ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 431

สรุปบท บทที่ 431 เรื่องมากเกินไปแล้ว: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน

อ่านสรุป บทที่ 431 เรื่องมากเกินไปแล้ว จาก ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน โดย ฝูเชิง

บทที่ บทที่ 431 เรื่องมากเกินไปแล้ว คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายประวัติศาสตร์ ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย ฝูเชิง อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

วันรุ่งขึ้น เฉินจื่ออานกับลู่ม่านเข้าไปในเมืองหลวงตั้งแต่เช้าเหมือนเดิม เหมือนเมื่อวานไม่มีผิด พาหรูเฟิงไปด้วย

หลังจากเคยเจอเรื่องโจรดักปล้นระหว่างทางในการไปเมืองหลวงครั้งที่แล้ว ลู่ม่านก็ระวังตัวขึ้นมาก พาพวกเฉินจื่ออานอ้อมไปอีกทางหนึ่ง จึงเดินทางไปถึงเมืองหลวงอย่างปลอดภัยในวันที่สี่

ตอนที่รถม้าเข้าไปในซอย ข้างหน้าก็มีรถม้าคันหนึ่งขวางทางเอาไว้

เฉินจื่ออานได้แต่หยุดรถม้ารออยู่ตรงนั้น ไหนเลยจะคิดว่าเด็กสาวคนนั้นเห็นพวกเฉินจื่ออานมา ก็เริ่มทำท่าอวดดีขึ้นมาทันที

“ต้องขอโทษด้วย ของบ้านขาค่อนข้างเยอะ รบกวนพวกท่านค่อยๆรอไปก่อนแล้วกัน”

เฉินจื่ออานไม่อยากจะมีเรื่องกับเด็กสาว จึงรออยู่ตรงนั้นชั่วครู่อย่างสงบ

ปรากฏว่า ทางด้านนั้นกลับไม่รีบมาเคลื่อนรถม้าออกไป ลู่ม่านเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงพูดกับหรูเฟิงด้วยเสียงต่ำว่า “ไปตรวจดูซิ”

หรูเฟิงตรงไปเลิกผ้าม่านของรถม้าขึ้นสำรวจดู ข้างในไม่มีสิ่งของใดๆเลย เห็นได้ชัดว่าว่างเปล่าไม่มีอะไร

ขณะกำลังมองดู เด็กสาวคนนั้นก็เดินกลับมา เห็นว่าหรูเฟิงกำลังสำรวจดูรถม้าของพวกเข้า นางก็รีบตะคอกขึ้นมาทันทีว่า “เจ้าทำอะไร มาดูรถม้าของคนอื่นเช่นนี้ได้อย่างไร”

หรูเฟิงไม่อยากจะต่อปากต่อคำกับนาง จึงชักดาบออกมาชี้ไปที่นาง “ไหนเจ้าบอกว่ามีสิ่งของต้องขนไม่ใช่หรือ ของเล่า”

“ว้าย”สาวน้อยคนร้องเสียงแหลม หวาดกลัวดาบในมือของหรูเฟิง “กลางวันแสกๆเช่นนี้ เจ้าอยากจะฆ่าคนหรืออย่างไร”

“ข้าไม่อยากฆ่าคน แต่คนบางคนไม่เหมาะที่จะเป็นคน”เดิมทีหรูเฟิงก็ดูเป็นคนที่ค่อนข้างเย็นชาอยู่แล้ว บวกกับ ตอนนี้นางก็รู้สึกโมโหอยู่บ้าง จึงขู่จนเด็กสาวคนนั้นกลัวจนตัวสั่น

แต่ก็ไม่วายที่จะพูดจาทิ้งท้ายว่า “พวกเจ้า พวกเจ้าก็แค่ตระกูลเล็กๆ แต่กลับบังอาจถึงเพียงนี้ ขอให้นายท่านของพวกเรากลับมาจากในวังแล้ว จะไม่ปล่อยพวกเจ้าไว้อย่างเด็ดขาด”

ในที่สุดลู่ม่านก็รู้แล้วว่าสาวใช้คนนี้กำลังอวดดีเพราะอะไร ก่อนหน้านี้นายท่านของพวกนางเหมือนจะไม่ได้อาศัยอยู่ในเมืองหลวงเป็นประจำ ฉะนั้นเมื่อนางเห็นว่าถูกคนของจวนกั๋วกงกับหลี่หว่านถิงปฏิบัติต่อตนอย่างมีมารยาท จึงยอมถอยให้สามส่วน

ความหมายที่นางพูดถึงในตอนนี้คือนายท่านของนางถูกฮ่องเต้เรียกเข้าไปในเมืองหลวง อีกทั้งยังมีความเป็นไปได้ว่าจะได้เลื่อนขั้น ฉะนั้นนางก็เลยอวดดีขึ้นมาอีกครั้ง

“เช่นนั้นพวกเราก็จะรอ”ลู่ม่านพูดขึ้นมายิ้มๆ

สาวใช้คนนั้นค้อนด้วยสายตาแค้นใจให้กับลู่ม่านแวบหนึ่ง แต่สุดท้ายก็ยังคงกลัวดาบของหรูเฟิงอยู่ดี จึงเรียกให้คนขับรถม้าออกไป

เฉินจื่ออานจึงขับรถม้าของตนเข้าไปในลานบ้านของตนเอง หันกลับไปมองลู่ม่านที่ยังคงนึ่งขรึมอยู่ ก็พูดปลอบขึ้นมาว่า “ไม่คุ้มที่จะเสียอารมณ์กับบ่าวรับใช้แค่คนเดียวเลย”

“ข้าไม่ได้โมโห ”ลู่ม่านทำเสียงขึ้นจมูก “ข้าก็แค่ประหลาดใจ นายท่านที่นางพูดถึงเป็นใคร เป็นคนอย่างไร ถึงสามารถทนสาวใช้ในบ้านที่เป็นเช่นนี้ได้”

เฉินจื่ออานกลับไม่รู้สึกสนใจเลยสักนิด “เรื่องนี้ไม่เห็นจะเกี่ยวกับข้าเลย”

“จะไม่เกี่ยวได้อย่างไร ไม่แน่ว่าภายหน้าอาจเป็นเพื่อนร่วมงานกันก็ได้ ”

“เพื่อนร่วมงานเช่นนี้ ข้าอยู่ห่างเขาให้มากก็พอ”

ระหว่างที่พูดคุยกัน เถียนหวังซื่อได้พาเสี่ยวหู่มาคำนับ “เจ้านาย พวกท่านมาแล้วหรือ ตอนปีใหม่ ของขวัญกับเงินที่พวกท่านส่งมาให้พวกเราได้รับแล้ว ต้องขอบคุณเจ้านายมาก ”พูดจบ ก็กดตัวเสี่ยวหู่ลง “เร็วเข้า รีบคำนับขอบคุณเจ้านาย”

เสี่ยวหู่รีบคุกเข่าลง เด็กคนนี้ปีนี้ดูอวบอ้วนขึ้นแล้ว ท่าทางน่ารักน่าเอ็นดู ตอนนี้ได้กลายเป็นเสือน้อยสมชื่อแล้ว

“ขอบคุณเจ้านายขอรับ”เสี่ยวหู่พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเนิบ

“ไม่ต้องขอบคุณ”ลู่ม่านยิ้มและประคองตัวเขาขึ้นมา แล้วมองไปรอบๆลานบ้าน ยังคงเก็บกวาดได้สะอาดเรียบร้อยเหมือนเดิม

ในฤดูกาลนี้ ต้นผลไม้ในลานบ้านหลายต้นต่างก็ดอกออกแล้ว สวยงามมาก

“พวกเจ้าลำบากแล้ว”

“ไม่ลำบากเลย”เถียนหวังซื่อพูดขึ้น เมื่อสายตาหันไปมองเห็นหรูเฟิงที่มีใบหน้าเย็นชาเข้า ก็อดไม่ได้ที่จะหดคอลง “ควรจะเรียกแม่นางท่านนี้ว่าอะไร”

“หรูเฟิง”

ไม่รู้ว่านอนหลับไปนานแค่ไหน ลู่ม่านถูกเสียงร้องของเถียนหวังซื่อปลุกให้ตื่น พอขยับตัว ก็รู้สึกว่ากระดูกในตัวนางเหมือนจะหลุดออกมาหมดแล้ว

นั่งรถม้าโคลงเคลงมาสามสี่วัน ช่างเหนื่อยจริงๆ

ถ้าหากเปลี่ยนเป็นรถไฟฟ้าในยุคปัจจุบัน ระยะทางแค่นี้ใช้เวลาเดินทางสองชั่วโมงเท่านั้น แต่เสียดาย นางไม่มีทางได้นั่งรถไฟฟ้าอีกแล้ว

เฉินจื่ออานได้กดตัวนางเอาไว้“เจ้านอนเถอะ ข้าออกไปดูเอง”

ลู่ม่านนอนลงไปเหมือนเดิม ในใจเกิดความรู้สึกดีใจขึ้นมาเล็กน้อย แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีรถไฟฟ้า แต่นางมีเฉินจื่ออานอยู่ด้วย

และนอนต่ออีกสักพัก เสียงเอะอะโวยวายข้างนอกยิ่งอยู่ก็ยิ่งดังมากขึ้น ลู่ม่านได้แค่ลุกขึ้น เพิ่งจะก้าวออกไปข้างนอก ก็เห็นว่าในลานบ้านมีสิ่งของบางส่วนกองอยู่

“อะไรกัน”ลู่ม่านถามอย่างตกใจ

“ของขวัญ”เฉินจื่ออานพูดพลางขมวดคิ้ว “ล้วนเป็นคู่ค้าของโรงงานพวกเราส่งมาให้ บอกว่าส่งมาแสดงความยินดีที่ข้าสอบติดแล้ว”

ได้ยินดังนั้น ลู่ม่านเดินเข้าไปแกะกล่องเหล่านั้น และต้องขมวดคิ้ว “นี่เจ้ายังไม่ได้สอบหน้าพระที่นั่งเลย คนเหล่านี้ก็ส่งของขวัญมาให้แล้ว ถ้าหากถูกคนอื่นเห็นเข้าและนำไปเป็นจุดอ่อน เกรงว่าคงจะไม่ดี”

“ข้าเองก็คิดเช่นนั้น ฉะนั้นข้ากำลังคิดอยู่ว่าจะส่งของขวัญเหล่านี้กลับไปอย่างไร”

เถียนหวังซื่อที่อยู่ข้างๆได้ยินเข้า ก็รีบเอ่ยขอโทษ “นายท่าน ฮูหยิน เป็นความผิดข้าเอง เพราะก่อนหน้านี้เพื่อนๆของฮูหยินต่างก็ส่งของขวัญให้กันตลอด ข้าคิดว่าคงไม่เป็นไร...”

“ไม่เหมือนกับเมื่อก่อน ”ลู่ม่านพูด “ตอนนี้นายท่านจะเป็นขุนนางแล้ว หลังจากนี้แขกไปใครมาที่บ้านก็ต้องระวังให้มากขึ้น ถ้าไม่ระวัง อาจทำให้นายท่านมีมลทินได้ เข้าใจหรือไม่”

“ข้าน้อยเข้าใจแล้ว”เถียนหวังซื่อเป็นกังวลใจมาก

“เอาล่ะ นี่เป็นครั้งแรก ก็แล้วไปเถอะ เจ้ารีบมาช่วยดูหน่อย ของขวัญเหล่านี้ส่งมาจากใครบ้าง ไปเอาสมุดบันทึกออกมาด้วย เย็นวันนี้ต้องส่งคืนให้หมด จะได้ไม่เป็นปัญหาให้ค้างคา”

เถียนหวังซื่อพยักหน้า รีบเข้าไปช่วยดูทันที

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน