ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 417

ในช่วงเส้นยาแดงผ่าแปดนั่นเอง คนที่อยู่ข้าง ๆ ก็ยื่นมือออกไปห้ามไว้อย่างรวดเร็ว “ตีไม่ได้นะ ท่านนี้คืออันเหรินที่ฝ่าบาททรงแต่งตั้งด้วยองค์เอง”

ชายคนนั้นรีบหยุดมือทันที หันไปมองลู่ม่านอย่างกระอักกระอ่วน “ท่านก็คือลู่อันเหริน?”

ลู่ม่านพยักหน้า ชายคนนั้นพูดขึ้นอีกว่า “เป็นข้าน้อยมีตาแต่หามีแววไม่ ล่วงเกินอันเหริน ขอท่านโปรดอภัยในความผิดนี้ด้วย”

ลู่ม่านตะลึงงัน "นี่มันเกิดอะไรขึ้นน่ะ? พวกเจ้ารู้จักข้าหรือ?"

“เป็นคุณหนูใหญ่ที่สั่งไว้ขอรับ ว่าสามีของท่านก็มาเข้าร่วมการสอบเอินเคอในปีนี้ด้วย....”

“คุณหนูใหญ่?” ลู่ม่านพอจะเดาได้คร่าว ๆ แล้วว่าเป็นใคร คนที่มาดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยในระหว่างการสอบ ล้วนมาจากค่ายทหารในบริเวณใกล้เคียงทั้งสิ้น และค่ายทหารในอำเภอเฟิงหนานที่อยู่ใกล้ที่สุด จะเป็นใครได้ถ้าไม่ใช่ตระกูลมู่หรง?

ผลคือ เจ้าหน้าที่คนนั้นเอ่ยปากพูดขึ้นเองเลยว่า “แน่นอนว่าย่อมเป็นคุณหนูมู่หรง”

คิดไม่ถึงเลยว่า มู่หรงเซี่ยคนนี้ยังรู้จักตอบแทนบุญคุณคนด้วย? ลู่ม่านถอนหายใจด้วยความโล่งอกแล้วพูดเบา ๆ ว่า “ข้าขอเข้าไปดูหน่อยได้หรือไม่?”

เจ้าหน้าที่ทหารทั้งสองคนนั้นมีสีหน้าลำบากใจขึ้นมาทันที “อันเหริน ไม่ใช่ว่าเราไม่ให้ท่านเข้าไปนะขอรับ แต่เรื่องครั้งนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก ถ้าพวกเรายอมปล่อยให้ท่านเข้าไป แบบนั้นชีวิตของพวกเราก็คงยากจะรักษาไว้ได้แน่แล้ว”

แต่ไหนแต่ไรมา ลู่ม่านเป็นคนมีเหตุมีผลอยู่เสมอ นางไม่ควรคิดถึงแต่ตัวเอง จนไปทำให้คนอื่นเดือดร้อนถึงตาย จึงพยักหน้าแล้วก้าวถอยหลังออกไปแต่โดยดี

หลังจากรอต่อไปอีกครู่ใหญ่ ๆ ทางเหอเย่วก็เลิกงานแล้ว เมื่อเห็นว่านางไม่กลับบ้าน ก็มาตามหาด้วยกันกับตงจื่อ

หลังจากได้ทำความเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นด้านในแล้ว ทั้งสองก็รีบปลอบนางว่า “พี่เสี่ยวม่าน ท่านไม่ต้องกังวลใจไปหรอก อย่างไรพี่จื่ออานก็ไม่ใช่คนที่แอบจดโพยคำตอบเข้าไปอยู่แล้ว เขาในตอนนี้น่าจะแค่ถูกทำให้ล่าช้าไปบ้างก็เท่านั้นเอง”

“อื้ม!” อันที่จริงลู่ม่านก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน ติดอยู่แค่ว่า เวลามันดูจะผ่านไปอย่างเชื่องช้าจริง ๆ พอต้องรอนาน ๆ เข้า ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะกระวนกระวายใจขึ้นมา

จู่ ๆ ท้องฟ้าก็มืดครึ้มลง เริ่มมีละอองฝนเม็ดเล็ก ๆ โปรยปรายลงมาแล้ว อากาศยังคงหนาวอยู่ ตงจื่อจึงเกลี้ยกล่อมขึ้นมาว่า "ฮูหยิน ไม่สู้ท่านกับแม่นางเสี่ยวเย่วกลับบ้านกันไปก่อนดีหรือไม่? ที่นี่ก็อยู่ไม่ไกลจากบ้านมากนัก ขอแค่นายท่านออกมา ข้าก็จะรีบไปส่งเขากลับบ้านทันที"

เหอเย่วก็พยักหน้าเห็นด้วย “จริงด้วย พี่เสี่ยวม่าน ที่นี่หนาวเกินไป ถ้าพี่ไม่ทันระวังจนเป็นหวัดขึ้นมา พี่จื่ออานออกมาแล้วจะมาคิดบัญชีเอากับข้าน่ะสิ!”

“ไม่เป็นไรหรอก!” ลู่ม่านส่ายหน้า “ข้าร่างกายแข็งแรงดี นี่มันก็เย็นมากแล้วจื่ออานน่าจะใกล้ได้ออกมาแล้วล่ะ!”

เหอเย่วกับตงจื่อหันมองหน้ากันอย่างนึกจนใจ ตงจื่อไม่มีทางเลือกอื่นใดจึงทำได้แค่เดินไปที่รถ หยิบเอาเสื้อคลุมตัวใหญ่มายื่นส่งให้เสี่ยวเย่ว

“ช่วยคลุมให้ฮูหยินหน่อยนะ!”

เหอเย่วรีบรับไป ก่อนจะนำไปห่มคลุมให้ลู่ม่าน

หลังจากรอต่อไปอีกเกือบชั่วยาม ฝนก็เริ่มตกหนักขึ้นเรื่อย ๆ ข้างนอกก็เริ่มหนาวขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว แต่ข้างในก็ยังไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ ทั้งสิ้น

เจ้าหน้าที่ทหารสามสี่นายที่เดิมทีเฝ้ายามอยู่ด้านนอก ก็เปลี่ยนกะแล้วเช่นกัน เหอเย่วเข้าไปถามอีกครั้ง คำตอบล่าสุดที่ได้รับ ก็คล้าย ๆ กับคำตอบที่ลู่ม่านเคยได้รับก่อนหน้านี้

นั่นก็คือ เรื่องครั้งนี้ร้ายแรงมาก เป็นไปได้อย่างมากว่าตลอดคืนนี้ ไม่น่าจะมีใครที่ได้ออกมาข้างนอกแม้แต่คนเดียว

เหอเย่วเริ่มพูดโน้มน้าวลู่ม่านอีกครั้ง แต่ลู่ม่านก็ยังคงนิ่งเฉย ขณะที่ยังหาทางออกไม่ได้นั้นเอง ก็มีรถม้าคันหนึ่งแล่นเข้ามาจากที่ไกล ๆ เสียงล้อรถบดกับพื้นถนนดัง “กุกกัก ๆ” ชัดเจนเป็นพิเศษท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายลงมาไม่หยุด

ในที่สุดรถม้าคันนั้นก็มาหยุดอยู่ใต้เชิงบันได เงาร่างหนึ่งที่อยู่ข้างในก้าวลงจากรถ สาวเท้าเดินขึ้นบันไดไปทันที

ระหว่างที่มองตามเขาเดินเข้ามาอย่างช้า ๆ เหอเยว่ก็พูดขึ้นด้วยความประหลาดใจว่า “คุณชายจวง?”

ลู่ม่านเองก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่งเหมือนกัน จ้องมองไปที่คนคนนั้นอีกที ก็พบว่าคนที่มาคือจวงลี่จ้งจริง ๆ ทั้งยังสวมชุดขาวกระจ่างไปทั้งตัว มีร่มกระดาษน้ำมันคันหนึ่งบนศีรษะ

“แม่นางลู่ เจ้ามาทำอะไรที่นี่น่ะ?” จวงลี่จ้งถามด้วยความสงสัย

“ข้ากำลังรอคนอยู่!” ลู่ม่านตอบ เหอเย่วรีบเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นด้านในเสริมเข้าไปอีกรอบ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน