ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 397

สรุปบท บทที่ 397 ใช้ความเป็นญาติมารุกราน: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน

ตอน บทที่ 397 ใช้ความเป็นญาติมารุกราน จาก ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 397 ใช้ความเป็นญาติมารุกราน คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายประวัติศาสตร์ ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน ที่เขียนโดย ฝูเชิง เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

เฉินจื่อฉายยังไม่ทันจะพูดจบ ร่างกายก็เริ่มโซเซจะล้มลงกับพื้น เห็นได้ชัดว่า เขาเสียใจจนเกินขีดจำกัดมาหลายวันแล้ว คงไม่ได้กินอะไรอย่างแน่นอน

“พี่ใหญ่ ”เฉินจื่ออานรีบเข้าไปประคองเขา “เร็วเข้า รีบให้คนไปตามท่านหมอมาเร็ว”

เหอเยว่รีบหมุนตัววิ่งออกไป ลู่ม่านก็พูดขึ้นอีกว่า “รีบประคองพี่ใหญ่เข้าไปด้านใหญ่”

หลังจากจัดแจงเสร็จแล้ว เหอเยว่ก็ลากตัวท่านหมอเข้ามา ท่านหมอวิ่งมาด้วยอาการกระหืดกระหอบ “บ้านพวกเจ้านี่จริงๆเชียว เกิดอะไรขึ้นกันแน่ มีอย่างที่ไหนกัน ในคืนปีใหม่เช่นนี้ยังไปตามข้ามาตรวจคนป่วยอีก”

“ขออภัย ท่านหมอ”เฉินจื่ออานพูด “พี่ใหญ่ข้าเป็นลมไปอย่างกะทันหัน ท่านรีบไปดูเถอะ”

ท่านหมอคนนั้นช่วยตรวจคนไข้ในหมู่บ้านมาตลอด และรู้จักเฉินจื่อฉายด้วย ได้ยินดังนั้น ก็ตกตะลึงทันที “ทำไมจื่อฉายจึงเป็นเช่นนี้ไปได้”

พูดจบ เขาก็เดินเข้าไปตรวจร่างกายให้กับเฉินจื่อฉายและพูดขึ้นว่า “น่าจะเป็นเพราะจิตใจหดหู่ซึมเศร้า บวกกับความหิว เกิดอะไรขึ้นกับเขา ไหนบอกว่าไปหางานทำมิใช่หรือ เห็นทีการไปทำงานข้างนอกก็ไม่ง่ายเลย”

ท่านหมอเอ่ยอย่างทอดถอนใจ แล้วพูดขึ้นอีกว่า “ไม่ต้องกังวล ข้าจะให้ยาเอาไว้ ให้เขาปรับร่างกายสักพัก พวกเจ้าก็เตรียมพวกข้าวต้มหรือโจ๊กไว้ให้เขา รอให้เขาตื่นแล้วลองให้เขากินสักหน่อย”

“ได้”เฉินจื่ออานพยักหน้า

แล้วหันกลับไปมองลู่ม่านแวบหนึ่ง “เสี่ยวม่าน เจ้าให้ตาเกาจุดประทัด พวกเจ้าไปกินข้าวคืนปีใหม่เถอะ ข้าจะอยู่เฝ้าพี่ใหญ่เอง”

ลู่ม่านขมวดคิ้ว นั่งเงียบอยู่ชั่วครู่จากนั้นก็พยักหน้า

“อีกอย่าง เรื่องนี้อย่าเพิ่งบอกให้ท่านพ่อรู้ ท่านพ่ออายุมากแล้ว เกรงว่าจะรับไม่ไหว”

“ได้”ลู่ม่านพูด

แม้จะรู้ดีว่า การตายของเฉินเถาฮัวา จะโทษใครไม่ได้ แต่เรื่องก็ได้เกิดขึ้นมาแล้ว ก็ยังคงรู้สึกไม่สบายใจนัก

วุ่นวายกันอย่างนี้ มื้ออาหารในคืนปีใหม่ ก็ไร้จิตใจจะกินแล้ว ลู่ม่านแทบจะไม่ขยับตะเกียบเลยแต่รอให้ทุกคนกินกันหมดแล้ว จึงเรียกให้เหอเยว่เอาไปอุ่นไว้ในหม้อบางส่วน ตนเองกลับเดินเข้าไปทางห้องนอนแขก

ยังไม่ทันเดินเข้าไปด้านใน ก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายของเฉินจื่อฉาย เฉินจื่ออานน่าจะกำลังขัดขวางเขา เอะอะเสียงดังมาก

คนเรา ก็เป็นเช่นนี้เอง ถ้าหากมีใจอยากจะตาย ก็ไม่เกรงกลัวอะไรทั้งนั้น

ลู่ม่านคิดว่าในเวลาเช่นนี้ แค่เฉินจื่ออานคนเดียวคงไม่ไหว นาหันไปพูดกับหรูเฟิงว่า “เจ้าไปที่บ้านเก่าที ไปเรียกสือซ่วนมาตามลำพัง จำไว้ อย่าทำให้คนอื่นตื่นตกใจไปด้วย”

“ขอรับ”หรูเฟิงรีบหมุนตัวไปทันที ลู่ม่านค่อยผลักประตูเข้าไป

เป็นดังคาด เฉินจื่อฉายกำลังทำท่าจะพุ่งชนกำแพง เฉินจื่ออานกอดเอวเขารั้งตัวเอาไว้

“พี่ใหญ่ ”ลู่ม่านร้องเรียกขึ้นทางด้านหลัง “เถาฮัวาไม่อยู่แล้ว พวกเราต่างก็เสียใจมาก แต่ว่าท่านยังมีจื่ออาน ยังมีท่านพ่อ ยังมีสือซ่วนนี่นา ท่านจากไปเช่นนี้ สือซ่วนจะทำอย่างไร”

“สือซ่วนยังมีท่านปู่ของเขา อย่างไรเสียก็ดีกว่าพ่อที่แม้แต่ลูกของตนเองยังปกป้องไม่ได้แน่ ”เฉินจื่อฉายตะโกน

ว่าแล้ว เฉินจื่อฉายก็ใช้แรงทั้งหมดที่มี ทันใดนั้นก็สะบัดตัวหลุดจากเฉินจื่ออาน พุ่งตรงไปยังกำแพง

ลู่ม่านตกใจจนหัวใจแทบจะกระเด็นออกมา ในขณะเส้นยาแดงผ่าแปดก็มีเสียงของเฉินสือซ่วนดังขึ้นมาอย่างทันท่วงที “ท่านพ่อ……”

เฉินจื่อฉายลังเลไปชั่วครู่ แต่เมื่อครู่เขาวิ่งเร็วไปหน่อย ไม่สามารถหยุดฝีเท้าได้ในทันที เห็นว่าตัวเขากำลังจะชนกำแพงแล้ว หรูเฟิงที่ตามหลังเฉินสือซ่วนรีบพุ่งตัวเข้ามา โยนผ้าห่มบนเตียงออกไป ขวางเฉินจื่อฉายเอาไว้

เฉินจื่อฉายพุ่งชนผ้าห่ม ล้มลงไปนั่งกับพื้น

“อืม เหนื่อยแล้ว และนอนแล้ว เพียงแต่ ข้าดูแล้วเขาก็ยังคงดูหม่นหมองมาก ข้าเกรงว่าเขาจะคิดไม่ตก”เฉินสือซ่วนพูดขึ้น

“เจ้าวางใจได้ ข้าจะดูแลเขาให้ดี”เฉินจื่ออานพูด

เฉินสือซ่วนพยักหน้า “ท่านอาสาม เมื่อครู่ข้าจงใจพูดเช่นนั้นต่อหน้าท่านพ่อ ไม่ได้หมายความว่าท่านอาจะไม่ดูแลข้าจริงๆ ข้าแค่ไม่อยากจะให้ท่านพ่อคิดสั้น

“ข้ารู้”เฉินจื่ออานพูด “ข้าเข้าใจดี”

“เช่นนั้นข้าขอตัวกลับไปก่อน”เฉินสือซ่วนพูด “เมื่อครู่ข้าหาข้ออ้างออกมา ข้าเกรงว่าประเดี๋ยวท่านปู่จะสงสัยเอา ช่วงนี้ท่านปู่ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง ท่านพ่อบอกว่า อย่าบอกท่านปู่”

“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็รีบกลับไปเถอะ”

ลู่ม่านรีบพูดขึ้นอีกว่า “พอดีเลย เมื่อตอนกลางวันพวกเราทำของกินเอาไว้มาก ข้าให้พวกเขาเตรียมเอาไว้ต่างหากแล้ว เจ้าเอากลับไปบ้าง ให้พวกท่านปู่กินด้วย”ว่าแล้ว ลู่ม่านก็ให้หรูเฟิงไปเตรียมของ

“ขอบคุณน้าสาม”เฉินสือซ่วนพูด “เช่นนั้นข้าขอกลับบ้านก่อน ค่ำหน่อยข้าค่อยมาเยี่ยมท่านพ่อ ช่วงนี้ต้องรบกวนน้าสามแล้ว”

“เด็กดี”ลู่ม่านยื่นมือไปลูบศีรษะของเฉินสือซ่วน

กระทั่งช่วงค่ำหลังฟ้ามืดแล้ว เฉินสือซ่วนก็มาจริงๆ เฉินจื่อฉายตื่นแล้ว หลังจากได้พักผ่อนเงียบๆมาพักหนึ่ง เขาดีขึ้นมาบ้างแล้ว

เฉินสือซ่วนเดินเข้าไปร้องเรียกเสียงหนึ่งว่า “ท่านพ่อ ท่านตื่นแล้วหรือ นี่เป็นโจ๊กที่พี่หรูอวี่ต้มไว้ ท่านลองทานดู”

เฉินจื่อฉายแค่กลอกตาไปมาหนึ่งรอบ มองเฉินสือซ่วนแวบหนึ่ง แล้วก็ไม่เคลื่อนไหวอีก เขานิ่งเงียบไปนานมาก เหมือนหุ่นไม้ที่ไร้ชีวิตมาก ไร้ซึ่งความปรารถนาที่จะมีชีวิตอยู่อย่างสิ้นเชิง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน