ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 399

สรุปบท บทที่ 399 ตาแก่เฉินเป็นอัมพฤกษ์อีกแล้ว: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน

อ่านสรุป บทที่ 399 ตาแก่เฉินเป็นอัมพฤกษ์อีกแล้ว จาก ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน โดย ฝูเชิง

บทที่ บทที่ 399 ตาแก่เฉินเป็นอัมพฤกษ์อีกแล้ว คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายประวัติศาสตร์ ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย ฝูเชิง อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

หญิงสาวคนนั้นได้เดินตรงมาแล้ว กดมือของเฉินหลี่ซื่อเอาไว้

เฉินหลี่ซื่อปฏิกิริยาไวมาก พอได้ยินว่าของสิ่งนั้นราคาแพงมาก ก็รีบรวบเอาไว้ในมือทันที ใช้สายตาโมโหมองหญิงสาวที่เดินเข้ามาคนนั้น “เจ้าก่อเรื่องในอำเภอก็แล้วไปเถอะ นี่เจ้ากล้ามาแย่งของถึงบ้านข้าเชียวหรือ”

หญิงคนนั้นอ้าปากพูดขึ้นว่า “ท่านแม่ ท่านพูดอะไร ข้าแค่กลัวว่าท่านทำตก จึงอยากจะช่วยรับเอาไว้ให้เท่านั้นเอง”

“ข้าถือได้มั่นคงมาก ไม่จำเป็นต้องให้เจ้าช่วย”เฉินหลี่ซื่อพูดเสียงเย็น

เห็นที การมีตัวตนอยู่ของหญิงสาวคนนี้ เฉินหลี่ซื่อนั้นรับรู้มาโดยตลอด

สีหน้าของตาแก่เฉินขรึมลงทันที ตบโต๊ะตะคอกเสียงดังว่า “ทางที่ดีพวกเจ้าช่วยอธิบายให้ข้าด้วยว่ามันเรื่องอะไรกันแน่”

เฉินหลี่ซื่อเบือนหน้าหนีไม่ยอมพูดจา เอาแต่จ้องมองของขวัญเหล่านั้น สีหน้าดีใจมาก

เฉินจื่อฟู่เองก็ไม่ได้มีท่าทีตัวสั่นหวาดกลัวเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว หลังจากผ่านเรื่องราวของหลิวซื่อกับหยวนซื่อ เขาอาจจะกลายเป็นคนที่ไม่กลัวอะไรแล้ว ยิ้มกริ่มและพูดเบาๆว่า

“ท่านพ่อ นี่คือลูกสะใภ้ของท่านอย่างไรเล่า”

ตาแก่เฉินได้ยิน ก็ไอขึ้นมาอย่างรุนแรง เฉินจื่ออานรีบเข้าไปประคองตาแก่เฉิน “ท่านพ่อ ท่านอย่าโมโหไปเลย”

“ลูกสะใภ้อะไรกัน ไม่มีคำสั่งจากพ่อแม่ไม่มีการทาบทามจากแม่สื่อ จะนับเป็นลูกสะใภ้ได้อย่างไร”ตาแก่เฉินพูดจบแล้ว สีหน้าก็แดงเถือกขึ้นมา

“ใครว่าไม่มีคำสั่งจากพ่อแม่ เรื่องนี้ ท่านแม่รู้ดี”เฉินจื่อฟู่พูด

เฉินหลี่ซื่อกำลังจะลุกออกไป ดูท่าคงจะไปที่ห้องของเฉินหลิ่วเอ๋อ

ถูกเสียงของตาแก่เฉินตะคอกเข้าให้ “เจ้าเป็นแม่อย่างนี้เองหรือ ดูจื่อฟู่ทำเรื่องเหลวไหลอีกแล้ว เจ้าก็ไม่บอกกับข้าสักคำ”

ถูกตาแก่เฉินเรียกเอาไว้อย่างกะทันหัน เฉินหลี่ซื่อเหลือบมองหญิงสาวคนนั้นแวบหนึ่งก่อนจะพูดเสียงเรียบว่า “จื่อฟู่บอกว่านางเป็นลูกสาวของตระกูลผู้ดี……”

ได้ยินดังนั้น ตาแก่เฉินก็ทำเสียงเย็นขึ้นจมูก “หญิงสาวดีๆที่ไหนจะเอาคนอย่างเขา”

หญิงสาวได้ยินคำพูดนี้ นางก็ร้องไห้ออกมาทันที “ท่านพ่อ ท่านหมายความว่าอย่างไร”

ตาแก่เฉินนั้นโมโหจนเริ่มเลอะเลือน ถูกถามขึ้นอย่างกะทันหัน ก็รู้สึกทำตัวไม่ถูกอยู่บ้าง แต่เขาก็จงใจทำหน้าเครียดต่อ “แล้วหยวนซื่อเล่า”

พอเฉินจื่อฟู่ได้ยินชื่อของหยวนซื่อ ก็รู้สึกโมโหขึ้นมาทันที

“ผู้หญิงที่ไม่มียางอายอย่างนั้น ก็ย่อมต้องหย่ากับนางแล้วน่ะซิ”

ครั้งนี้ตาแก่เฉินไม่พูดอะไรอีก หยวนซื่อนั้นทำตัวไม่ดี หย่ากันก็ดี

“แม้จะหย่ากันแล้ว เจ้าก็ไม่น่าจะหาใหม่ได้เร็วขนาดนี้……”ครั้งนี่ ตาแก่เฉินยังไม่ทันจะพูดจบ เฉินจื่อฟู่ก็ชิงเอ่ยขึ้นก่อนว่า

“ท่านพ่อ ท่านหมายความว่าอย่างไร หรือว่าท่านคิดถึงหยวนซื่อ”

เมื่อพูดประโยคนี้ออกไป ทั้งห้องก็เงียบลงทันที หลังจากผ่านไปชั่วครู่ เฉินหลี่ซื่อก็กรีดร้องออกมาเป็นคนแรก “จื่อฟู่ นี่เจ้าหมายความว่าอย่างไร”

แม้ว่าตอนนี้นางจะไม่ได้มีความรู้สึกอะไรต่อตาแก่เฉินแล้ว แต่อย่างน้อยก็ยังคงมีความเป็นญาติกันอยู่

เฉินจื่ออานกับลู่ม่านต่างก็รู้สึกตกตะลึง โดยเฉพาะเฉินจื่ออานที่ไม่รู้เรื่องสำคัญที่แฝงอยู่ก่อนหน้านี้ เพียงแต่ลู่ม่านเคยเอ่ยถึงอย่างนุ่มนวลเท่านั้น ว่าจะรับตัวตาแก่เฉินไปอยู่ด้วย

แม้แต่ข่าวลือที่เกิดขึ้นในหมู่บ้าน เพราะเขาเอาแต่อ่านหนังสืออยู่แต่ในบ้าน จึงไม่เคยได้ยินอะไรเลย

“พี่รอง ท่านพูดจาเหลวไหลอะไร ”เฉินจื่ออานตะคอกขึ้นก่อนคนแรก

ตาแก่เฉินโมโหจนตัวสั่นเทาแล้ว เฉินจื่อฟู่กลับไม่รับรู้อะไรเลย ตะโกนเสียงดังว่า “ข้าพูดจาเหลวไหลอย่างนั้นหรือ เจ้าลองถามท่านพ่อดู ว่าข้าพูดจาเหลวไหลหรือไม่ ถ้าหากไม่มีอะไร ทำไมพ่อต้องให้น้องสะใภ้สามไปตามข้ากลับมาด้วย”

“ข้าไม่ได้ทำ”ตาแก่เฉินพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทา

“ทำหรือไม่ ท่านรู้ดีแก่ใจ”เฉินจื่อฟู่ไม่ยอมอ่อนข้อ

เฉินจื่ออานรีบพูดว่า “ข้าจะไปเอายากับท่านก่อน”

เฉินจื่อฟู่จึงได้สติคืนมา พูดขึ้นว่า “ให้ข้าไปดีกว่า”

แต่เฉินจื่ออานกลับผลักเขาออกไป “ไม่ต้อง เจ้าไปเถอะ บ้านนี้ไม่ต้องการเจ้า”

“จื่ออาน……”

เฉินจื่ออานไม่สนใจเขาอีก และเดินตามท่านหมอออกไปแล้ว

เอายากลับมาต้มให้ตาแก่เฉินดื่มแล้ว จากนั้นเฉินจื่ออานก็ปลอบใจว่า “ท่านพ่อ ท่านนอนก่อนเถอะ”

ตาแก่เฉินกลับถลึงตาจ้องมอง ส่ายหน้าไปมาตลอด อ้าปากเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็พูดไม่ออกสักคำ

ต้องมองเห็นคนที่แข็งแรงคนหนึ่ง ต้องล้มป่วยลงอย่างกะทันหัน ลู่ม่านรู้สึกไม่สบายใจมาก ได้แต่เดินเข้าไปพูดว่า “ท่านพ่อ ท่านอย่าใจร้อนไปเลย อาการของท่าน ตอนนี้ดูแล้วค่อนข้างรุนแรง แต่หลังจากนี้หนึ่งปีจะเป็นช่วงการฟื้นฟู ท่านแค่ต้องปรับสมดุลร่างกาย จะค่อยๆดีขึ้นเรื่อยๆ ”

“จริงหรือ”เฉินจื่อฟู่เอ่ยขึ้นอย่างตื่นเต้น

ตั้งแต่ถูกเฉินจื่ออานมองเขาด้วยสายตาโกรธจัด เฉินจื่อฟู่ก็ได้แต่พาภรรยาใหม่ยืนอยู่หน้าประตูตลอด ท่าทีหวาดหวั่น แต่เฉินหลี่ซื่อกลับสงบมาก นั่งอยู่ที่ปลายเตียง ไม่พูดไม่จา

แต่เฉินหลิ่วเอ๋อ ในบ้านเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ จนกระทั่งตอนนี้นางยังคงอยู่แต่ในห้อง ไม่ออกมาเลย

แต่ว่า ก็ไม่มีใครหวังจะให้นางออกมา นางออกมาก็มีแต่จะเพิ่มความวุ่นวาย

ขณะที่กำลังใช้ความคิด นอกประตูมีเสียงของเหอเยว่ดังขึ้น เหอเยว่พาหมอของร้านยาฉืออานมาแล้ว ลู่ม่านรีบเดินออกไป เชิญท่านหมอเข้ามา

หลังจากท่านหมอทำการตรวจแล้ว ก็รีบถามถึงอาการของตาแก่เฉินทันที รวมไปถึงยาที่เคยกินก่อนหน้านี้ด้วย “ข้าต้องฝังเข็มให้คนไข้โดยเร็วที่สุด ไม่แน่ว่าอาจจะมีผลอยู่บ้าง”

“เช่นนั้นท่านก็รีบทำเลย”เฉินจื่ออานพูด สำหรับหมอจากร้านยาฉืออานพวกเขาค่อนข้างมั่นใจมาก

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน