ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 406

ลู่ม่านแอบซ่อนงำความคิดนั้นไว้ในใจ ก่อนจะยิ้มแล้วพูดว่า “นี่ท่านไต้ซือหมายความว่าอย่างไรหรือเจ้าคะ?”

“ฮูหยินเป็นคนมีวาสนา ชาวพุทธเรานี้เชื่อในวัฏจักรของเหตุและผล เชื่อในชะตาฟ้าลิขิต เจ้าเปลี่ยนใบเซียมซีกับสามี เจ้าไม่กลัวนึกกลัวบ้างหรือว่าโชคชะตาของเจ้าก็อาจถูกเปลี่ยนไปด้วยน่ะ?”

ตั้งแต่ไหนแต่ไรมา ลู่ม่านไม่เคยเชื่อเรื่องการเสี่ยงเซียมซีแบบนี้เลย เพราะว่ากันตามจริงมันก็เป็นแค่เรื่องของดวง ของอย่างโชคชะตาน่ะ เดิมทีมันต้องกำหนดด้วยมือของตัวเองต่างหาก มันเกี่ยวอะไรกับอีแค่เซียมซีใบเดียวล่ะ?

จากนั้นนางก็หัวเราะออกมา “ท่านไต้ซือก็ยังบอกเลยนี่ ว่าชะตากรรมเป็นสิ่งที่ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว มันจะเปลี่ยนแปลงได้ง่าย ๆ แค่เพราะเปลี่ยนเซียมซีใบเดียวได้อย่างไรล่ะเจ้าคะ?”

ไต้ซือเหมือนจะคิดไม่ถึงว่าลู่ม่านจะพูดแบบนี้ พอได้ยินคำพูดนั้นก็ยิ้มออกมาทันที

“ฮูหยินพูดได้ถูกต้องแล้ว เป็นข้าที่คิดมากเกินไป” พูดจบ ไต้ซือท่านนั้นก็ทำท่าจะอ่านเซียมซีให้ลู่ม่าน “ดุจดั่งในมือถือตะเกียงเดินหาคบไฟ มองไม่เห็นหยกและอัญมณีล้ำค่าที่ซ่อนใต้กองหิน กลับเฝ้าเพียรตามหาจากแดนดินถิ่นอื่น ไม่สู้หันมาทะนุถนอมสิ่งของและผู้คนที่อยู่ตรงหน้า นี่มัน...”

“ท่านไต้ซือ!” ไม่รอให้ท่านไต้ซือพูดออกมา ลู่ม่านก็ชิงพูดขึ้นมาก่อนเลย “ข้าว่าท่านไต้ซือไม่ต้องอธิบายแล้วดีกว่าเจ้าค่ะ ในเมื่อไต้ซือได้พูดมาแล้วเมื่อครู่ แปลว่านั่นจะต้องไม่ใช่เซียมซีที่ดีอย่างแน่นอน”

ไต้ซือเลิกคิ้วขึ้นสูง “เมื่อครู่ฮูหยินไม่ได้บอกหรอกหรือ ว่าไม่เชื่อการเสี่ยงเซียมซีน่ะ?”

“ไม่เชื่อก็ส่วนไม่เชื่อเจ้าค่ะ แต่ไม่ใช่ว่ามีคำกล่าวนึงที่ใคร ๆ ก็พูดกันหรือ ว่าเรื่องอะไรที่เรารู้ว่าเห็นแล้วจะมารบกวนจิตใจ ก็อย่าไปรับรู้เลยดีกว่าน่ะ? ถ้ามันไม่ดีเราก็อย่าไปฟังเลยไม่ดีกว่าหรือเจ้าคะ” พูดจบ ลู่ม่านก็ยืนขึ้นแล้วค้อมกายคำนับไต้ซือ

"ขอบคุณมากเจ้าค่ะท่านไต้ซือ"

พูดจบ ก็หันหลังเดินจากไป

ที่ด้านหลัง ไต้ซือมองดูใบเซียมซีแล้วพึมพำกับตัวเองว่า "เคราะห์ทั้งดีร้ายล้วนเชื่อมโยงหนุนนำกันโดยแท้....."

แต่อย่างไรก็ตาม เวลานี้ลู่ม่านเดินมาถึงลานด้านหลังแล้ว เฉินจื่ออานกับเหอเย่วเพิ่งตักน้ำขึ้นมาได้พอดี ยังมีไออุ่นจากพื้นดินแฝงมาด้วยน้อย ๆ

ลู่ม่านรับมาได้ก็ยกขึ้นดื่มอึกใหญ่ "น้ำนี้ดีจริง ๆ"

“เสี่ยวม่าน เซียมซีของเจ้าเป็นอย่างไรบ้างล่ะ?” เฉินจื่ออานถาม

“แน่นอนว่าก็ต้องเป็นใบที่ดีเลิศเหมือนกันอยู่แล้ว!” ลู่ม่านพูดด้วยรอยยิ้ม

“ถ้าอย่างนั้นก็ดี” ถึงอย่างไรเฉินจื่ออานก็ยังเป็นคนโบราณคนหนึ่ง ค่อนข้างเชื่อเรื่องแบบนี้ แน่นอนว่าเหอเย่วก็ด้วย

เมื่อได้ยินว่าลู่ม่านก็เสี่ยงได้เซียมซีใบดีเลิศ เหอเย่วก็ยิ้มพลางพูดว่า “ดู ๆ ไปแล้ว ปีหน้าครอบครัวของพวกเราคงจะเจริญรุ่งเรืองแล้วนะเจ้าคะ?”

ลู่ม่านยื่นมือออกไปจิ้ม ๆ ที่หน้าผากของนาง “ถ้าเจริญรุ่งเรืองแล้ว ข้าจะให้เจ้าเป็นผู้ดูแล วัน ๆ ชี้นิ้วสั่งสาวใช้ทั้งกลุ่มน่าจะดี”

“อันนี้เป็นสิ่งที่พี่พูดเองนะเจ้าคะ” เหอเย่วพูดด้วยรอยยิ้ม

“แม่คนช่างฝันเฟื่องจะได้เป็นเจ้าขุนมูลนายเอ๊ย!”

ขณะที่ทั้งสองกำลังเอะอะอื้ออึง เฉินจื่ออานก็พูดขึ้นว่า “เสี่ยวม่าน พวกเราออกมานานพอสมควรแล้ว ถ้าอย่างไรก็รีบกลับกันเถอะ ฉวยโอกาสที่ยังพอมีเวลา ข้าควรกลับไปอ่านหนังสือให้มาก ๆ”

เวลากระชั้นชิดมากจริง ๆ ลู่ม่านจึงไม่พูดอะไรอีก ก่อนจะพาเฉินจื่ออานกลับไปทันที

หลังจากกลับไปแล้ว เฉินจื่ออานก็รีบไปอ่านหนังสือ สิ่งที่เฉินจื่ออานอ่านล้วนเป็นภาษาจีนโบราณที่เขียนด้วยภาษาคลุมเครือเข้าใจยาก ภาษาจีนโบราณลักษณะนี้ ไม่ใช่สิ่งที่สามารถจดจำได้ง่าย ๆ เมื่อได้อ่านในครั้งแรก

สู้ภาษาพูดแบบสามัญในตอนนี้ไม่ได้ที่จำได้ง่ายกว่า เมื่อก่อนสมัยเรียน เพื่อที่คุณครูจะสร้างความประทับใจอันลึกซึ้ง ยังถึงกับให้สวมบทบาทก่อนค่อยอ่านเลยด้วยซ้ำ

ลู่ม่านพลันเกิดแรงบันดาลใจพวยพุ่งขึ้นมา “จริงด้วย การอ่านออกเสียงตามบทบาทก็เป็นวิธีที่ไม่เลวเลยนะ!”

พอคิดได้แบบนี้ลู่ม่านก็ไปหาอาจารย์โจว เพื่อถามถึงเนื้อหาของหนังสือที่เฉินจื่ออานได้อ่านในช่วงนี้ จากนั้นจึงไปที่หลังเขา อาจารย์โจวบอกว่าหนังสือทั้งสี่คัมภีร์ทั้งห้านั้นเฉินจื่ออานล้วนได้อ่านมาหมดแล้ว ตอนนี้ใกล้จะสอบแล้ว อาจารย์โจวจึงไปหาผลงานที่ถือได้ว่าเป็นผลงานน้ำดีมาให้เขาอ่าน หนึ่งในนั้นมีบทความหนึ่งที่ลู่ม่านชอบมาก เป็นบทความที่นางเคยเรียนเมื่อตอนที่ยังเป็นนักเรียนอยู่

นั่นคือบันทึกธารดอกท้อของเถายวนหมิง

แท้จริงแล้วบันทึกธารดอกท้อนี้ ถือเป็นบทความที่งดงามมาก ๆ บทความหนึ่ง ซึ่งแฝงด้วยความใฝ่ฝันที่จะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขของผู้เขียน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน