ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 408

สรุปบท บทที่ 408 อนาคตของตระกูลเฉิน: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน

สรุปตอน บทที่ 408 อนาคตของตระกูลเฉิน – จากเรื่อง ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน โดย ฝูเชิง

ตอน บทที่ 408 อนาคตของตระกูลเฉิน ของนิยายประวัติศาสตร์เรื่องดัง ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน โดยนักเขียน ฝูเชิง เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ทันทีที่ฟ้ามืด ไฟทุกดวงก็สว่างขึ้น

ทุกคนกินข้าวเสร็จก็ออกจากบ้าน เดินชมโคมไปตามเส้นทางเรื่อย ๆ จนถึงประตูโรงเรียนตรงหน้าทางเข้าหมู่บ้าน

หลังจากสถานที่แห่งนั้นถูกสร้างขึ้นมาจนแล้วเสร็จ ก็กลายเป็นลานจัตุรัสของหมู่บ้านไป่ฮัว โดยปกติแล้วเวลามีกิจกรรมอะไร ทุกคนก็จะเลือกจัดที่นั่นเป็นอันดับแรก

ตอนที่ลู่ม่านกำลังกินข้าวอยู่ ก็ได้ยินเหอเย่วมารายงานสถานการณ์สดให้ฟังแบบไม่มีหยุดพักว่า “พี่เสี่ยวม่าน มีคนมาเยอะมากเลยเจ้าค่ะ”

“อื้ม!” ลู่ม่านพยักหน้า

ผ่านไปครู่หนึ่ง นางก็กลับมาอีกแล้ว “พี่เสี่ยวม่าน การทายปริศนาโคมไฟที่หน้าหมู่บ้านกำลังจะเริ่มแล้วเจ้าค่ะ”

“อื้ม!” ลู่ม่านพยักหน้าอีกครั้ง

ผ่านไปอีกครู่หนึ่ง “พี่เสี่ยวม่าน.…”

“ก็ได้ ๆ พวกเราไปกันเถอะ!” ลู่ม่านวางชามข้าวในมือลง ยอมแพ้แม่สาวน้อยคนนี้จริง ๆ เลย!

คิดไม่ถึงว่าเหอเย่วกลับส่ายหน้า “ไม่ล่ะ พี่เสี่ยวม่าน พี่ไปกับพี่จื่ออานดีกว่าเจ้าค่ะ ข้าจะกลับแล้ว จูชิงกำลังรอข้าอยู่ข้างนอก!”

ลู่ม่าน "...."

นางลืมเรื่องนี้ไปได้ยังไงนะ? นางยังคิดอยู่ว่าเหอเย่วกำลังรอตัวเองอยู่ ยัยคนเห็นผู้ชายดีกว่าเพื่อนเอ๊ย!

เมื่อเห็นสีหน้าสับสนของลู่ม่าน หรูเฟิงกับหรูอวี่ก็เดินเข้ามาพูดว่า “ฮูหยิน พวกเราไปเป็นเพื่อนท่านเองเจ้าค่ะ!”

“ไม่ต้องหรอก พวกเจ้าสองคนไปกันเองเถอะ จื่ออาน พวกเราไปดูโคมไฟด้วยกันไหม?

เฉินจื่ออานพยักหน้า ทั้งสองกำลังจะออกไป จู่ ๆ ลู่ม่านก็นึกถึงอาจารย์โจวขึ้นมาได้ จึงพูดว่า “อาจารย์โจว ดูเหมือนว่าวันนี้แม่นางเยาก็จะมาดูโคมด้วย ท่านอยากไปกับพวกเราหรือไม่เจ้าคะ?”

“ไม่ ไม่ต้องหรอก!” อาจารย์โจวปฏิเสธ

“งั้นก็ได้!” ลู่ม่านยกยิ้มอย่างลึกลับ พอถึงเวลาจะออกไป ลู่ม่านก็ตั้งใจเรียกตาเกาอีกครั้ง “ไปเถอะ พายายอิงออกไปดูโคมไฟด้วยกันเถอะนะ!”

“ไม่ล่ะ ข้ายังต้องอยู่ดูแลบ้านอีก!” ตาเกาพูด

“ไม่ต้องหรอก อาจารย์โจวก็อยู่บ้านไม่ใช่รึ? ไม่จำเป็นต้องอยู่ดูแลหรอก” ลู่ม่านโบกมือ

เห็นได้ชัดว่ายายอิงก็อยากไปเหมือนกัน ถึงแม้ว่าอายุจะมากแล้ว แต่ถึงอย่างไรนางก็เป็นผู้หญิง ย่อมใฝ่หาในสิ่งสวย ๆ งาม ๆ แบบนี้เป็นธรรมดา

ตาเกาห้ามนางไม่ได้ จึงต้องรับปากตกลงว่าจะไป

เพิ่งจะเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ก็เห็นเงาร่างสีแดงเงาหนึ่งกระโดดวูบข้ามกำแพงเข้ามา ตาเการีบหันกลับไปร้องถามว่า “นั่นใครน่ะ?”

“ไม่มีอะไรหรอก!” ลู่ม่านรีบหยุดตาเกาทันที “เจ้าวางใจเถอะ ไม่มีอะไรผิดปกติเลยแม้แต่นิดเดียว”

จากนั้นก็หันไปเร่งยายอิงว่า “ยังไม่รีบลากตัวตาเกาออกไปอีกรึ?”

ระหว่างผู้หญิงด้วยกัน มันจะมีความเข้าใจในสัญญาณลับบางอย่างต่อกันโดยไม่ต้องพูด เพราะถึงอย่างไรผู้หญิงก็มีความละเอียดอ่อน จึงพอจะเดาความต้องการของลู่ม่านได้อย่างคร่าว ๆ แล้ว

ยายอิงรีบพยักหน้าก่อนจะลากตัวตาเกาไว้ทันที “เจ้าตาแก่หัวดื้อคนนี้นี่! ฮูหยินก็บอกแล้วว่าไม่มีอะไร เจ้ายังจะพูดจาเพ้อเจ้ออะไรอีก? โคมไฟทางนั้นงดงามนัก เจ้าไปดูกับข้าเถอะนะ”

ในที่สุดตาเกาก็ถูกลากตัวออกไป เฉินจื่ออานถึงกับหลุดหัวเราะออกมา “เจ้ารู้ได้อย่างไรหรือ ว่าแม่นางเยาจะมา?”

“การที่นางจะมา มันไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเลยรู้ไหม? นางก็ไม่ใช่คนประเภทที่ไม่ยอมรุกเข้าหา ตามความคิดของข้า คนอย่างอาจารย์โจวน่ะ เหมาะกับผู้หญิงช่างรุกแบบแม่นางเยาที่สุดแล้ว เขาถึงจะปิดบังซ่อนเร้นความรู้สึกไม่ได้”

ทั้งสองเดินแบบไร้จุดหมายไปเรื่อย ๆ พอเดินไปถึงบ้านเก่า ก็เจอเข้ากับเฉินจื่อฉายและเฉินสือซ่วนที่ช่วยกันเข็นตาแก่เฉินออกมาพอดี

เก้าอี้รถเข็นคันนั้น เป็นรถเข็นที่ลู่ม่านทำขึ้นเมื่อตอนที่เฉินจื่ออานได้รับบาดเจ็บที่ขาก่อนหน้านี้ พอดีกับที่ตอนนี้ ร่างกายของตาแก่เฉินกำลังเริ่มฟื้นตัวแล้ว จึงเอาออกมาให้ตาแก่เฉินนั่ง

“พ่อ พี่ใหญ่!” ทั้งสองคนเข้าไปทักทาย

ตาแก่เฉินพยักหน้า ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยชัดนักว่า "มากันแล้ว? ดูโคมไฟ"

พิธีกรที่อยู่ด้านบนคือเฉินอวี้หมิง ลูกชายของผู้ใหญ่บ้านเฉิน ตั้งแต่ยังเล็กเคยได้เรียนหนังสือมาบ้าง เป็นเพื่อนร่วมชั้นกับเฉินจื่อคัง แต่ในเวลาต่อมา ตัวเขาเองไม่มีใจอยากเรียนหนังสือต่อจึงไม่เรียนแล้ว

เดิมทีเขาทำธุรกิจเล็ก ๆ อยู่ในตำบล แต่เวลาต่อมา หลังจากที่หมู่บ้านเจริญรุ่งเรืองขึ้น เขาก็กลับมาที่นี่ ปกติจะทำงานฝีมือเล็ก ๆ น้อย ๆ กับครอบครัว จากนั้นก็มาช่วยผู้ใหญ่บ้านเฉินดูแลเรื่องราวจิปาถะภายในหมู่บ้าน

เมื่อเห็นว่าเฉินจื่อซ่วนเอ่ยปากเป็นคนแรก เฉินอวี้หมิงก็ยิ้มแล้วพูดว่า “สือซ่วน รีบขึ้นมาเร็ว!”

เฉินสือซ่วนจึงก้าวเท้าขึ้นไป ยืนอยู่ข้าง ๆ เฉินอวี้หมิงก่อนจะพูดว่า "นี่คืออักษรตัวหนึ่ง ที่ตรงกับคำว่าซีอิ๊ว!"

เฉินอวี้หมิงยกยิ้มเล็กน้อย ยกมือของเฉินสือซ่วนขึ้นแล้วพูดว่า "ตอบถูกแล้ว!"

เฉินจื่อฉายดีใจแทบคลั่ง "พ่อ ท่านได้ยินหรือไม่? สือซ่วนของพวกเราตอบถูกแล้ว!"

“ใช่แล้ว ตอบถูกแล้วจริง ๆ ด้วย” ตาแก่เฉินก็มีความสุขมากเช่นกัน เมื่อก่อนเขาเคยให้เฉินจื่อคังเรียนหนังสือแค่คนเดียว ส่วนคนอื่นในบ้านรวมถึงรุ่นเด็ก ๆ ต่างก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมีโอกาสได้เรียนหนังสือในชั่วชีวิตนี้แล้ว

เดิมทีพวกเขาต่างก็คิดว่า ตระกูลเฉินมีคนที่รู้หนังสือเพียงคนเดียวก็พอแล้ว

ดังนั้น ในเวลานั้นที่เฉินจื่อคังร่วงหล่นตกอันดับ พวกเขาจึงทำใจยอมรับไม่ได้ถึงขนาดนั้น โลกใบนี้มันโหดร้าย แต่มีบางครั้งที่มันก็ไม่ได้โหดร้ายขนาดนั้น

หลังจากที่พวกเขาเก็บเอาความหวังทั้งหมดกลับคืนไป แต่สุดท้ายชีวิตที่มันเลี้ยวลดคดเคี้ยวไปมา ก็ยังคืนความหวังครั้งใหม่กลับมาให้พวกเขาอีก

เมื่อมีเด็ก ๆ เหล่านี้ อนาคตของตระกูลเฉินจะต้องสดใสงดงามมากแน่ ๆ

เฉินสือซ่วนตอบถูก ได้รับรางวัลเป็นเหรียญทองแดงห้าเหรียญ นี่เป็นรางวัลที่ลู่ม่านเตรียมไว้ ทุก ๆ อักษรปริศนาจะมีเงินรางวัลห้าเหรียญทองแดง ส่วนสุภาษิตและคำพังเพยให้คำใบ้ละสามเหรียญ

เด็ก ๆ ในโรงเรียนต่างมองไปที่เฉินสือซ่วนด้วยความอิจฉา หลังจากนั้น ก็เริ่มตอบคำถามอย่างกระตือรือร้นมากยิ่งขึ้น

บรรยากาศบนเวทีเอะอะอึกทึกจนเกินไป เฉินจื่อฉายจึงพูดว่า "จื่ออาน พวกเจ้าช่วยอยู่ดูแลสือซ่วนที่นี่สักครู่นะ ข้าจะเข็นรถพาพ่อไปเดินดูโคมไฟรอบ ๆ นี้สักรอบหนึ่ง รอข้ากลับมาแล้ว ค่อยมารับสือซ่วนกลับไป”

“ได้!” เฉินจื่ออานพยักหน้า ก่อนจะหันไปมองเฉินสือซ่วน

ปริศนาทำทายข้อใหม่กำลังจะเริ่มขึ้นอีกรอบแล้ว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน