ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 429

ตาแก่เฉินได้วางตะเกียบในมือลงก่อนใครๆ สีหน้าเคร่งขรึมลงอย่างเห็นได้ชัด

ทุกคนต่างก็ทำหน้าไม่พอใจ ขอเพียงคนที่ยังไม่ลืมต่างก็จดจำได้ดีว่าครั้งที่แล้วตอนที่เกิดเรื่องกับเฉินหลี่ซื่อ ปฏิกิริยาของตระกูลสงนั้นดีหรือไม่

ตอนนั้น ตระกูลสงคิดว่าตระกูลเฉินคงจบสิ้นแล้ว มีเพียงอันเหรินที่มีแต่ชื่อเท่านั้น จึงไม่มองตระกูลเฉินอยู่ในสายตาเลยสักนิด

ใครเลยจะคิดว่า ในเวลาเพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น ตระกูลเฉินจะสามารถพลิกฟื้นสถานการณ์ในครอบครัวได้

เฉินจื่ออานสอบติดได้เป็นซิ่วไฉ นั่นไม่ใช่ยศถาบรรดาศักดิ์ที่จะได้รับการแต่งตั้งหรือถอดถอนกันได้ตามอำเภอใจ ขอเพียงผ่านการหน้าพระที่นั่งได้ เช่นนั้นอย่างน้อยก็ได้เป็นถึงขุนนางระดับห้าในเมืองหลวงแล้ว เขาย่อมต้องมาประจบเอาใจไว้ก่อน

เห็นทุกคนต่างก็ไม่สนใจเขา นายท่านสงก็ไม่รู้สึกกระดากอายสักนิด หันกลับไปประคองเฉินหลิ่วเอ๋อที่อยู่ข้างหลัง พูดเสียงอ่อนโยนว่า “หลิ่วเอ๋อ บ่นคิดถึงบ้านมารดาทุกเมื่อเชื่อวัน ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้กลับมาสักครั้ง จะไม่ยิ้มหน่อยหรือ”

เฉินหลิ่วเอ๋อนับว่ายังพอรู้จักมียางอายอยู่บ้าง มองไปทางลู่ม่านกับเฉินจื่ออานแวบหนึ่ง

ครั้งที่แล้วตอนที่เกิดเรื่องขึ้น ลู่ม่านกับเฉินจื่ออานไปหานาง ตอนนั้นสิ่งที่พวกนางพูดเหล่านั้นยังคงติดอยู่ในหู ตอนนี้นางไหนเลยจะมีหน้ามาที่บ้านตระกูลเฉินอีก

โดยเฉพาะแม่ของนาง นางยิ่งไม่กล้าเผชิญหน้าด้วย แต่นายท่านสงบอกว่า ถ้าหากนางไม่ยอมกลับมาด้วย ก็จะหย่ากับนาง แม้แต่ลูกในท้องของนางเขาก็ไม่เอา

ในเมื่อ เขาเองก็มีลูกตั้งหลายคนแล้ว ไม่ได้ลูกสึกเสียดายหากต้องเสียไปแค่คนเดียว

เฉินหลิ่วเอ๋อรู้ว่าตนเองแต่งงานกับคนสารเลว แต่ว่าหลายเรื่องราวก็เป็นอย่างนี้เอง เมื่อเดินผิดไปหนึ่งก้าว เช่นนั้นก็ต้องใช้ความผิดพลาดอีกนับไม่ถ้วนมาชดเชยความผิดพลาดในครั้งแรก

ไม่ว่าจะเพราะเหตุผลอะไร นางก็ไม่มีทางให้เดินถอยหลังแล้ว

“ท่านพ่อ ท่านแม่ พี่สาม พี่ใหญ่...”เฉินหลิ่วเอ๋อเอ่ยเสียงต่ำ

เพิ่งจะสิ้นเสียงเรียกขาน ตาแก่เฉินก็ได้ตบตะเกียบที่อยู่ในมือกับโต๊ะเสียงดังปัง “ไสหัวไปซะ”

พูดจบ ร่างกายที่เพิ่งจะดีขึ้นของเขาก็เริ่มจะมีอาการสั่นเทาขึ้นมาอีกครั้ง

เฉินจื่อฉายอยู่ใกล้ที่สุด รีบเข้าไปประคองตาแก่เฉิน “ท่านพ่อ ท่านอย่าโมโหไปเลย ร่างกายของท่านเพิ่งจะดีขึ้นนิดเดียวเท่านั้น”

“บอกให้พวกเขาไสหัวกลับไป”ตาแก่เฉินพูดขึ้นอีกครั้ง

เฉินจื่อฉายรีบพูดขึ้นว่า “พวกเจ้ายังไม่รีบกลับไปอีก อยากจะให้ท่านพ่อโมโหตายหรืออย่างไร”

นายท่านสงเห็นดังนั้นก็อยากจะเข้าไปประคองตาแก่เฉิน “ท่านพ่อ ท่านอย่าโมโหไปเลย แม้ท่านจะไม่เห็นแก่หน้าข้า ก็เห็นแก่หลานทั้งสองคนที่อยู่ในท้องของหลิ่วเอ๋อด้วยเถอะ ไม่ง่ายเลยที่วันนี้พวกเราจะกลับมาเยี่ยมพวกท่านกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตากัน...”

นายท่านสงไม่พูดยังดีเสียกว่า แต่พอพูดออกมาแล้ว ตาแก่เฉินก็ยิ่งโมโหมากขึ้น “ตอนนี้เพิ่งจะรู้ว่าเป็นครอบครัวเดียวกันหรือ ตอนที่แม่เจ้าไม่สบาย เจ้าทำอะไรไว้ แม้แต่บ่าวรับใช้แม่เจ้ายังเทียบไม่ได้เลย ”

“ท่านพ่อ”นายท่านสงรีบตะโกนขึ้นมาทันที “เรื่องนั้นข้าไม่รู้จริงๆว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ก่อนหน้านี้ข้าออกไปทำการค้า มีหลิ่วเอ๋ออยู่บ้านเพียงคนเดียว ข้าเองก็เพิ่งจะกลับมาเมื่อวาน ได้ยินเรื่องนี้เข้าก็รีบจัดการกับคนเหล่านั้นทันทีและยังขายพวกเขาไปแล้วด้วย เดิมที ก็อยากจะมาขออภัยท่านทั้งสองทันที เพียงแต่เกรงว่าท่านทั้งสองสุขภาพไม่ดี จะกระทบร่างกายได้ ฉะนั้นจึงอาศัยโอกาสในวันนี้ที่พี่สามสอบติดแล้ว มาเยี่ยมท่านทั้งสองที่อารมณ์คงจะดีขึ้นมาบ้างแล้ว ท่านพ่อ ได้โปรดให้อภัยพวกข้าเถอะ”

โกหกทั้งเพ พูดน้ำไหลไฟดับทีเดียวเชียว

แม้ว่าตาแก่เฉินจะเป็นอัมพฤกษ์ แต่สมองนั้นแจ่มชัดยิ่งนัก เขาไม่มีทางเชื่อคำพูดเหลวไหลเหล่านี้แน่ จึงหยิบเอาตะเกียบที่วางลงไปเมื่อครู่ขึ้นมาและปาไปทางพวกเขาทันที

“ข้าบอกให้พวกเจ้าไสหัวไป เจ้าฟังไม่รู้เรื่องหรืออย่างไร”

ตอนนี้ เฉินหลิ่วเอ๋อถูกกระตุ้นให้โมโหขึ้นมาแล้ว นางมองทุกคนที่อยู่ในห้อง และในขณะที่มองไปทางหลิวซื่อกับเหอฮัว นางก็ยิ้มเย็นออกมา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน