ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 415

เดิมทีการสอบช่วงฤดูใบไม้ผลิก็คือการสอบเอินเคอ ดังนั้นจุดประสงค์หลักของฝ่าบาท ก็คือมีพระประสงค์จะคัดเลือกบุคคลที่มีความสามารถ ให้เข้ามาทำงานได้มากขึ้น

การสอบหลัก ๆ จะสอบในอำเภอก่อน สอบต่อเนื่องเป็นเวลาสามวันติดต่อกัน จากนั้นค่อยคัดเลือกผู้ที่มีคะแนนโดดเด่นบางส่วนขึ้นมา ให้เข้าร่วมการสอบเตี้ยนซื่อในเมืองหลวงเพื่อเข้าไปเป็นขุนนางในวัง เมื่อถึงเวลานั้น คนเหล่านั้นจะเป็นขุนนางที่ฝ่าบาททรงคัดเลือกด้วยองค์เองทั้งหมด

เนื่องจากครอบครัวเฉินจื่ออานมีบ้านอยู่ในอำเภอ ดังนั้นลู่ม่านจึงไม่จำเป็นต้องเตรียมกระเป๋าสัมภาระอะไรให้เขา

หนึ่งวันก่อนสอบ ลู่ม่านก็จัดเตรียมทุกอย่างไว้ในบ้านเรียบร้อยแล้ว จากนั้นก็ไปบ้านเก่าเพื่อเยี่ยมเยียนทักทายตาแก่เฉิน

อาการของตาแก่เฉินดีขึ้นมากแล้ว พอเห็นเฉินจื่ออานมา ก็รู้ทันทีว่าเขาคงจะไปสอบคัดเลือกช่วงฤดูใบไม้ผลิแน่ ๆ จึงเรียกเฉินจื่ออานไว้ “เราสองคนไปคุยกันตามประสาพ่อลูกหน่อยเถอะนะ!”

เฉินจื่ออานรีบตามไป

ตาแก่เฉินพาเฉินจื่ออานไปที่ศาลบรรพบุรุษ จากนั้นตาแก่เฉินก็พูดว่า "คุกเข่าลง โขกหัวคำนับให้กับบรรพบุรุษทุกท่านดี ๆ"

เฉินจื่ออานปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ตาแก่เฉินพูดขึ้นว่า “ จื่ออาน เมื่อก่อนเป็นพ่อเองที่ทำไม่ถูก ช่วงเวลาหนึ่งปีกว่า ๆ มานี้ พ่อถึงเข้าใจได้ว่าคนเราน่ะ เกียรติยศชื่อเสียงและโชคลาภไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด แต่เป็นคุณสมบัติในการเป็นคนที่ดี จื่ออาน เจ้าเข้าใจความหมายของพ่อหรือไม่? "

“พ่อ ข้าเข้าใจแล้ว”

“อือ ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้ว!” ตาแก่เฉินยิ้มพลางพูดว่า “พ่อรู้อยู่แล้วล่ะ ว่าเจ้าไม่มีวันทำให้พ่อผิดหวัง แล้วก็ไม่เสียแรงที่พ่อรั้งแม่ของเจ้าเอาไว้.....”

เฉินจื่ออานถึงกับตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ตาแก่เฉินโบก ๆ มือ “ไม่พูดแล้วดีกว่า อย่างแม่เจ้าน่ะ ถ้าว่าตามอารมณ์ของพ่อเมื่อสมัยก่อน พ่อควรจะหย่ากับนางไปตั้งนานแล้ว แต่วันนั้นตอนที่พ่อพานางกลับมา ยังไม่ทันอ้าปากพูดอะไร นางก็ร้องไห้แล้ว นางบอกว่า ทุ่มเทเลือดเนื้อเหน็ดเหนื่อยจนสายตัวแทบขาดเพื่อลูกสองคนนี้ ยังคิดอยู่ว่าพวกมันคงจะรู้ถึงความเหนื่อยยากลำบากของนาง แต่พอสุดท้ายในช่วงเวลาวิกฤติ คนที่ออกหน้ามาช่วยนางกลับเป็นลูก ๆ ที่นางให้ความสนใจน้อยที่สุด คืนนั้นแม่ของเจ้า หวิดจะเอาหัวพุ่งชนกำแพงแล้วล่ะ...."

พูดถึงตรงนี้ ตาแก่เฉินก็ถอนหายใจเฮือก “ถ้านางสำนึกผิดกลับตัวกลับใจได้ ก็คงจะดีกว่าอะไรทั้งหมดแล้วล่ะ”

ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง เฉินจื่ออานค่อนข้างสะเทือนใจไม่น้อย คนที่แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยคิดว่าตัวเองผิดอย่างเฉินหลี่ซื่อ จะมีวันหนึ่งที่ตื่นขึ้นมาพบความผิดพลาดของตัวเอง จนถึงขั้นที่เกือบจะเอาหัวพุ่งชนกำแพงด้วย

ดูเหมือนว่านางจะรู้ความผิดแล้วจริง ๆ

สองคนพ่อลูกคุยกันอีกครู่หนึ่ง ก่อนที่เฉินจื่ออานจะลุกขึ้นขอตัวไปที่อำเภอ

หลังมาถึงอำเภอแล้ว ลู่ม่านก็หยิบตะกร้าเตรียมจะออกไปทันที เฉินจื่ออานรีบถามว่า "เสี่ยวม่าน เจ้าจะไปไหนน่ะ?"

“ไปซื้อกับข้าวน่ะสิ พรุ่งนี้เจ้าก็จะสอบแล้ว ข้าคิดว่าในอำเภอช่วงสองสามวันนี้คนคงจะเยอะแน่ ข้าจะไปซื้อเนื้อซื้อผักดี ๆ ตุนเอาไว้เยอะหน่อย ช่วงนี้อากาศเย็นเก็บไว้ก็ไม่ต้องกลัวเสีย เอาไว้ทำอาหารที่มีโภชนาการดี ๆ ให้เจ้ากินระหว่างสอบ”

“ถ้าอย่างนั้นข้าก็จะไปด้วย” เฉินจื่ออานพูด

“เจ้าไม่อ่านหนังสือแล้วรึ?” ลู่ม่านสงสัย พูดตามเหตุผลวันพรุ่งนี้ก็จะสอบแล้ว ถ้ายึดตามนิสัยของเฉินจื่ออานก็ควรจะอยู่บ้านอ่านหนังสือถึงจะถูก

เฉินจื่ออานส่ายหน้า “หนังสือไม่ได้อ่านแค่วันเดียวแล้วจะจำได้หมดหรอกนะ ต่างก็ต้องอ่านสะสมไปเรื่อย ๆ ในทุก ๆ วัน ถ้าเราอ่านอย่างสม่ำเสมอทุก ๆ วันก็เพียงพอแล้วล่ะ ตอนนี้มาอ่านแบบยัดทุกอย่างเข้าหัวมันจะไปมีประโยชน์อะไร? ไปเถอะ ข้าจะไปช่วยเจ้าถือของเอง"

เฉินจื่ออานคิดได้แล้วจริง ๆ สินะ ลู่ม่านยิ้มน้อย ๆ ดีเหลือเกิน

ในตอนค่ำ ระหว่างที่นอนเหยียดยาวอยู่บนเตียง ลู่ม่านก็หาจี้หยกที่ตอนนั้นตัวเองไปซื้อมาจากเมืองหลวงออกมา “เจ้าสิ่งนี้ข้าซื้อมาจากเมืองหลวงเมื่อปีก่อน แต่ลืมเอาให้เจ้า พอดีว่าตอนนี้เจ้ากำลังจะไปสอบช่วงฤดูใบไม้ผลิแล้ว ข้าให้เจ้า เหมือนกับอักษรที่สลักอยู่บนนั้นเลย ขอให้เจ้าสอบผ่าน นับจากนี้ก้าวหน้ายิ่ง ๆ ขึ้น"

เฉินจื่ออานรับมาพินิจมองอย่างละเอียดอยู่ครู่หนึ่ง มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มอย่างปิดซ่อนไว้ไม่อยู่ “เสี่ยวม่าน นี่เป็นครั้งแรกที่เจ้าให้ของขวัญข้าสินะ?”

ลู่ม่านเลิกคิ้วขึ้นสูง “จริงรึ? นี่ข้าขี้เหนียวขนาดนั้นเชียว?”

เฉินจื่ออานถูกนางหยอกเย้าจนหลุดหัวเราะ “เจ้าไม่ได้ขี้เหนียวหรอก แต่ช่างจดช่างจำเกินไปต่างหาก ไม่อย่างนั้นจะจำของที่มันเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้ได้อย่างไรล่ะ?”

ลู่ม่านมุมปากกระตุกไม่หยุด " จื่ออาน นี่เจ้าชมข้าใช่ไหมเนี่ย? ทำไมข้าฟังดูแล้วมันกระอักกระอ่วนแบบนั้นล่ะ? "

เฉินจื่ออานไม่สนใจนาง เก็บจี้หยกไว้ใต้หมอนแล้วยื่นมือไปโอบเอวของลู่ม่าน “ภรรยาของข้าให้ของขวัญที่ดีขนาดนี้กับข้าทั้งที ข้าสมควรต้องให้ของตอบแทนกลับไปถึงจะดีนะ”

ลู่ม่านหยุดชะงักไปชั่วขณะ ผ่านไปครู่หนึ่งก็พูดอย่างนึกฉุนว่า “ทะลึ่ง!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน