บทที่ 437 ความกล้าของสือซ่วน – ตอนที่ต้องอ่านของ ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน
ตอนนี้ของ ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน โดย ฝูเชิง ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายประวัติศาสตร์ทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 437 ความกล้าของสือซ่วน จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
ในกล่องใบนั้น เป็นเครื่องประดับเรือนซึ่งทำจากไข่มุกปะการังที่ดูหรูหราแล่ะวาววับมาก
“ของสิ่งนี้ข้าได้มาโดยบังเอิญเมื่อสามปีก่อน ได้มาจากพ่อค้าทางทะเลตะวันออก เขาบอกว่า ในโลกใบนี้ ไม่มีชิ้นที่สองอย่างแน่นอน ทั่วทั้งยุคก่อนราชวงศ์ถัง นี่เป็นชิ้นแรก”
เห็นนายท่านสงพูดด้วยท่าทีอวดดี ลู่ม่านก็พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เช่นนั้นคงประเมินค่าไม่ได้แน่เลยกระมัง”
“นี่เป็นเรื่องแน่นอนอยู่แล้ว”
เฉินจื่ออานขมวดคิ้ว ไม่ได้พูดอะไร ตาแก่เฉินเป็นผู้เอ่ยปากพูดขึ้นมาก่อน
“เจ้าเอาของแบบนี้มาทำไมกัน จื่ออานไปเป็นขุนนาง คิดว่าเขาจะไปรีดไถเงินทองจากชาวบ้านหรืออย่างไร”
นายท่านสงนิ่งอึ้ง สีหน้าเขียวคล้ำสลับซีดขาว “ท่านพ่อตา นี่...”
“อย่าเรียกข้าว่าพ่อตา”ทุกครั้งที่ตาแก่เฉินเห็นคนอายุสี่สิบรุ่นราวคราวน้องชายของตนเอง เรียกตนเองว่าท่านพ่อตาทำให้รู้สึกอยากจะเป็นลมจริงๆ
นายท่านสงรีบเปลี่ยนคำพูด แล้วมองไปทางเฉินจื่ออาน “พี่สาม ท่านคิดว่าอย่างไร”ที่จริงเขาไม่ค่อยอยากจะเชื่อ ว่ายังมีคนต้านทานแรงดึงดูดของเงินทองได้
ผู้ว่าการอำเภอคนก่อนแรกเริ่มก็ดูสงวนท่าทีมากมิใช่หรือ แต่ภายหลังเล่า
เพราะสิ่งของเหล่านั้นธรรมดาเกินไป รอจนกระทั่งเจอสิ่งของที่ตนเองชอบจริงๆ เขาไม่เชื่อว่าจะมีคนสามารถสงวนท่าทีต่อไปได้
“ท่านพ่อพูดถูก ข้าไปเป็นขุนนาง ไม่เหมาะสมที่จะรับสิ่งของที่สูงค่าเช่นนี้ ท่านเอากลับไปเถอะ”เฉินจื่ออานพูด
ครั้งนี้นายท่านสงนิ่งอึ้งไปจริงๆ มีคนสามารถต่อต้านแรงดึงดูดของสิ่งล้ำค่าขนาดนี้ได้จริงหรือ
ขณะกำลังคิด เฉินจื่ออานได้วางตะเกียบลงแล้ว “ท่านพ่อ ข้ากินอิ่มแล้ว ถ้าหากท่านกับพี่ใหญ่กินอิ่มแล้ว พวกเรามาคุยกันสักหน่อยเถอะ”
ตาแก่เฉินโมโหจนอิ่มตั้งนานแล้ว ตอนนี้สามารถลุกจากโต๊ะกินข้าวไม่ต้องมองหน้านายท่านสงอีก เขารู้สึกสบายใจเป็นอย่างยิ่ง เฉินจื่อฉายเห็นดังนั้น ก็รีบพยักหน้ารับทันที
ทั้งสามคนจึงเดินเข้าไปอย่างไม่สนใจอะไรอีก เหลือไว้เพียงสมาชิกในครอบครัวที่เป็นผู้หญิงและนายท่านสงคนเดียวเท่านั้น
ลู่ม่านรู้สึกประหลาดใจมาก จึงวางตะเกียบลงด้วย “ข้ากินอิ่มแล้ว”
สุดท้าย บนโต๊ะอาหารก็เหลือแค่เฉินหลิ่วเอ๋อกับนายท่านสงสองคนเท่านั้น ทั้งสองต่างก็มองหน้ากันไปมา นายท่านสงทำท่าทีเกรี้ยวกราดขึ้นมาทันที
ตะคอกเสียงเบาๆว่า “แต่งกับเจ้าได้ประโยชน์อะไร เมื่อครู่ก็ไม่ช่วยข้าพูดอะไรเลย เสียแรงที่เมื่อก่อนเจ้าคุยอวดไว้นักหนาว่าเจ้านั้นมีสิทธิ์มีเสียงในบ้านขนาดไหน ข้าไม่น่าหลงเชื่อเจ้าเลย”
เฉินหลิ่วเอ๋อไม่พูดจาก้มหน้ากินข้าวเงียบๆ ราวกับไม่ได้ยินสิ่งที่นายท่านสงพูดเลยแม้แต่น้อย
ตอนนี้นางมองชัดเจนแล้ว ก่อนหน้านี้นางทำงานเป็นวัวเป็นม้าอยู่ที่บ้านตระกูลสง แต่เพราะว่าบ้านมารดาของนางเองไม่แข็งแกร่ง จึงถูกรังแก แต่ตอนนี้ บ้านมารดาของนางแข็งแกร่งขึ้นแล้ว แม้นางจะเห็นพวกเขาเป็นแค่อากาศธาตุ มากสุดพวกเขาก็แค่พูดถึงนางลับหลังเท่านั้น ไม่กล้าทำอะไรนางอีก
เป็นดังคาด หลังจากที่นายท่านสงพูดจบแล้ว ก็ลุกขึ้นเดินออกไปอย่างโมโห
เฉินหลิ่วเอ๋อยังคงกินข้าวเงียบๆต่อไป ก่อนจะวางตะเกียบลง
ที่ห้องด้านข้าง พวกเฉินจื่ออานได้ประคองตาแก่เฉินให้นั่งลงก่อน ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “ท่านพ่อ คืออย่างนี้ สือซ่วนบอกว่า อยากจะตามข้าไปเมืองหลวง เรื่องนี้ท่านรู้หรือไม่”
ตาแก่เฉินนิ่งอึ้ง “ตั้งแต่เมื่อไหร่”
เฉินจื่อฉายก็นิ่งไปเหมือนกัน “ทำไมกัน เด็กคนนี้...”เฉินจื่อฉายว่าแล้วก็ลุกขึ้นเดินไปหาเฉินสือซ่วน เฉินจื่ออานรีบห้ามเขาเอาไว้ “พี่ใหญ่ ท่านอย่าเพิ่งรีบร้อน”
“ฟังจื่ออานพูดก่อนว่าเกิดอะไรขึ้นค่อยว่ากันอีกที”ตาแก่เฉินพูดขึ้น
ในที่สุดเฉินจื่อฉายก็สงบลงได้ สองพ่อลูกมองไปทางเฉินจื่ออาน เฉินจื่ออานกำลังจะพูดออกมา แต่ทันใดนั้นก็พูดไม่ออก เด็กอยากจะไปหาแม่มากขนาดนั้น เฉินจื่ออานยังจะพูดอีกหรือ
“สือซ่วน ”เฉินจื่อฉายกัดฟัน “อย่าเอ่ยถึงนางอีก”
“ไม่”ปกติแล้วเฉินสือซ่วนเป็นคนที่เชื่อฟังมาก แต่แท้จริงแล้วเขานั้นแน่วแน่ต่อสิ่งที่เขาได้ตัดสินใจแล้วเป็นอย่างยิ่ง
“เจ้า...”เฉินจื่อฉายเหมือนถูกกระตุ้นให้โมโห อารมณ์ที่ยากจะสะกดไว้ได้เริ่มปะทุขึ้นอีกครั้ง ลงมือกับเฉินสือซ่วนทันที “เจ้าลูกคนนี้ ไม่เชื่อฟังกันบ้างเลย ข้าจะตีเจ้าให้ตาย”
“พี่ใหญ่ ”ทันใดนั้นลู่ม่านก็ร้องเรียกขึ้น รีบดึงตัวสือซ่วนให้ไปอยู่ทางด้านหลังของตนเอง เฉินจื่ออานเกรงว่าลู่ม่านจะถูกลูกหลงไปด้วย ก็รีบลุกขึ้น ไปยืนอยู่ตรงหน้าลู่ม่านอีกที จับมือของเฉินจื่อฉายที่ไม่ทันได้จะหยุดลงได้
“พี่ใหญ่ อย่าตีเด็ก มีเรื่องอะไร คุยกันดีๆก็ได้”
เฉินจื่อฉายโมโหมาก ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น “จื่ออาน เจ้าอย่ามาขวางข้า วันนี้ ข้าต้องสั่งสอนเจ้าลูกคนนี้ให้ได้”
“พี่ใหญ่ ”ลู่ม่านร้องขึ้น “ทำไมท่านจึงไม่ให้สือซ่วนพูดจบก่อนเล่า แม้สือซ่วนจะเป็นเด็ก แต่เขาก็มีความคิดที่เป็นอิสระของตนเอง ทำไม ท่านจึงไม่เคารพความคิดของเขาเล่า”
เคารพ
ประโยคนี้ เฉินจื่อฉายกับเฉินสือซ่วนได้ยินเป็นครั้งแรก อีกทั้งยังเป็นการขอร้องให้พ่อคนหนึ่ง เคารพในการตัดสินใจของลูก
“แม้ว่าเด็ก จะเป็นลูกของท่านเองก็ตาม แม้ว่าท่านจะมอบชีวิตให้กับลูกคนนี้แล้ว เขาก็เป็นคนอย่างอิสระโดยสมบูรณ์ ไม่มีใครสามารถชักนำชีวิตเขาได้ ”
เฉินสือซ่วนมองลู่ม่านด้วยสายตาเป็นประกาย รู้สึกนับถือและเคารพ น้าสามคนนี้มาก
“ท่านน้าสาม ขอบคุณท่านมาก ข้าอยากจะคุยกับพ่อข้าให้เข้าใจ”
เพราะคำพูดนี้ เฉินจื่อฉายยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นอย่างใจลอย เมื่อได้ยินเสียงของเฉินสือซ่วนที่เดินเข้ามาตรงหน้าเขาเหมือนชายหนุ่มคนหนึ่ง ในใจเขาก็เกิดความรู้สึกตกตะลึงขึ้นมาแวบหนึ่ง
“ได้ พวกเราออกไปคุยกันข้างนอก”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน
เป็นพอ.ที่กลับกรอก เป็นที่พึ่งไม่ได้เลย ยอกจะออกจากครอบครัวเลวๆนี่ไม่จริงอีก ภาระของนางเอก ถ่วงแข้งถ่วงขาจริงๆ...
เด็กไม่ตายเพราะแม่คลอดยากจะตายเพราะคนรับใช้ป้อนโจ๊กข้าวจนอิ่มตื้อ รอดได้คือดวงแข็งเว่อ...
อ่านไป งงไป ตัดสินประหาร หรืออภัยโทษ?...
หม่อมข้า? ใช้ MS Word ไม่ระวังเลย...
ตั้งแต่ต้นจนถึงตอน 337 แล้ว โดยภาพรวมพระเอกไม่ค่อยมีเสน่ห์ ไม่เฉียบแหลมเลย...
อะไรจะมีปมขนาดนั้น วุ่นวายตอกย้ำเหลือเกินเกี่ยวกับระบบศักดินา ทั้งที่มันเป็นคนละยุคสมัยกัน...
ตอน285-287 หายทำไงดี...
ตอนหายค่ะ 284แล้วกระโดดไป288เลยค่ะ...
บท 285-287 หายค่ะ 284แล้ว288เลย รบกวนด้วยค่ะ...
281-311 รบกวนด้วยค่ะ...