมื่อเหอฮัวทำของตนเองเสร็จแล้ว ก็ช่วยลู่ม่านเด็ดได้อีกจำนวนมาก

ในใจลู่ม่านรู้ดี จึงปล่อยให้นางทำไป

รอเมื่อกลับไปแล้ว จู่ๆ เหยาซื่อก็พูดขึ้นมาว่า “ข้าจำได้ว่าใกล้ๆ นี้มีต้นผลไม้ป่า ข้าจะไปเก็บกลับไปให้ลูกแสนซนทั้งสามคนของข้า”

ลู่ม่านก็แปลกใจ นางมาที่นี่ตั้งนาน ยังไม่เคยได้ทานผลไม้แล้ว พอดีเลยจะได้ไปหาลองชิมดู

เมื่อไปถึงแล้วค่อยรู้ว่า ผลไม้ป่าที่เหยาซื่อพูดถึง เป็นต้นส้ม

ส้มพวกนี้ครั้งก่อนลู่ม่านกับเหอฮัวเคยกินตอนอยู่ที่ภัตตาคารเฟิ่งหลาย เอามาใช้ทำเครื่องปรุงรสสำหรับปลาดิบ จู่ลู่ม่านก็คิดอะไรขึ้นมาได้แล้วหันไปถามเหยาซื่อที่กำลังเด็ดส้มว่า “พี่เหยา ใกล้ๆ นี้ยังมีต้นแบบนี้อีกไหม?”

เหยาซื่อพยักหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “มีเยอะมาก ข้าได้ยินมาว่า เมื่อก่อนมีครอบครัวใหญ่มาปลูกต้นผลไม้ที่นี่ ต่อมา ไม่รู้ว่ายังไง เลิกกิจการไปแล้ว ต้นผลไม้พวกนี้จึงถูกพวกโจรคนร้ายขุดไป อาจเป็นเพราะหลังจากคนพวกนั้นขุดไปแล้วยังเหลือไว้บ้าง ในป่ายังเหลืออีกไม่น้อย”

ลู่ม่านพยักหัว ในใจเริ่มมีความคิดอย่างหนึ่งขึ้นมา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน