บทที่ 407 เทศกาลโคมไฟในหมู่บ้าน – ตอนที่ต้องอ่านของ ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน
ตอนนี้ของ ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน โดย ฝูเชิง ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายประวัติศาสตร์ทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 407 เทศกาลโคมไฟในหมู่บ้าน จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
แต่เพราะฤดูกาลนี้หาป่าดอกท้อได้ยาก ดังนั้นจึงทำได้แค่ใช้ป่าดอกเหมยแทนไปพลาง ๆ ก่อน
“พวกเราเดินไปดูข้างหน้ากันเถอะ ไม่แน่นะว่าถ้าพวกเราเดินออกไปแล้วอาจจะจับปลาได้!” ลู่ม่านเสนอ แต่ไหนแต่ไรมาเฉินจื่ออานก็เคารพในคำพูดของลู่ม่านมาตลอดอยู่แล้ว ดังนั้นทั้งสองคนจึงเดินหน้าต่อไป
เมื่อไปจนถึงส่วนปลายน้ำ ก็ถูกเนินดินเล็ก ๆ แห่งหนึ่งขวางทางไปต่อ เฉินจื่ออานรู้สึกผิดหวังขึ้นมาเล็กน้อย “ เสี่ยวม่าน ข้าว่าวันนี้คงไม่ได้แล้วล่ะ ไม่สู้พวกเรากลับบ้านกันดีกว่า ถ้าเจ้าอยากกินปลา ข้าจะไปจับจากที่อื่นมาให้เอง”
“จื่ออาน!” ลู่ม่านรีบขัดจังหวะทันที “เจ้าดูสิว่านั่นคืออะไร? ที่ปากทางเข้าภูเขานั่นดูเหมือนจะมีประกายแสงอะไรอยู่ด้วยนะ! ไม่สู้พวกเราลงจากเรือแล้วไปดูกันหน่อยดีหรือไม่?”
เฉินจื่ออานพยักหน้า
ครั้นพายเรือไปข้างหน้าเรื่อย ๆ ชื่นชมความงามของป่าไม้ ตรงสุดปลายน้ำ มีภูเขาแห่งหนึ่ง ภูเขาแห่งนั้นมีโพรงเล็ก ๆ ปรากฏแสงสว่างวอบ ๆ แวม ๆ จึงลงจากเรือขึ้นฝั่ง แล้วมุดเข้าไปในโพรง
ลู่ม่านรู้สึกลำพองใจสุดขีด นางนี่ช่างฉลาดเหลือเกินแล้วจริง ๆ นี่ถ้าเป็นยุคปัจจุบันล่ะก็ นางน่าจะไปเป็นผู้กำกับหนังได้เลยนะเนี่ย
ขณะที่กำลังคิด ๆ อยู่ เฉินจื่ออานที่อยู่ข้างหน้าก็คว้ามือลู่ม่านไว้ "ระวังนะ ที่นี่แคบมากเลย"
ช่วงแรกทางเดินแคบมาก ต้องเดินทีละคน หลังจากเดินไปได้หลายสิบก้าว ก็เห็นความจริงกระจ่างแจ้งขึ้นมาตรงหน้าในทันใด
หลังจากเดินทะลุออกมาจากโพรงถ้ำนั้น ก็เห็นที่ราบอยู่ข้างหน้า รวมถึงมีชาวบ้านหลายคนที่กำลังทำงานกันยุ่ง ๆ อยู่
ที่ราบกว้างขวางสุดลูกหูลูกตา มีทุ่งนาบ้านเรือนงดงาม เส้นทางสัญจรสะดวกสบาย ได้ยินเสียงสุนัขเห่าไก่ขันดังแว่วมา ในหมู่บ้านช่างเงียบสงบ ชายหญิงร่วมแรงทำงานแข็งขัน ต่างใช้ชีวิตอย่างมีความสุขไม่วุ่นวายกับโลกภายนอก
ทุ่งนาที่ราบนั่นเป็นของจริง เป็นพวกนางสามสี่คนจงใจทำขึ้นมาเมื่อวานนี้ แต่พวกบ้านเรือนอะไรพวกนั้นดูออกจะ.... ต้องฝืนใจคล้อยตามพอสมควร เพราะเวลาแค่วันเดียว ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะสร้างบ้านที่สมบูรณ์แบบออกมาทั้งหลัง แต่เรื่องเสียงสุนัขเห่าไก่ขันนั้นยังนับว่ามีมาให้ได้ยินอยู่
ทั้งหมดเป็นสุนัขของบ้านหลิ่วซื่อ กับไก่ของบ้านเหยาซื่อ ลู่ม่านไปรบกวนขอยืมมาจากพวกเขา
ส่วนบรรดาชายหญิงที่ทำงานกันแข็งขัน ก็คือพวกหรูเฟิง หวังเอ้อร์หนิว กับพวกเหยาซื่อที่มาร่วมแสดงด้วย ทุกคนไม่ได้มารวมตัวกันนานมากแล้ว พอได้ยินลู่ม่านพูดถึงเรื่องนี้ทุกคนก็แห่กันมาช่วยประสมประเสให้ครบจำนวนทันที
กระทั่งเหอฮัวก็ยังมาด้วย นางจำคำสั่งที่ลู่ม่านมอบหมายให้ได้อย่างขึ้นใจ เมื่อเห็นพวกเขาจึงรีบเดินขึ้นมาข้างหน้าแล้วถามว่า "พวกเจ้ามาจากที่ไหนกันหรือ?"
ลู่ม่านเห็นว่าเฉินจื่ออานตกตะลึงจนตาค้างไปแล้ว จึงค่อย ๆ ตอบคำถาม
เหอฮัวจับมือลู่ม่านแล้วถามว่า "ไม่สู้พวกท่านไปเยือนบ้านข้าสักครั้งเถอะนะ? ข้าจะบอกให้แม่ฆ่าไก่ทำอาหารเลี้ยงทั้งสองคนวันนี้"
ผู้เฒ่าและเด็กน้อยปลูกผักเลี้ยงสัตว์อย่างสบายใจเหมือนทุกวัน เมื่อเห็นชาวประมง พลันตกอกตกใจ จากนั้นต้องถามไถ่ว่ามาจากที่ไหน เมื่อตอบคำถามแล้ว ก็ต้องชวนกลับบ้าน เตรียมเหล้าฆ่าไก่ทำอาหารเลี้ยงผู้มาเยือน
พวกเหอเย่วกับหรูเฟิงมายืนรายล้อมรอบตัวพวกเขา
ขณะที่กำลังจะพูด จู่ ๆ เฉินจื่ออานที่อยู่ข้าง ๆ ก็พูดขึ้นว่า “ครั้นตระหนักรู้ความจริงจึงหลบลี้หนีความสับสนวุ่นวายในช่วงราชวงศ์ฉิน นำภรรยาชาวอี้มาสู่ดินแดนแห่งนี้ ไม่ออกมาพบปะผู้คน เร้นกายแยกตัวจากคนนอก สนทนาถามไถ่ว่าเป็นยุคสมัยใด ล้วนไม่มีใครรู้จักว่ามียุคฮั่น ทั้งยิ่งไม่รู้จักยุคเว่ยหรือจิ้น เสี่ยวม่าน นี่คือ....บันทึกธารดอกท้อ?”
ตาทึ่มคนนี้นี่นะ ในที่สุดนี้ก็เฉลียวใจขึ้นมาได้สักที ลู่ม่านยิ้มแล้วพูดว่า "เป็นอย่างไรบ้าง?"
“วิเศษมากเลย!” เฉินจื่ออานพูดด้วยอารมณ์สะท้านใจ "ในโลกใบนี้นอกจากเจ้าแล้ว คงจะไม่มีใครที่คิดวิธีการที่วิเศษเช่นนี้ออกมาได้แน่"
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทุกคนที่อยู่อีกด้านต่างก็พากันร้อง “อ๋อ” ยาว ๆ อย่างมีความหมายลึกซึ้ง “ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง....”
ลู่ม่านกลอกตามองบนใส่พวกเขาไปทีนึง “อะไรล่ะ? ก็ไม่ได้บอกไปแล้วหรอกรึ ว่าให้มาช่วยกันแสดงละครน่ะ?”
“ข้าว่าคงไม่จำเป็นแล้วล่ะ!” เหอเย่วหยอกเย้า “ไม่ใช่ว่าพี่จื่ออานเข้าใจทั้งหมดแล้วหรอกรึ?”
หลังจากได้รับผลลัพธ์ที่ดีในก้าวแรกแล้ว ลู่ม่านก็เริ่มคิดวิธีใหม่ ๆ ได้ประมาณทุกหนึ่งถึงสองวัน ด้วยวิธีการเช่นนี้ จึงช่วยให้เฉินจื่ออานสามารถอ่านบทความทั้งหมดที่อาจารย์โจวมอบหมายให้อ่านอย่างเคร่งครัดจนจบได้
ไม่อาจพูดได้ว่าสามารถเข้าใจได้เต็มร้อยส่วน แต่อย่างน้อยที่สุดก็เข้าใจได้ถึงเก้าสิบส่วนเลยทีเดียว
เฉินจื่ออานเองก็ค่อย ๆ ค้นพบทิศทางและจังหวะของการเรียนรู้ทีละเล็กละน้อย เพียงพริบตาเดียว ก็ถึงเทศกาลโคมไฟแล้ว
เทศกาลโคมไฟปีนี้ พวกลู่ม่านไม่ได้เข้าไปในตัวตำบลเพื่อดูงานโคมไฟ แต่เปลี่ยนเป็นจัดเทศกาลโคมไฟในหมู่บ้านแทน
จากการพิจารณาของลู่ม่าน ในตำบลว่ากันตามจริงก็ค่อนข้างอันตรายอยู่ ทั้งยังมีคนเยอะ ในหมู่บ้านตอนนี้ทุกคนต่างก็มีเงินกันแล้ว ไม่สู้จัดขึ้นเองในหมู่บ้านเสียเลยล่ะ แบบนั้นก็ดีเหมือนกันนะ
หลังจากพูดคุยแนวคิดนี้กับผู้ใหญ่บ้าน ก็ได้รับการสนับสนุนจากผู้ใหญ่บ้านทันที เพราะสุดท้ายในหมู่บ้านมีเงินแล้ว ลู่ม่านก็คิดแผนการใหม่ขึ้นมา โดยจะเปลี่ยนทั้งหมู่บ้านแห่งนี้ให้กลายเป็นทะเลโคมไฟที่สวยงามละลานตา
ผู้สูงอายุหลายคนถึงกับบอกว่า พวกเขาใช้ชีวิตที่นี่มากว่าครึ่งชีวิตแล้ว ยังไม่เคยเห็นหมู่บ้านไป่ฮัวที่สวยงามขนาดนี้มาก่อนเลย
โคมไฟถูกเรียงประดับจากหน้าทางเข้าหมู่บ้าน ทั้งหมดล้วนใช้เชือกที่ค่อนข้างแข็งแรงแขวนเอาไว้ เว้นระยะทุกหนึ่งเมตรจะมีโคมไฟหนึ่งดวง พาดผ่านรอบถนนทุกเส้นภายในหมู่บ้าน ประดับยาวตั้งแต่หัวหมู่บ้านไปจนถึงท้ายหมู่บ้าน
แน่นอนว่า โคมไฟเหล่านั้นมีไว้เพื่อความสวยงามดึงดูดสายตาเท่านั้น แต่ไม่ใช่โคมทุกดวงจะมีปริศนาคำใบ้ให้คนทาย
ตำแหน่งของปริศนาคำทายในโคมจะอยู่ทางฝั่งโรงเรียน ซึ่งพอดีว่าที่นั่นจะมีสถานที่ที่คล้าย ๆ กับเวทีอยู่ หลังจากที่ทุกคนออกจากบ้านแล้ว ต่างก็สามารถเดินเพลิดเพลินกับการชมโคมไปจนถึงหน้าทางเข้าหมู่บ้านได้
ในหมู่บ้านมีคนรู้หนังสือไม่มากนัก ดังนั้นปริศนาโคมไฟครั้งนี้ หัวข้อหลัก ๆ จึงเป็นประเภทคำพังเพยที่พูดแค่ส่วนหน้า ทุกคนก็สามารถเดาส่วนหลังได้ หรือพวกสำนวนสุภาษิตพื้นบ้านที่ทุกคนต่างก็รู้จักกันดี ด้วยวิธีนี้ หลายคนที่ไม่ได้เรียนหนังสือก็จะสามารถเข้าร่วมการทายปริศนา ได้สัมผัสถึงความสนุกของการมีส่วนร่วมเล่นเกมแบบนี้ได้แล้ว
แน่นอนว่า ก็มีปริศนาโคมไฟของจริงอยู่ด้วย ทั้งหมดนี้ล้วนเตรียมไว้ให้เด็ก ๆ รุ่นเยาว์ที่ได้เข้าโรงเรียนใหม่ ให้พวกเขาได้มาเล่นอะไรสนุก ๆ ที่นี่ ทั้งยังถือโอกาสรายงานสถานการณ์ด้านการเรียนรู้ของลูกหลานตลอดหนึ่งปีนี้ให้กับผู้ปกครองได้รู้ด้วย ทำไมจะไม่เป็นเรื่องน่ายินดีล่ะ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน
เป็นพอ.ที่กลับกรอก เป็นที่พึ่งไม่ได้เลย ยอกจะออกจากครอบครัวเลวๆนี่ไม่จริงอีก ภาระของนางเอก ถ่วงแข้งถ่วงขาจริงๆ...
เด็กไม่ตายเพราะแม่คลอดยากจะตายเพราะคนรับใช้ป้อนโจ๊กข้าวจนอิ่มตื้อ รอดได้คือดวงแข็งเว่อ...
อ่านไป งงไป ตัดสินประหาร หรืออภัยโทษ?...
หม่อมข้า? ใช้ MS Word ไม่ระวังเลย...
ตั้งแต่ต้นจนถึงตอน 337 แล้ว โดยภาพรวมพระเอกไม่ค่อยมีเสน่ห์ ไม่เฉียบแหลมเลย...
อะไรจะมีปมขนาดนั้น วุ่นวายตอกย้ำเหลือเกินเกี่ยวกับระบบศักดินา ทั้งที่มันเป็นคนละยุคสมัยกัน...
ตอน285-287 หายทำไงดี...
ตอนหายค่ะ 284แล้วกระโดดไป288เลยค่ะ...
บท 285-287 หายค่ะ 284แล้ว288เลย รบกวนด้วยค่ะ...
281-311 รบกวนด้วยค่ะ...