ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 394

สรุปบท บทที่ 394 ฉลาดเกินไปจนเป็นภัยต่อตนเอง: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน

ตอน บทที่ 394 ฉลาดเกินไปจนเป็นภัยต่อตนเอง จาก ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 394 ฉลาดเกินไปจนเป็นภัยต่อตนเอง คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายประวัติศาสตร์ ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน ที่เขียนโดย ฝูเชิง เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

แต่ว่า เรื่องทางด้านของเฉินหลิ่วเอ๋อไม่มีเวลาจะไปสนใจแล้ว เพราะว่าลู่ซูซื่อรู้เรื่องที่ลู่หมินบอกกับตัวเองเรียบร้อยแล้ว นากโหวกเหวกโวยวายขึ้นมา

“เสี่ยวม่าน นี่เจ้าไล่แม่ไปอย่างนั้นหรือ เจ้านี่มันนังหญิงเนรคุณ แม่เลี้ยงดูเจ้ามาตั้งแต่เด็กจนโต แต่เจ้ากลับขับไล่แม่ ต่อให้เจ้าไม่ใช่ลูกแท้ๆของแม่ แต่ถึงยังไงแม่ก็เลี้ยงดูเจ้ามาจนเติบใหญ่นะ ทำไมเจ้าถึงไม่นึกถึงเรื่องราวในอดีตบ้างเลยล่ะ ”

พอคำพูดนี้ออกมา ทุกคนในบ้านต่างก็อึ้งตะลึง

ผู้หญิงที่เรียกตัวเองว่าเป็นแม่แท้ๆของอันเหรินคนนี้ ที่แท้ก็ไม่ใช่แม่แท้ๆของลู่ม่าน เฉินจื่ออานหันมองลู่ม่าน ลู่ม่านส่ายหัวให้กับเขาเล็กน้อย

พูดถามกลับ“ก่อนหน้านี้ไม่กี่วันแม่ยังบอกอยู่เลยว่าข้าเป็นลูกของแม่ไม่ใช่หรือ ”

“ข้า……”ลู่ซูซื่อพูดไม่ออก ผ่านไปนานสองนานถึงได้พูดขึ้นมา“แม่ยอมรับ ว่าแม่หลอกลวงเจ้า แม่อยู่ในตำบลได้ยินคนอื่นพูดชื่อของเจ้า แล้วก็คอยสังเกตอยู่ข้างหลังของเจ้าอยู่ตลอดหลายวัน จึงได้รู้ว่าเจ้าสูญเสียความทรงจำอย่างไม่ได้ตั้งใจก็เลยฉวยโอกาสปรากฏตัวออกมาตอนที่มีคนมาแก้แค้นเจ้าในคืนนั้น ทำเหมือนว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญ แต่ว่า ในคืนนั้น แม่ช่วยเจ้าเอาไว้จริงๆนะ”

“แม่ควรจะชื่นชมยินดีนะที่แม่ได้ช่วยข้าไว้ ไม่อย่างนั้นข้าก็ไล่แม่ออกไปตั้งแต่หลายวันก่อนแล้ว”ลู่ม่านพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา

นางยังนึกว่าตัวเองแสร้งทำเป็นเหมือนกับรู้เรื่องทั้งหมด ฉวยโอกาส ใครจะไปรู้ว่าตัวเองถูกคนคิดวางแผนเอาไว้แล้ว ดังนั้น ชีวิตคนเรามันก็เป็นเช่นนี้ เจ้านึกว่าตัวเองคิดคำนวณเอาไว้อย่างดีแล้ว แต่กลับไม่รู้เลยว่า ตัวเองตกอยู่ในแผนการคิดคำนวณของคนอื่นไปตั้งนานแล้ว

“เจ้าจะไล่แม่ไปจริงๆหรือ ”ลู่ซูซื่อพูดเสียงสูงขึ้นมา

“แม่ก็ไม่เคยมีความรู้สึกเป็นแม่ลูกกับข้ามาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วไม่ใช่หรือ เมื่อก่อนตอนที่ข้าอยู่ในบ้าน แม่ก็เห็นข้าขัดหูขัดตามาโดยตลอด พอข้าออกมา ถ้าไม่ใช่เพราะว่าข้ายืนอยู่ในตำแหน่งแบบในตอนนี้ แม่ก็คงจะไม่โผล่ออกมาหรอกสินะ ”

“เจ้ารู้ได้ยังไง……”ลู่ซูซื่อถลึงตาโต หันกลับไปมองลู่หมินที่ยืนอยู่ตรงนั้น โมโหขึ้นมาทันที“เจ้าโง่ ทำไมเจ้าถึงได้โง่ขนาดนี้กันนะ สิ่งเหล่านี้ที่แม่ทำเพื่ออะไร ก็เพื่อให้เจ้ามีอนาคตที่ดีไม่ใช่หรือไง แต่ดูเจ้าสิ กลับไม่เอาอะไรสักอย่าง แล้วตอนนี้เจ้าจะให้แม่กลับไปทนลำบากไม่มีอันจะกินด้วยกันกับเจ้าอย่างนั้นหรือ ”

ลู่หมินขมวดคิ้วแน่น“แม่ ที่เสี่ยวม่านมีวันนี้ได้ ก็เป็นเพราะว่าตัวของนางเอง พวกเราไม่ได้ทำอะไรเลยสักนิด แล้วจะไปให้นางวางแผนอนาคตให้กับข้าได้ยังไงกันล่ะ ”

“เจ้าพูดง่ายเกินไป ถ้าเจ้ามีความสามารถคิดวางแผนอนาคต แล้วยังต้องให้แม่พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อเจ้าอีกทำไม ”ครั้งนี้ ลู่ซูซื่อรู้สึกเจ็บปวดอยู่ภายในแล้วจริงๆ นางยืนกุมหน้าอกพูดอะไรไม่ออกอยู่ตรงนั้น

“เสี่ยวม่าน ขอโทษด้วยนะ……”ลู่หมินพูดขึ้น

“ไม่เป็นไรหรอก ”ลู่ม่านส่ายหัว“พวกพี่กลับไปก่อนเถอะ พรุ่งนี้ก็จะเป็นวันสิ้นปีแล้ว มีเรื่องอะไรก็ค่อยว่ากันหลังปีใหม่เถอะนะ ”

พอได้ยินว่าวันส่งท้ายปี ลู่ซูซื่อก็มีแรงฮึดขึ้นมา ในเมื่อลู่ม่านรู้เรื่องที่ว่าตัวเองไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆของนางแล้ว นางก็ไม่มีอะไรที่ต้องกลัวอีกต่อไป

พูดออกมาตรงๆ“แม่เลี้ยงดูเจ้ามาเปล่าๆตั้งสิบกว่าปี ตอนนี้เจ้ามีเงินทองแล้ว ในช่วงปีใหม่แบบนี้ ในฐานะที่เป็นพี่ชายกับแม่ของเจ้า เจ้าไม่อยากจะแสดงสินน้ำใจอะไรเลยหรือไง อาหารเครื่องนุ่งห่มในบ้านตลอดช่วงหลายปีมานี้ มันต้องใช้เงินตั้งมากมาย เจ้าเอามาคำนวณรวมกันทีเดียว พรุ่งนี้ฉลองปีใหม่เสร็จ แม่จะมาเอา หลังจากได้แล้วพวกเราก็จะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก ”

พูดจบ ลู่ซูซื่อก็หันตัวเดินจากไป ลู่หมินหันมองลู่ม่านอย่างขอโทษ ก่อนจะหันเดินตามไป

ข้างหลัง เหอเย่ว หรูเฟิง หรูอวี่สาวใช้ทั้งสามคนต่างก็โมโหกันแทบจะทนไม่ไหว“ที่แท้ฮูหยินคนนี้ก็ไม่ใช่แม่แท้ๆของท่าน แล้วนางยังกล้ามาทำแบบนี้อีกเหรอ ”

“ใช่ๆ สู้ไล่นางออกไปโดยตรงเลยดีกว่า ”

“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องให้นางส่งสร้อยคอที่เอาไปเมื่อหลายวันก่อนมาก่อนสิ ”

ทั้งสามคนต่างรู้สึกโกรธเคืองเนื่องด้วยความไม่ยุติธรรม แต่จู่ๆลู่ม่านกลับหัวเราะออกมา ทำเอาสาวใช้ทั้งสามคนตกอกตกใจกันไปหมด“พี่เสี่ยวม่าน ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่าเจ้าคะ ”

“จะต้องโกรธมากเกินไปแน่ๆ ฮูหยิน รีบกลับไปเถอะเจ้าค่ะ เดี๋ยวข้าจะไปต้มชาช่วยให้อารมณ์สงบให้สักถ้วยนะเจ้าคะ ”

“ไม่ถูกสิ ไม่ถูกสิ ต้องเป็นชาสงบจิตที่ทำให้จิตใจสงบนิ่งสิ ”

เสียงที่เข้าประตูมาของพวกลู่ม่านดังปลุกความคิดของเขา เขาโยนดอกไม้แดงนั้นเข้าไปในตะกร้ากระดาษที่อยู่ข้างๆอย่างรีบร้อน

ตะกร้ากระดาษนั้นเป็นของที่ลู่ม่านทำขึ้นมาตอนที่เห็นว่ากระดาษที่ใช้แล้วของเฉินจื่ออานไม่มีที่ให้ทิ้งก่อนหน้านี้ โดยอิงจากถังขยะในยุคปัจจุบัน ข้างในมีแต่กระดาษใช้แล้ว สะอาดสะอ้านมากๆ

ลู่ม่านเดินตรงเข้าไป ก้มลงเก็บดอกไม้แดงขึ้นมา

“อาจารย์โจว เขาว่ากันว่า ให้รักหยกถนอมบุปผา ท่านเป็นสุภาพบุรุษทำไมถึงโยนดอกไม้สดที่แสนสวยงามขนาดนี้ทิ้งไปราวกับทิ้งรองเท้าคู่เก่าเลยล่ะเจ้าคะ ”

อาจารย์โจวหัวเราะเบาๆออกมา“ยัยหนู เจ้าอยากจะพูดอะไร ”

“ข้าไม่ได้อยากจะพูดอะไรหรอก ”ลู่ม่านพูดอย่างยิ้มแย้ม“แต่แค่ว่า วันพรุ่งนี้ก็จะปีใหม่แล้ว แม่นางเยาอยู่ที่แปลงดอกไม้ตรงชานเมืองตัวคนเดียว จะต้องรู้สึกโดดเดี่ยวไม่น้อย งานในบ้านของข้าก็ค่อนข้างยุ่ง ส่งคนออกมาไม่ได้เลย วันพรุ่งนี้อาจารย์โจวช่วยไปเชิญแม่นางเยาที่ชานเมืองมาฉลองปีใหม่ด้วยกันได้หรือไม่ ”

อาจารย์โจวขมวดคิ้ว“ข้าไม่ยักรู้เลยว่าทำไมจู่ๆในบ้านก็ส่งกำลังคนออกมาไม่ได้เลย ”

ลู่ม่านยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์“ส่งคนออกมาไม่ได้เลยเจ้าค่ะ อาจารย์โจวท่านตัดสินใจจัดการเองก็แล้วกัน ถ้าเกิดท่านไม่ไป เกรงว่าแม่นางเยาก็คงจะต้องฉลองปีใหม่ไปอย่างโดดเดี่ยวตามลำพัง ฉลองปีใหม่คนเดียว คิดๆดูแล้วก็ช่างน่าสงสารเสียจริง”

อาจารย์โจวขมวดคิ้ว ข้ามบทสนทนานี้ไป“จื่ออาน กลยุทธ์การเมืองในวันนี้เจ้าเตรียมตัวพร้อมแล้วหรือยัง เอามาให้ข้าดูหน่อย ”

เฉินจื่ออานรีบส่งกลยุทธ์การเมืองของตัวเองไปทันที รู้สึกว่าจู่ๆอาจารย์โจวก็เปลี่ยนเป็นเข้มงวดขึ้นมา

“ทำไมถึงเขียนแบบนี้ ความคิดของเจ้าคืออะไร ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน