ทุกคนต่างก็ยุ่งตลอดช่วงบ่าย ในที่สุดก็แยกของขวัญออกเป็นแต่ละประเภทเรียบร้อย
หลังจากนั้น เถียนโหย่วเต๋อก็ออกมา ช่วยเฉินจื่ออานขนของขวัญทั้งหมดนี้ขึ้นรถม้า ส่งกลับไปให้ทุกบ้าน
เดิมที คนเหล่านั้นเห็นเฉินจื่ออานไปหาที่บ้าน ก็รู้สึกดีใจมาก แต่เมื่อรู้ว่าเฉินจื่ออานจะมาคืนของขวัญ ต่างก็รู้สึกไม่ค่อยพอใจ
“ก็แค่เป็นการอวยพรระหว่างเพื่อนเท่านั้น ท่านทำเช่นนี้คงไม่ดีกระมัง”
“เพราะเป็นเพื่อนกัน ของขวัญเหล่านี้จึงไม่จำเป็น ”เฉินจื่ออานพยายามข้อร้องด้วยคำพูด “พวกเราที่เป็นเพื่อนกัน หากอารมณ์ดีก็ไปดื่มเหล้า กินข้าวพร้อมหน้ากัน หรือไม่ก็เชิญไปนั่งเล่นที่บ้าน ให้ภรรยาข้าทำกับข้าวให้พวกท่านทานสักมื้อ จะไม่ยิ่งเป็นการกระชับความสัมพันธ์หรือ“
ที่เฉินจื่ออานพูดยังนับว่าเป็นคำพูดตามมารยาท เพียงแต่ไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องที่ว่าของขวัญเหล่านี้อาจจะกระทบต่อหน้าที่การงานและชื่อเสียงของเขาได้
คนที่ส่งของขวัญมา ต่างก็ฟังแล้วรู้สึกสบายใจขึ้น และต่างก็ยินดีจะรับของขวัญกลับไป
ใช้เวลาตลอดทั้งคืน จึงทยอยส่งคืนของขวัญกลับไปจนหมด
เฉินจื่ออานจึงรู้สึกเบาใจลง แม้แต่ข้าวเย็นก็ไม่กินและเข้านอนเลย
วันรุ่งขึ้น ลู่ม่านตื่นขึ้นมาแต่เช้าเพื่อทำอาหารเช้าที่มีคุณค่าให้เขา
ทอดไข่ดาว โจ๊ก ทานคู่กับหมั่นโถวแป้งข้าวโพดที่ทำขึ้นอย่างประณีต เมื่อพูดถึงหมั่นโถวแป้งข้าวโพด ในยุคปัจจุบัน เป็นอาหารที่หาได้ยากมาก
แต่หลังจากที่มาอยู่ในยุคโบราณ สิ่งเหล่านี้ก็ไม่ใช่ของดีหายากอะไรอีกต่อไป เหตุผลเพราะ แป้งข้าวโพดในยุคปัจจุบันนั้นถูกทำให้เป็นแป้งที่มีความละเอียดมาก แต่แป้งข้าวโพดในยุคโบราณกลับมีความหยาบมากกว่า
เวลากิน มันให้ความรู้สึกที่ยากจะพรรณนาได้
แต่ว่าลู่ม่านได้เอาไปบดจนละเอียดทั้งหมด จากนั้นค่อยนำมาทำเป็นหมั่นโถว
ตอนแรก เถียงหวังซื่อยังคงไม่เข้าใจ “ฮูหยิน ทำไมท่านต้องหมั่นโถว มันไม่น่ากินนะเจ้าคะ”
ลู่ม่านพูดยิ้มๆว่า “รอให้ข้าทำเสร็จแล้ว เจ้าจะรู้เอง”
สุดท้าย เถียนหวังซื่อก็ชมไม่ขาดปากว่า “ฮูหยิน ท่านช่างสุดยอดจริงๆ”
แม้แต่เสี่ยวหู่เองก็กินไปถึงสองชิ้น สุดท้ายลู่ม่านเกรงว่าเขาจะกินจนจุก จึงไม่กล้าให้เขากินอีก
เตรียมอาหารทั้งหมดเสร็จแล้วนำขึ้นโต๊ะพร้อมกับกับข้าวที่เถียนหวังซื่อทำอีกหลายอย่าง เฉินจื่ออานกัดหมั่นโถวเข้าไปคำแรก ก็รู้สึกประหลาดใจมาก
“ที่แท้แป้งข้าวโพดไม่เพียงแต่นำมาทำเป็นโวโวโถวได้เท่านั้น ยังสามารถทำเป็นหมั่นโถวที่อร่อยเช่นนี้ได้อีกด้วย”
“แน่นอนอยู่แล้ว”ลู่ม่านพูดยิ้มๆ “ถ้าหากเจ้าชอบกิน พรุ่งนี้ข้าจะทำอีก”
เฉินจื่ออานพยักหน้า “มีเจ้าอยู่ด้วย ข้าก็ไม่ต้องกังวลว่าข้าจะต้องหิวแล้ว”
หลังจากกินเสร็จแล้ว ลู่ม่านก็ช่วยเฉินจื่ออานแต่งตัวอย่างใส่ใจ ยังใช้ให้เถียนโหย่วเต๋อช่วยเขาขับรถม้า ส่งไปที่วังหลวง
หลังจากเฉินจื่ออานไปแล้ว ลู่ม่านก็พาหรูเฟิงออกไป การมาเมืองหลวงในครั้งนี้ ยังมีอีกเรื่องที่สำคัญมาก ที่ต้องไปจัดการให้เรียบร้อย นั่นก็คือไปหาหมอหวงแห่งร้านยาฉืออาน
เรื่องการใช้ถั่วเน่าในการรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจและสมองครั้งที่แล้วได้แพร่กระจายจากตำบลชางผิงมาถึงเมืองหลวงแล้ว นับว่าทำให้ชื่อเสียงของลู่ม่านเป็นที่รู้จักกันมากขึ้น ฉะนั้น คนของร้านยาฉืออาน ต่างก็รู้จักลู่ม่าน
เพราะเหตุนี้ ตอนที่ลู่ม่านไปเข้าแถวลงชื่อ ก็ถูกเชิญเข้าไปยังห้องรับรองแขกพิเศษ
นั่งรออยู่ไม่กี่นาที ลู่ม่านก็ได้พบกับหมอหวง หลังจากตรวจชีพจรแล้ว การวินิจฉัยของหมอหวงกับท่านหมอที่ตำบลชางผิงนั้นเหมือนกัน
“พิษชนิดนี้ ค่อนข้างรุนแรง ฮูหยินสามารถรอดพ้นมาได้ก็นับว่าสวรรค์คุ้มครองแล้ว เพียงแต่ ถ้าหากจะทำการฟื้นฟูร่างกายที่เคยบาดเจ็บ ค่อนข้างจะยากเสียหน่อย”
ลู่ม่านขมวดคิ้ว “ไม่มีวิธีการรักษาแล้วอย่างนั้นหรือ”
“ก็ไม่เชิง...”หมอหวงพูดขึ้น “ข้ามวิธีการรักษาอยู่ขนานหนึ่ง เพียงแต่ก่อนหน้านี้ไม่เคยให้ใครใช้มาก่อน ฉะนั้นข้าก็ไม่รู้ว่าจะสำเร็จหรือไม่ ถ้าหากแม่นางไม่รังเกียจ สามารถลองดูได้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน
เด็กไม่ตายเพราะแม่คลอดยากจะตายเพราะคนรับใช้ป้อนโจ๊กข้าวจนอิ่มตื้อ รอดได้คือดวงแข็งเว่อ...
อ่านไป งงไป ตัดสินประหาร หรืออภัยโทษ?...
หม่อมข้า? ใช้ MS Word ไม่ระวังเลย...
ตั้งแต่ต้นจนถึงตอน 337 แล้ว โดยภาพรวมพระเอกไม่ค่อยมีเสน่ห์ ไม่เฉียบแหลมเลย...
อะไรจะมีปมขนาดนั้น วุ่นวายตอกย้ำเหลือเกินเกี่ยวกับระบบศักดินา ทั้งที่มันเป็นคนละยุคสมัยกัน...
ตอน285-287 หายทำไงดี...
ตอนหายค่ะ 284แล้วกระโดดไป288เลยค่ะ...
บท 285-287 หายค่ะ 284แล้ว288เลย รบกวนด้วยค่ะ...
281-311 รบกวนด้วยค่ะ...
บทที่241-311 หายค่ะ...