ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 413

สรุปบท บทที่ 413 ล้วนเป็นได้แค่บันไดหินให้คนเหยียบย่ำ: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน

สรุปตอน บทที่ 413 ล้วนเป็นได้แค่บันไดหินให้คนเหยียบย่ำ – จากเรื่อง ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน โดย ฝูเชิง

ตอน บทที่ 413 ล้วนเป็นได้แค่บันไดหินให้คนเหยียบย่ำ ของนิยายประวัติศาสตร์เรื่องดัง ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน โดยนักเขียน ฝูเชิง เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ต่อให้เฉินหลี่ซื่อจะเป็นพวกนิสัยสุดจะทนแค่ไหน แต่นางก็เป็นแม่ของเฉินจื่ออาน

เขาไม่อาจทนรับได้ว่า เฉินหลิ่วเอ๋อถึงกับใส่ร้ายแม่ของตัวเองได้ลงคอ น้องสาวแบบนี้ ช่างทำให้เขาสั่นสะท้านเพราะความใจดำอำมหิตได้เลยจริง ๆ

บ้านตระกูลสงตั้งอยู่ในเขตอำเภอ ถึงแม้จะพูดได้ว่าไม่ใช่ตระกูลที่ดีอะไรเป็นพิเศษ แต่ก็นับว่าไม่ได้ย่ำแย่

ทั้งสองขับรถม้าคันหนึ่งตรงดิ่งออกมาจากร้านม่านเซิง พุ่งทะยานตรงไปยังอำเภอ

หลังจากเจอประตูหลักของบ้านตระกูลสง แจ้งชื่อเสียงเรียงนามของพวกเขาเรียบร้อย เฉินจื่ออานกับลู่ม่านก็รออยู่ข้างนอก ไม่รู้ว่ารออยู่นานแค่ไหน กว่าคนเฝ้าประตูคนนั้นจะวิ่งกลับมาให้คำตอบ

“ฮูหยินของพวกเราเหนื่อยมากแล้ว ไม่ขอพบใครทั้งสิ้น”

ครั้งนี้เฉินจื่ออานโกรธมากจริง ๆ “เจ้าไปบอกเฉินหลิ่วเอ๋อเดี๋ยวนี้ ว่าถ้าวันนี้นางไม่ยอมออกมา ก็อย่าได้นึกเสียใจภายหลังเด็ดขาด!”

เฉินจื่ออานในเวลาปกติ จะดูเหมือนคนประเภทที่เข้มแข็งทรงพลังมาก ๆ พอตอนนี้เขาโกรธแล้วจึงยิ่งดูจริงจังมากขึ้น คนเฝ้าประตูคนนั้นถูกทำให้ตกใจจนต้องลอบกลืนน้ำลายไม่หยุด ต้องหันหลังกลับวิ่งไปรายงานใหม่อีกครั้ง

ผ่านไปไม่นาน เขาก็ออกมาอีกครั้ง ก่อนจะค้อมกายคำนับเชื้อเชิญทั้งสองเข้าไปอย่างนอบน้อม

“ฮูหยินบอกว่า ขอเชิญทั้งสองท่านเข้าไปข้างในขอรับ”

สถานที่ที่เฉินหลิ่วเอ๋อนัดเฉินจื่ออานไปพบ กลับไม่ใช่ที่ห้องโถงหลัก แต่เป็นเรือนแยกหลังหนึ่งที่อยู่ในสวนหลังบ้านซึ่งห่างจากเรือนหลักพอสมควร ตอนที่เฉินจื่ออานไปถึงที่นั่น เฉินหลิ่วเอ๋อกำลังอุ้มเด็กน้อยคนหนึ่งอยู่

เด็กน้อยคนนั้นออกแรงดึงผมของเฉินหลิ่วเอ๋อเต็มแรง ในขณะที่เฉินหลิ่วเอ๋อได้แต่นั่งนิ่งเป็นตอไม้อยู่ตรงนั้น

เฉินจื่ออานขมวดคิ้วมุ่น เดินไปหยุดยืนอยู่ตรงหน้านางแล้วพูดว่า “เฉินหลิ่วเอ๋อ เจ้าเองก็รู้ดีว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงไม่ช่วยแม่ออกมา ?”

เมื่อได้ยินดังนั้น เฉินหลิ่วเอ๋อก็หัวเราะออกมาทันที "ช่วย? ข้าจะช่วยอย่างไรรึ?"

"พูดความจริงออกมา...."

“พี่ก็พูดได้ง่าย ๆ สิ!” เฉินหลิ่วเอ๋อตัดบทคำพูดของเฉินจื่ออานตรง ๆ “หลังจากที่ข้าพูดความจริงออกไปแล้วมันจะเป็นอย่างไรต่อ พี่เคยคิดบ้างหรือไม่? ถึงตอนนั้นข้าอาจต้องติดคุก แล้วลูกในท้องของข้าจะทำอย่างไรล่ะ?”

“ตระกูลสงจะไม่ช่วยเจ้าเลยเชียวรึ?” เฉินจื่ออานไม่เข้าใจ

เฉินหลิ่วเอ๋อยิ่งหัวเราะอย่างขมขื่นขึ้นไปอีก “หรือว่าพี่ยังดูไม่ออกอีกรึ? พี่คิดว่าข้าเป็นฮูหยินของตระกูลสงจริง ๆ น่ะหรือ? ข้ามันก็แค่แม่นมที่ไม่ต้องเสียค่าจ้าง ก็แค่เครื่องมือให้กำเนิดลูก พี่รู้ไหมว่าทำไมนายท่านตระกูลสงถึงได้ยอมแต่งงานกับข้าน่ะ?”

เฉินจื่ออานไม่พูดอะไรสักคำ เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกัน

“เพราะข้าเกิดมาเป็นฝาแฝด!” เฉินหลิ่วเอ๋อยิ้มอย่างขมขื่น “เพราะข้ากับพี่สี่เป็นฝาแฝดชายหญิง นายท่านตระกูลสงได้ยินหมอพูดว่า ฝาแฝดนั้นอาจถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ ตอนนั้นแม่คลอดลูกแฝดชายหญิง นั่นหมายความว่าในอนาคตข้าเองก็อาจจะคลอดลูกแฝดได้เหมือนกัน ข้ารู้ ว่าข้าผิดต่อแม่ แต่รอให้ข้าคลอดลูกแฝดออกมาก่อน ข้าก็จะชดใช้ความผิดให้แม่!"

ที่แท้ก็ถึงกับอ้างเหตุผลพรรค์นี้ ลู่ม่านอดพูดไม่ได้ว่า “แล้วเจ้ารู้ไหม? ว่าเจ้าเองก็มีโอกาสที่จะไม่คลอดลูกฝาแฝดชายหญิงเหมือนกัน ถ้าถึงเวลานั้นแล้วเจ้าจะทำอย่างไร? เจ้าเคยคิดบ้างหรือไม่?”

“เป็นไปไม่ได้!” จู่ ๆ เฉินหลิ่วเอ๋อก็วางเด็กในอ้อมแขนที่ยังคงดึงทึ้งผมนางไม่หยุดลงไป แผดเสียงคำรามใส่ลู่ม่านดังลั่น "ข้าจะต้องคลอดออกมาเป็นฝาแฝดชายหญิงแน่ หมอบอกแล้วว่าเด็กในท้องข้าเป็นฝาแฝดชายหญิง เมื่อถึงเวลานั้นข้าก็จะได้เป็นนายหญิงของตระกูลสง ชีวิตข้ามีชะตาจะได้เป็นฮูหยินของเศรษฐี!”

เด็กน้อยที่อยู่ข้างหลังแผดเสียงร้องไห้จ้า เฉินหลิ่วเอ๋อหันกลับไปจ้องเขาตาเขม็ง “เมื่อถึงเวลานั้น ใครก็ตามที่เคยรังแกข้า ข้าจะไม่ยอมปล่อยมันไปแม้แต่คนเดียว”

เด็กน้อยคนนั้นถูกเฉินหลิ่วเอ๋อจ้องมองอย่างมาดร้าย จึงยิ่งแผดเสียงร้องไห้หนักขึ้น

ถึงอย่างไรที่นี่ก็อยู่ไกล อีกทั้งไม่มีใครมาอยู่แล้ว เฉินหลิ่วเอ๋อจึงไม่สนใจเขาเลย

“เขาไม่ช่วยไม่ได้!” ลู่ม่านพูดอย่างมั่นใจ

“ทำไมล่ะ?” เฉินจื่ออานยังตามความคิดไม่ทัน

“ท่านลุงผู้ใหญ่บ้านไม่ได้พูดไว้หรอกหรือ? ว่าถ้าเรื่องนี้มันร้ายแรงขึ้นมาก็จะถูกส่งต่อไปที่อำเภอ ตอนนี้ตระกูลสงต้องการให้แม่ของเจ้าเอาหนึ่งชีวิตมาแลกหนึ่งชีวิต นี่ยังไม่ร้ายแรงอีกหรือ? ตำบลไม่มีสิทธิ์ตัดสินประหารชีวิตนักโทษนะ แม้แต่ที่ว่าการอำเภอ ก็ยังต้องรอการอนุมัติหลังจากรายงานไปยังระดับสูง ๆ ขึ้นไปก่อน ถึงจะมีการพิจารณาโทษให้ประหารชีวิตได้ ขอแค่คดีนี้ไปถึงอำเภอ พี่รองของเจ้าก็คงไม่นั่งดูแม่ของเจ้าถูกสอบปากคำโดยไม่ทำอะไรแน่ แม้ว่าพี่รองของเจ้าจะไม่สนใจครอบครัวนัก แต่ตอนแรก เขาก็ช่วยพ่อออกมาจากเงื้อมมือของผู้ว่าการอำเภอได้เชียวนะ”

ตอนนี้เองที่เฉินจื่ออานค่อยรู้สึกมีประกายความหวังในใจ "จริงด้วย พี่รองจะต้องช่วยแม่แน่ ๆ"

หลังจากที่ทั้งสองคิดเรื่องนี้ได้ ก็ตรงไปที่ร้านม่านเซิงทันที แล้วใช้ประโยชน์จากกระแสความหนาแน่นของคนที่แวะเวียนมาที่ร้านม่านเซิง กระจายข่าวนี้ออกไปให้กระหึ่ม

พอดีกับที่วันนี้ คนที่ไปร้านม่านเซิงมีคนในบ้านของมู่หรงเซี่ยคนนั้นด้วย เพียงไม่นานกระทั่งตระกูลมู่หรงก็ยังรู้เลยว่า ในตำบลชางผิงแห่งนี้มีคดีฆ่าคนตาย

หลังจากกระจายข่าวออกไปเรียบร้อย เฉินจื่ออานก็กลับไปที่ตำบลชางผิง ส่วนลู่ม่านยังรั้งอยู่ที่อำเภอคนเดียว

ในบ่ายวันเดียวกันก็ได้รับข่าวว่า เฉินหลี่ซื่อคนนั้นถูกตำบลชางผิงตัดสินโทษในความผิดฐานฆ่าคนตายต้องชดใช้ด้วยชีวิต จากนั้น เรื่องนี้ก็ถูกโอนมาที่อำเภอ

เรื่องเป็นไปตามที่คาดไว้ทุกอย่าง ลู่ม่านจึงพักผ่อนอย่างสงบได้สักที

เช้าวันรุ่งขึ้น เฉินจื่ออานก็กลับมาจากหมู่บ้านไป่ฮัว ทั้งยังพาเฉินจื่อฉายกับตาแก่เฉินมาด้วย

เฉินจื่อฉายไม่มีท่าทางยินดีมีความสุขแบบเมื่อวานนี้แล้ว ความรู้สึกสิ้นหวังที่เขามีต่อเฉินหลิ่วเอ๋อ มันทำให้เขารู้สึกระทมหดหู่ในใจอย่างมาก ตาแก่เฉินก็ตกใจจนตะลึงค้างไปเลย เดิมทีเขาคิดว่าเป็นเพราะเฉินหลิ่วเอ๋อไม่ชอบเขา ถึงได้ทำแบบนั้นกับเขา

ตอนนี้ถึงเพิ่งได้รู้ว่า แท้ที่จริงแล้วลูกแฝดของเขาคู่นี้ ล้วนเป็นคนที่เห็นแก่ตัวอย่างร้ายกาจ ส่วนเขาหรือกระทั่งเฉินหลี่ซื่อเอง ก็เป็นได้แค่บันไดหินให้ทั้งคู่ใช้เหยียบย่ำขึ้นไปเท่านั้น

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน