ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 432

สรุปบท บทที่ 432 ขุนนางระดับสาม: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน

บทที่ 432 ขุนนางระดับสาม – ตอนที่ต้องอ่านของ ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน

ตอนนี้ของ ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน โดย ฝูเชิง ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายประวัติศาสตร์ทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 432 ขุนนางระดับสาม จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

ทุกคนต่างก็ยุ่งตลอดช่วงบ่าย ในที่สุดก็แยกของขวัญออกเป็นแต่ละประเภทเรียบร้อย

หลังจากนั้น เถียนโหย่วเต๋อก็ออกมา ช่วยเฉินจื่ออานขนของขวัญทั้งหมดนี้ขึ้นรถม้า ส่งกลับไปให้ทุกบ้าน

เดิมที คนเหล่านั้นเห็นเฉินจื่ออานไปหาที่บ้าน ก็รู้สึกดีใจมาก แต่เมื่อรู้ว่าเฉินจื่ออานจะมาคืนของขวัญ ต่างก็รู้สึกไม่ค่อยพอใจ

“ก็แค่เป็นการอวยพรระหว่างเพื่อนเท่านั้น ท่านทำเช่นนี้คงไม่ดีกระมัง”

“เพราะเป็นเพื่อนกัน ของขวัญเหล่านี้จึงไม่จำเป็น ”เฉินจื่ออานพยายามข้อร้องด้วยคำพูด “พวกเราที่เป็นเพื่อนกัน หากอารมณ์ดีก็ไปดื่มเหล้า กินข้าวพร้อมหน้ากัน หรือไม่ก็เชิญไปนั่งเล่นที่บ้าน ให้ภรรยาข้าทำกับข้าวให้พวกท่านทานสักมื้อ จะไม่ยิ่งเป็นการกระชับความสัมพันธ์หรือ“

ที่เฉินจื่ออานพูดยังนับว่าเป็นคำพูดตามมารยาท เพียงแต่ไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องที่ว่าของขวัญเหล่านี้อาจจะกระทบต่อหน้าที่การงานและชื่อเสียงของเขาได้

คนที่ส่งของขวัญมา ต่างก็ฟังแล้วรู้สึกสบายใจขึ้น และต่างก็ยินดีจะรับของขวัญกลับไป

ใช้เวลาตลอดทั้งคืน จึงทยอยส่งคืนของขวัญกลับไปจนหมด

เฉินจื่ออานจึงรู้สึกเบาใจลง แม้แต่ข้าวเย็นก็ไม่กินและเข้านอนเลย

วันรุ่งขึ้น ลู่ม่านตื่นขึ้นมาแต่เช้าเพื่อทำอาหารเช้าที่มีคุณค่าให้เขา

ทอดไข่ดาว โจ๊ก ทานคู่กับหมั่นโถวแป้งข้าวโพดที่ทำขึ้นอย่างประณีต เมื่อพูดถึงหมั่นโถวแป้งข้าวโพด ในยุคปัจจุบัน เป็นอาหารที่หาได้ยากมาก

แต่หลังจากที่มาอยู่ในยุคโบราณ สิ่งเหล่านี้ก็ไม่ใช่ของดีหายากอะไรอีกต่อไป เหตุผลเพราะ แป้งข้าวโพดในยุคปัจจุบันนั้นถูกทำให้เป็นแป้งที่มีความละเอียดมาก แต่แป้งข้าวโพดในยุคโบราณกลับมีความหยาบมากกว่า

เวลากิน มันให้ความรู้สึกที่ยากจะพรรณนาได้

แต่ว่าลู่ม่านได้เอาไปบดจนละเอียดทั้งหมด จากนั้นค่อยนำมาทำเป็นหมั่นโถว

ตอนแรก เถียงหวังซื่อยังคงไม่เข้าใจ “ฮูหยิน ทำไมท่านต้องหมั่นโถว มันไม่น่ากินนะเจ้าคะ”

ลู่ม่านพูดยิ้มๆว่า “รอให้ข้าทำเสร็จแล้ว เจ้าจะรู้เอง”

สุดท้าย เถียนหวังซื่อก็ชมไม่ขาดปากว่า “ฮูหยิน ท่านช่างสุดยอดจริงๆ”

แม้แต่เสี่ยวหู่เองก็กินไปถึงสองชิ้น สุดท้ายลู่ม่านเกรงว่าเขาจะกินจนจุก จึงไม่กล้าให้เขากินอีก

เตรียมอาหารทั้งหมดเสร็จแล้วนำขึ้นโต๊ะพร้อมกับกับข้าวที่เถียนหวังซื่อทำอีกหลายอย่าง เฉินจื่ออานกัดหมั่นโถวเข้าไปคำแรก ก็รู้สึกประหลาดใจมาก

“ที่แท้แป้งข้าวโพดไม่เพียงแต่นำมาทำเป็นโวโวโถวได้เท่านั้น ยังสามารถทำเป็นหมั่นโถวที่อร่อยเช่นนี้ได้อีกด้วย”

“แน่นอนอยู่แล้ว”ลู่ม่านพูดยิ้มๆ “ถ้าหากเจ้าชอบกิน พรุ่งนี้ข้าจะทำอีก”

เฉินจื่ออานพยักหน้า “มีเจ้าอยู่ด้วย ข้าก็ไม่ต้องกังวลว่าข้าจะต้องหิวแล้ว”

หลังจากกินเสร็จแล้ว ลู่ม่านก็ช่วยเฉินจื่ออานแต่งตัวอย่างใส่ใจ ยังใช้ให้เถียนโหย่วเต๋อช่วยเขาขับรถม้า ส่งไปที่วังหลวง

หลังจากเฉินจื่ออานไปแล้ว ลู่ม่านก็พาหรูเฟิงออกไป การมาเมืองหลวงในครั้งนี้ ยังมีอีกเรื่องที่สำคัญมาก ที่ต้องไปจัดการให้เรียบร้อย นั่นก็คือไปหาหมอหวงแห่งร้านยาฉืออาน

เรื่องการใช้ถั่วเน่าในการรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจและสมองครั้งที่แล้วได้แพร่กระจายจากตำบลชางผิงมาถึงเมืองหลวงแล้ว นับว่าทำให้ชื่อเสียงของลู่ม่านเป็นที่รู้จักกันมากขึ้น ฉะนั้น คนของร้านยาฉืออาน ต่างก็รู้จักลู่ม่าน

เพราะเหตุนี้ ตอนที่ลู่ม่านไปเข้าแถวลงชื่อ ก็ถูกเชิญเข้าไปยังห้องรับรองแขกพิเศษ

นั่งรออยู่ไม่กี่นาที ลู่ม่านก็ได้พบกับหมอหวง หลังจากตรวจชีพจรแล้ว การวินิจฉัยของหมอหวงกับท่านหมอที่ตำบลชางผิงนั้นเหมือนกัน

“พิษชนิดนี้ ค่อนข้างรุนแรง ฮูหยินสามารถรอดพ้นมาได้ก็นับว่าสวรรค์คุ้มครองแล้ว เพียงแต่ ถ้าหากจะทำการฟื้นฟูร่างกายที่เคยบาดเจ็บ ค่อนข้างจะยากเสียหน่อย”

ลู่ม่านขมวดคิ้ว “ไม่มีวิธีการรักษาแล้วอย่างนั้นหรือ”

“ก็ไม่เชิง...”หมอหวงพูดขึ้น “ข้ามวิธีการรักษาอยู่ขนานหนึ่ง เพียงแต่ก่อนหน้านี้ไม่เคยให้ใครใช้มาก่อน ฉะนั้นข้าก็ไม่รู้ว่าจะสำเร็จหรือไม่ ถ้าหากแม่นางไม่รังเกียจ สามารถลองดูได้”

รอจนกระทั่งหรูเฟิงยกถ้วยยาเข้ามาให้ ลู่ม่านจึงเตือนว่า “หวังซื่อนางเป็นคนดี เจ้าอย่าเอาแต่ใช้ดาบขู่นาง มีอะไรก็คุยกันดีๆ”

หรูเฟิงยังคงใช้คำพูดเดิม “ข้าเคยบอกแล้ว นางเรื่องมากเกินไป”

เอาเถอะ ลู่ม่านยอมแล้ว

บีบจมูกดื่มยาทั้งหมดลงไป ด้านนอกมีเสียงฝีเท้าดังขึ้น ลู่ม่านรีบให้หรูเฟิงเอาถ้วยยาออกไป และเข้าไปบ้วนปากในห้องน้ำก่อนจะเดินออกมา

เฉินจื่ออานกลับมาแล้ว และได้เปลี่ยนเป็นชุดขุนนางแล้วด้วย

เมื่อเจอหน้ากัน เฉินจื่ออานก็พูดว่า “เสี่ยวม่าน โชคดีที่เมื่อคืนเราได้เอาของขวัญทั้งหมดกลับไปคืนจนหมด วันนี้ตอนที่สอบหน้าพระที่นั่ง มีคนหนึ่งรับของขวัญไว้เหมือนกัน ถูกปลดและไล่ออกมา ไม่เพียงแต่เสียชื่อซิ่วไฉ ยังถูกจับตัวไปในฐานความผิดรับสินบนอีกด้วย”

ลู่ม่านขมวดคิ้ว “ย่อมต้องเข้มงวดเช่นนี้อยู่แล้ว เช่นนั้นภายหน้าการวางตัวยิ่งต้องระวังมากขึ้นเป็นพิเศษ”

ว่าแล้ว ลู่ม่านก็มองชุดขุนนางของเฉินจื่ออาน มองไม่ออกว่าอยู่ขั้นใด...

เฉินจื่ออานพูดยิ้มๆว่า “นี่เป็นชุดตำแหน่งซือหนง”

“หา”ลู่ม่านทำหน้าไม่อยากเชื่อ “เป็นซือหนงอีกแล้ว แล้วทำไมยังต้องเข้าสอบแข่งขันด้วยเล่า”

ยากมากที่เฉินจื่ออานจะเห็นลู่ม่านรู้สึกมึนงงไม่เข้าใจ ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างดีใจ “ตำแหน่งซือหนงครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งที่แล้ว ครั้งนี้ได้มาควบคุมซือหนงทั้งประเทศ รับตำแหน่งขุนนางระดับสาม ”

เป็นถึงขุนนางระดับสามเชียวหรือ เดิมทีลู่ม่านยังนึกว่าเฉินจื่ออานมากสุดคงได้รับตำแหน่งขุนนางระดับห้าเท่านั้น

“ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะเจ้า เสี่ยวม่าน”ทันใดนั้นเฉินจื่ออานก็โอบเอวของลู่ม่านเอาไว้ “เสี่ยวม่าน ที่จริงข้ารู้สึกว่า ถ้าหากเจ้าเป็นชาย แม้แต่ตำแหน่งระดับหนึ่ง เจ้าก็สามารถทำได้โดยไม่มีปัญหา”

น้อยมากที่เฉินจื่ออานจะพูดจาเช่นนี้ ลู่ม่านเอ่ยอย่างสงสัยว่า “เพราะอะไร”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน