ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 391

สรุปบท บทที่ 391 โวยวายไร้เหตุผล: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน

อ่านสรุป บทที่ 391 โวยวายไร้เหตุผล จาก ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน โดย ฝูเชิง

บทที่ บทที่ 391 โวยวายไร้เหตุผล คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายประวัติศาสตร์ ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย ฝูเชิง อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

วันรุ่งขึ้น หลังจากที่ลู่ม่านตื่นขึ้นมาแล้ว ความโกรธก็จางหายไป

ขณะที่กินอาหารเช้า ลู่หมินก็พาลู่ซูซื่อมาขอโทษต่อเฉินจื่ออานแล้ว ลู่ซูซื่อไม่ยอมพูดด้วยความอึดอัดเขินอาย เนื่องจากลู่หมินบังคับ นางถึงได้พูดออกมา

“จื่ออาน เมื่อวานแม่ผิดเอง ไม่ควรจะพูดกับเจ้าขนาดนั้น จริงๆแล้วแม่ก็ถูกแม่ของเจ้าทำให้โมโหเหมือนกัน พลั้งปากพูดออกไปเช่นนั้น เจ้าไม่ต้องเก็บไปใส่ใจหรอกนะ ”

“ไม่เป็นไรขอรับ ”เฉินจื่ออานพูดอย่างยิ้มแย้ม“คนในครอบครัวอยู่ด้วยกันมันก็ต้องมีปัญหาอุปสรรคกันบ้าง”

“ถ้าอย่างนั้นก็ดีเลย ” ลู่ซูซื่อก็มีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง“จื่ออานพูดถูก คนในครอบครัวเดียวกันมันก็ต้องอ่อนโยนและมิตรไมตรีสิถึงจะถูก รีบมานั่งกินข้าวกันเถอะ”

พอเฉินจื่ออานฟังจบ ก็เรียกให้มาทานข้าวด้วยกัน

อาหารมีมากมายเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน หลายอย่างในนั้นยังมีเค้กที่ลู่ม่านเป็นคนทำด้วยตัวเองอีกด้วย นุ่มนวลถูกปาก หลังจากที่ลู่ซูซื่อกินแล้ว ก็รู้สึกประหลาดใจ

“นี่คืออะไร ทำไมถึงอร่อยขนาดนี้ ”

“นี่คือเค้กเจ้าค่ะ ”เหอเย่วพูดขึ้นอย่างมีมารยาท“เป็นอาหารที่ฮูหยินของพวกเราทำด้วยตัวเองเลยเจ้าค่ะ”

“เสี่ยวม่าน เจ้าฉลาดเฉลียวเก่งกาจแบบนี้มาตั้งแต่เด็กจริงๆ ”

ลู่ม่าน“……”

ถ้าลู่ม่านจำไม่ผิดล่ะก็ ลู่เสี่ยวม่านแต่ก่อนแม้แต่จุดไฟก็ยังทำไม่เป็นเลยไม่ใช่หรือ แล้วในเรื่องของการทำอาหาร จะเฉลียวฉลาดและเก่งกาจได้ยังไง

แต่ว่า ลู่ซูซื่อพูดแบบนี้แล้ว ลู่ม่านเองก็ขี้เกียจที่จะโต้แย้งกลับไปเหมือนกัน แล้วแต่นางเลยแล้วกัน

พอเห็นว่าลู่ม่านไม่สนใจตนเอง ลู่ซูซื่อก็หันมองไปยังเฉินจื่ออานพร้อมกับพูดอย่างยิ้มแย้ม“จื่ออาน เมื่อคืนแม่เพิ่งจะได้รู้ ว่าที่แท้เจ้าก็กำลังเตรียมสอบช่วงฤดูใบไม้ผลิของปีหน้าอยู่อย่างนั้นหรือ ”

เฉินจื่ออานอึ้งตะลึง“อื้อ มีความคิดนี้อยู่เหมือนกันขอรับ”

“ถ้าอย่างนั้นดีเลย ”ลู่ซูซื่อพูดอย่างยิ้มแย้ม“แม่ว่าแล้ว เด็กแบบเจ้าไม่ใช่ชาวนาธรรมดาทั่วไป เสี่ยวม่านของพวกเราอยู่ด้วยกันกับเจ้า แม่เองก็วางใจลงได้แล้ว เจ้าตั้งใจเรียนหนังสือ ถ้าสอบช่วงฤดูใบไม้ผลิในปีหน้าได้แล้ว แบบนี้เสี่ยวม่านของพวกเราก็จะได้กลายเป็นฮูหยินของข้าราชการ ตำแหน่งอันเหรินนี้ก็จะได้ยกระดับสูงขึ้นอีกอย่างเลี่ยงไม่ได้แน่นอน ”

โกหกซึ่ง ๆ หน้า เมื่อวานเห็นๆอยู่ว่าดูถูกดูแคลนเฉินจื่ออานขนาดนั้นแท้ๆ

ลู่หมินเองก็ฟังต่อไปไม่ได้แล้ว ไอกระแอมเบาๆหนึ่งที“แม่ กินเค้กอีกสักชิ้นสิขอรับ ”พูดจบ ก็คีบเค้กหนึ่งชิ้นใหญ่ยื่นให้กับลู่ซูซื่อ

แต่ว่าเค้กหนึ่งชิ้นใหญ่นั้น ก็อุดปากของลู่ซูซื่อไว้ไม่อยู่

นางพูดขึ้นมาต่อ“ตอนที่กำลังเดินอ้อยอิ่งอยู่ในเมือง แม่ก็ได้ยินพวกผลไม้กวนกับผงเครื่องเทศสิบสามชนิดของบ้านเฉินแห่งหมู่บ้านไป่ฮัวมา แม่ยังไม่เคยเห็นมาก่อนเลย เสี่ยวม่านเจ้าพาแม่ไปดูสักหน่อยได้ไหม ”

ลู่ม่านขมวดคิ้ว“โรงงานหยุดกันหมดแล้ว ตอนนี้แม้แต่คนคนเดียวก็ไม่มี แม่จะไปดูอะไร ”

“ไม่มีคนมันก็ดีกว่าไม่ใช่หรือ แม่ก็จะได้ดูอย่างสะดวกสักหน่อย”

“ดูไม่ได้ ”ลู่ม่านพูดออกมาตรงๆ“โรงงานนั่นเป็นโรงงานที่ข้ากับตระกูลจวงเป็นหุ้นส่วนกัน หลังจากที่หยุดแล้ว ผู้ดูแลของตระกูลจวงของพวกเขาก็ทำการล็อกประตูเอาไว้แล้ว ข้าเองก็ไม่มีกุญแจ เปิดประตูไม่ได้”

ลู่ซูซื่อพอได้ฟังแบบนั้น ก็รู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก

“ถ้าอย่างนั้นก็ช่างมัน มาสิ กินเยอะๆหน่อย”

อาหารมื้อเช้าก็สิ้นสุดลงไปทั้งอย่างนี้ วันนี้ต้องไปเตรียมบดเต้าหู้แล้วก็ทำหมั่นโถว

เรื่องบดเต้าหู้ ลู่ม่านก็ยกให้เป็นหน้าที่ของหรูเฟิงหรูอวี่ ส่วนทำหมั่นโถวลู่ม่านกับเหอเย่วก็จัดการเองที่บ้าน ยายอิงก็ช่วยร่วมแรงด้วย

“ใช่ คนใช้แบบเจ้าอยู่จัดการงานในบ้านก็ได้แล้ว ส่วนเรื่องซื้อของอะไรพวกนี้ ไม่ต้องเข้าไปยุ่งหรอก ให้พี่ชายของเจ้าไปซื้อให้เจ้าแทน ”พูดจบ ลู่ซูซื่อก็เดินเอาเงินหนึ่งพันเหวินนั้นไป

ลู่ม่านเรียกนางเอาไว้ทันที“หยุดก่อน แม่ มันเกินไปแล้วนะ”

“แม่เกินไปยังไง ”ลู่ซูซื่อพูดถามขึ้นด้วยความสงสัย“แม่แค่พูดดุด่าคนใช้คนเดียวมันผิดอย่างนั้นหรือ ”

“ผิดเจ้าค่ะ เหอเย่วเคยช่วยชีวิตของข้ามาก่อน ภายในใจของข้านางก็คือคนในครอบครัวของข้า แม่จะพูดแบบนี้ได้ยังไง ”

ลู่ซูซื่อพอเห็นว่าลู่ม่านท่าทีจริงจัง ก็เริ่มสะอึกสะอื้นเหมือนจะร้องไห้“แม่เป็นแม่ของเจ้านะ เสี่ยวม่าน ที่แม่ทำแบบนี้ก็เพราะว่าหวังดีกับเจ้านะ”

เพื่อตัวเองอีกแล้ว ลู่ม่านสบถหึออกมา“ข้าทำอะไรตัวคนเดียวจนชินแล้ว ไม่ต้องให้ใครมาทำดีกับข้า ถ้าเกิดแม่อยากจะช่วย ก็ช่วย ถ้าไม่อยากช่วย ก็อยู่เฉยๆก็ได้ ถ้าไม่ไหวจริงๆ คราวที่แล้วข้าเองก็บอกแล้ว ว่าให้แม่กลับไปก็ได้ ตราบใดที่อยู่ในบ้านของข้า แม่ต้องเคารพขอบเขตพื้นที่ของข้า ”

พูดจบ นางก็ดึงเงินหนึ่งพันเหวินนั้นกลับมาทันที หันมองไปหาเหอเย่วที่ขอบตาแดงแล้ว ก่อนจะพูดขึ้น“ไปเถอะ เหอเย่ว พวกเราไปซื้อของในเมืองกัน ”

“พี่เสี่ยวม่าน ”เหอเย่วพูดขึ้นด้วยขอบตาที่แดง“ไม่เป็นไรหรอกเจ้าค่ะ เดี๋ยวบ่าวทำแป้งห่ออยู่ในบ้านดีกว่าเจ้าค่ะ ”

“เจ้าไม่ไป แล้วใครจะขับเกวียนให้ข้า ”ลู่ม่านจงใจพูดขึ้น

ตอนนี้เหอเย่วถึงได้เช็ดมือ แล้วตามไปด้วยกัน ทิ้งให้ลู่ซูซื่อยืนอยู่ตรงนั้นตามลำพัง โกรธเคืองเป็นอย่างมาก

ระหว่างทางไปในเมือง เหอเย่วพูดขึ้นมาอย่างระมัดระวัง“พี่เสี่ยวม่าน การที่มีครอบครัวถือเป็นเรื่องที่ดีมากๆเลยนะเจ้าคะ ช่วงหลังๆนี้พี่เสี่ยวม่านต้องระวังอารมณ์ของตัวเองสักหน่อยนะเจ้าคะ อย่าเอาแต่ไปยุแหย่ฮุหยินให้โมโหนักเลยเจ้าค่ะ”

“มีครอบครัวเป็นเรื่องที่ดี แต่ก็ต้องดูด้วยว่าเป็นคนในครอบครัวแบบไหน ถ้าเกิดเป็นคนในครอบครัวที่มาทำลายชีวิตของข้า ข้าขอไม่เอาดีกว่า”ลู่ม่านพูดขึ้นอย่างเด็ดขาด

“เจ้าก็ด้วย จะดีจะร้ายยังไงเจ้าก็เป็นคนของข้า คราวหลังก็หัดเข้มแข็งบ้าง อย่าเอาแต่ยอมให้คนมากลั่นแกล้ง คนอื่นกลั่นแกล้งรังแกเจ้าข้าเองก็พลอยอับอายไปด้วย ไม่ใช่หรือไง ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน