ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 404

หลังผ่านปีใหม่ไปแล้วสามวัน ทุกอย่างก็เริ่มพัฒนาอย่างช้า ๆ ในเส้นทางที่ถูกต้อง

ในตอนค่ำ ลู่ม่านเข้าครัวทำอาหารอร่อย ๆ มากมายด้วยตัวเอง เป็นการฉลองส่งท้ายปีเก่า อาจารย์โจวก็กลับมาแล้ว ดูไปก็เหมือนว่าใบหน้าของเขาจะสงบนิ่งลงมาก

ลู่ม่านแอบหัวเราะ “อาจารย์โจว ดูเหมือนว่าจิตใจที่ยุ่งเหยิงของท่านช่วงนี้ จะถูกใครบางคนทำให้สงบลงได้แล้วสินะ!”

“อย่าพูดอะไรไม่เหมาะสม!” อาจารย์โจวสีหน้าจริงจัง ถ้าเป็นเมื่อก่อน ลู่ม่านก็คงไม่กล้าพูดอะไรต่อแน่ แต่ตอนนี้ได้ไปมาหาสู่จนสนิทสนมกับอาจารย์โจวมากขึ้นแล้ว ลู่ม่านจึงรู้ว่าเขาไม่ได้เป็นคนที่ยึดความคิดตัวเองเป็นใหญ่กับหัวโบราณอะไรขนาดนั้น

จึงไม่กลัวก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้มว่า

“ นี่จะเป็นเรื่องไม่เหมาะสมได้อย่างไรกันเจ้าคะ? ทุกคนต่างก็เป็นเพื่อนกัน ขงจื๊อไม่ได้กล่าวไว้หรอกหรือว่า มีเพื่อนมาเยือนจากแดนไกล เป็นเรื่องน่ายินดีชื่นใจมิใช่หรือ นั่นหมายความว่าแท้จริงแล้วความรู้สึกของเพื่อนนั้นสำคัญมาก ยังมีกลอนที่ว่า แม้บึงดอกท้อจะลึกเพียงใด ก็ยังตื้นกว่ามิตรภาพที่วังหลุนมีให้ข้า นั่นก็พูดถึงมิตรภาพด้วยเช่นกัน มิตรภาพมันจะกลายเป็นสิ่งไม่เหมาะสมไปได้อย่างไรล่ะ?”

คำพูดทั้งหมดนี้ของลู่ม่าน ทำให้ทุกคนถึงกับทึ่งจนตะลึงค้างได้จริง ๆ แต่กลับไม่ใช่เพราะถูกคำพูดของนางทำให้ตะลึง แต่เป็นบทกลอนเหล่านั้นต่างหาก

อาจารย์โจวลูบ ๆ เคราพลางพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ดูไปแล้วเหมือนว่า ถึงแม้ฮูหยินจะยุ่งกับเรื่องค้าเรื่องขายทุกวัน แต่ในด้านการอ่านหนังสือก็ไม่ได้ละเลยสินะ!”

ยุคก่อนราชวงศ์ถังนี้ เป็นยุคที่อยู่ในช่วงช่องว่างของเวลา ประวัติศาสตร์มากมายเมื่อลองนำมาเทียบกับตอนนี้ ก็แทบจะไม่มีอะไรที่ต่างไปจากเมื่อห้าพันปีก่อนเลย ดังนั้นทุกอย่างที่ลู่ม่านพูดมา พวกเขาจึงฟังเข้าใจทั้งหมด

อันที่จริงลู่ม่านไม่ได้คิดจะโอ้อวดอะไรหรอก แค่พูดโพล่งออกไปโดยไม่ทันคิด พอได้ยินพวกเขาพูดแบบนี้ ก็รู้สึกละอายจนเหงื่อตกขึ้นมาทันที

“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าไปอ่านเจอเมื่อวันไหน เลยจดเอาไว้น่ะ”

“ดีมาก!” อาจารย์โจวพูดด้วยรอยยิ้ม เมื่อถูกอาจารย์โจวขัดจังหวะแบบนี้ ลู่ม่านก็ถึงกับลืมเรื่องที่ตัวเองล้อเลียนเขาไปเลย

ในทางกลับกัน อาจารย์โจวกลับไม่คิดจะปล่อยลู่ม่านไปง่าย ๆ หลังจากหยุดไปชั่วขณะ ก็พูดขึ้นมาอีกครั้งว่า

“คำถามที่เจ้าบอกกับข้ามาเมื่อหลายวันก่อนนั้น ข้าเฝ้าครุ่นคิดมาหลายวันแล้วก็ยังไม่มีเงื่อนงำเลย ฮูหยินไม่สู้บอกคำตอบที่แท้จริงกับข้ามาเลยเถอะ! ครั้งนี้ข้าขอยอมรับความพ่ายแพ้อย่างจริงใจ!”

ลู่ม่านเกือบหลุดหัวเราะออกมาแล้ว “อาจารย์ วันนั้นข้าก็พูดไปแล้วอย่างไรล่ะ ว่ามันเป็นคำถามที่ไม่มีคำตอบ ความลึกลับของปริศนานับพันปีนี้ ไม่มีใครสามารถเข้าใจมันได้อย่างทะลุปรุโปร่งหรอก! รวมถึงข้าด้วย!”

“เจ้าไม่รู้จริง ๆ น่ะหรือ?” อาจารย์โจวมีท่าทีผิดหวังอย่างยิ่ง “คิดไม่ถึงเลยว่าในโลกใบนี้ ยังมีปริศนาลึกลับที่ยากจะเข้าใจได้มากมายขนาดนั้น ข้าใช้ชีวิตทุ่มเทร่ำเรียนมาทั้งชีวิต ก็เรียนรู้อย่างไม่มีที่สิ้นสุดแล้วจริง ๆ!”

“ก็ใช่น่ะสิ ต่อให้ผ่านไปอีกหลายพันปีหลังจากนี้ ก็ยังมีปริศนาลึกลับอีกมากมายที่แก้ไม่ได้อยู่นะ!”

อาจารย์โจวยิ้มพลางพูดว่า “ฮูหยิน เจ้ารู้ได้อย่างไรรึ?”

ลู่ม่าน "...." หลุดปากพูดอีกแล้ว

ยังดีที่เฉินจื่ออานรีบเอ่ยปากช่วยแก้ไขสถานการณ์ให้นาง “ท่านอาจารย์ ตอนนี้ก็เหลือเวลาอีกแค่เดือนเดียว ก็จะถึงการสอบช่วงฤดูใบไม้ผลิในปลายเดือนสองแล้ว ไม่ทราบว่าจากนี้อีกสิบกว่าวันข้างหน้า พวกเราจะจัดตารางเรียนอย่างไรบ้างหรือขอรับ?”

อาจารย์โจวก็รู้สึกว่าเวลามันกระชั้นเข้ามาทุกทีแล้ว คืนนั้นจึงกำหนดแผนการเรียนให้เฉินจื่ออาน นอกจากไปเยี่ยมดูอาการตาแก่เฉินตอนเช้ากับตอนเย็นวันละครั้งแล้ว เวลาที่เหลือเขาล้วนใช้ไปกับการปรึกษาหารือเรื่องกลยุทธ์ ถกทฤษฎีทั้งหลายกับอาจารย์โจวในห้องหนังสือ

เป็นอย่างนี้ต่อเนื่องไปสิบกว่าวัน ถั่วหมักของลู่ม่านก็ทำเสร็จพอดี

ลู่ม่านรีบเอาของไปให้เฉินจื่อฉาย บอกให้เขาทำเป็นอาหารง่าย ๆ แล้วป้อนให้ตาแก่เฉินกินทุกวัน รสชาติของมันค่อนข้างแปลกอยู่สักหน่อย แต่ประสิทธิภาพต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดนั้นดีมาก

ตาแก่เฉินก็ให้ความร่วมมือดีมาก กินจนหมดเกลี้ยงทุกวัน

รอจนถึงปลายเดือนหนึ่ง ลู่ม่านก็สั่งให้เหอเย่วเข้าตำบลไปเชิญท่านหมอคนนั้นมาตรวจดูอาการ หลังจากท่านหมอตรวจจับชีพจรอย่างง่าย ๆ ดูแล้ว สีหน้าก็เต็มไปด้วยความยินดี

“น่าอัศจรรย์ใจเหลือเกิน พ่อของเจ้าร่างกายฟื้นตัวได้ดีมาก ๆ เลย”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน