ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 439

สรุปบท บทที่ 439 พุ่งทะยานขึ้น: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน

สรุปตอน บทที่ 439 พุ่งทะยานขึ้น – จากเรื่อง ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน โดย ฝูเชิง

ตอน บทที่ 439 พุ่งทะยานขึ้น ของนิยายประวัติศาสตร์เรื่องดัง ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน โดยนักเขียน ฝูเชิง เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

“ข้าไม่เห็นด้วยหากจะเปิดร้านหม้อไฟ”เฉินจื่อฉายพูดขึ้นมาก่อน

“ท่านพ่อ”เฉินสือซ่วนถอนหายใจออกมา“ข้ารู้ ว่าพวกเราเคยล้มเหลว แต่ว่า เป็นเพราะว่าเคยล้มเหลว จึงยิ่งมีประสบการณ์”

เฉินจื่อฉายไม่เข้าใจว่าทำไมเฉินสือซ่วนจึงพูดเช่นนี้ จากมุมมองของเขา สิ่งเคยทำล้มเหลวแล้ว เขาไม่มีทางจะเก็บกลับมาทำอีก

เฉินจื่ออานกลับพยักหน้าเห็นด้วย “พี่ใหญ่ ข้าคิดว่าสือซ่วนพูดถูก”

“ข้าก็เห็นด้วย”ลู่ม่านพูดยิ้มๆ “การทำการค้าเดิมทีก็เป็นเช่นนี้ ความล้มเหลวเป็นบ่อเกิดของความสำเร็จ ข้าคิดว่า ครั้งนี้ท่านต้องสำเร็จอย่างแน่นอน”

“จริงหรือ”เฉินจื่อฉายเห็นพวกเขาพูดเช่นนี้ ตนเองก็เริ่มรู้สึกลังเลใจขึ้นมา

“จริง”ในที่สุดเฉินสือซ่วนก็พูดอย่างมั่นใจ“พรุ่งนี้ข้าจะไปดูร้านเป็นเพื่อนท่านเอง ”

เฉินจื่อฉายจึงพยักหน้ารับ “ถ้าเช่นนั้น... พ่อจะเชื่อเจ้า”

“พอดีเลย พรุ่งนี้ข้าก็ไม่ได้มีงานสำคัญอะไร ข้าจะไปช่วยพวกเจ้าดูด้วย”ลู่ม่านพูด ไม่คุ้นเคยกับคนและพื้นที่ในเมืองหลวง พวกเราเป็นญาติกัน ย่อมช่วยเหลือกันได้

“เช่นนั้นก็ต้องขอบคุณน้องสะใภ้สามมาก”พูดจบแล้ว เถียนหวังซื่อก็เข้ามาพอดี บอกว่าเตรียมห้องให้เรียบร้อยแล้ว

เฉินจื่อฉายจึงพาเฉินสือซ่วนออกไป

เมื่อพวกเขาไปกันแล้ว เฉินจื่ออานจึงพูดขึ้นมาว่า “พรุ่งนี้เจ้าพกเงินไปมากหน่อย การเช่าร้านในเมืองหลวงเกรงว่าจะใช้เงินไม่น้อยทีเดียว”

“อืม ข้ารู้แล้ว”ลู่ม่านพูด “ว่าแต่เจ้าเถอะ พรุ่งนี้เข้ารับตำแหน่งเป็นวันแรก เจ้าดูแลงานของตนเองให้ดีก็พอแล้ว”

เฉินจื่ออานยื่นมือไปคว้าตัวลู่ม่านมากอดเอาไว้ในอ้อมอก “ไม่ว่าอย่างไร ขอเพียงคิดว่าเจ้ารอข้าอยู่ที่บ้าน ข้าย่อมต้องทำงานออกมาได้ดีแน่นอน ”

“ปากหวานเชียว”ลู่ม่านพูดยิ้มๆ

วันรุ่งขึ้น เฉินจื่ออานไปทำงานตั้งแต่เช้าตรู่ เถียนหวังซื่อทำอาหารเช้าไว้มากมาย ทุกคนกินอย่างพร้อมหน้ากัน จากนั้นลู่ม่านก็พาหรูเฟิงกับเฉินจื่อฉาย และเฉินสือซ่วนไปยังร้านนายหน้าพร้อมกันทั้งสี่คน

ร้านนายหน้าที่ขายบ้านให้ครั้งที่แล้วลู่ม่านรู้สึกว่าไม่เลวเลย ฉะนั้นจึงจะไปที่นั่นอีกครั้ง

นายหน้าคนนั้นยังจำลู่ม่านได้ “ที่แท้ก็เป็นฮูหยินนี่เอง มาครั้งนี้ไม่ทราบว่าจะมาซื้อบ้านอีกใช่หรือไม่”

“ไม่ใช่”ลู่ม่านพูดยิ้มๆ “เพียงแต่พี่ใหญ่ของข้าต้องการจะเปิดร้านค้าในเมืองหลวง ฉะนั้นจึงมาดูหน้าร้านเสียหน่อย”

“เป็นอย่างนี้นี่เอง...”นายหน้าคนนั้นยิ้มจนตาหยี “มีที่ที่เหมาะสมมากอยู่พอดี ถ้าหากท่านมาเร็วหรือช้ากว่านี้คงไม่ทันการณ์ นี่เป็นสถานที่ที่ดีมากๆเชียวล่ะ”

ว่าแล้ว นายหน้าคนนั้นจึงแจ้งตำแหน่งสถานที่ให้ฟัง“อยู่ตรงจุดศูนย์กลางที่คึกคักที่สุดในตัวเมืองย่านนั้น เมื่อก่อนเป็นร้านทอง วันนี้เพิ่งจะประกาศขาย ถ้าหากพวกท่านซื้อเอาไว้ นั่นคือสถานที่ที่ดีมากๆเลย ”

“พวกข้าไม่ซื้อ”เฉินจื่อฉายพูดไม่เต็มเสียง “พวกข้าอยากจะเช่าดูก่อน”

“ไม่ซื้อหรือ”นายหน้าทำหน้าเสียดาย “นั่นเป็นสถานที่ที่เรียกได้ว่าสามารถพบเจอได้แต่ไม่สามารถซื้อหาได้เชียวนะ ถ้าหากไม่ซื้อ ก็น่าเสียดายจริงๆ ”

“ไปดูกันก่อนเถอะ”ลู่ม่านตัดบทสนทนาของทั้งสองคน “ถ้าหากไม่เลวจริงๆ ค่อยว่ากันอีกที”

เมื่อได้ยินลู่ม่านพูดเช่นนี้ นายหน้าคนนั้นก็กระตือรือร้นขึ้นมาทันที หลังจากเคยทำการค้ากับลู่ม่านครั้งที่แล้ว รู้ว่าลู่ม่านนั้นเป็นคนมีเงินคนหนึ่ง

“ก็ได้ พวกเราไปดูเดี๋ยวนี้เลย”นายหน้าพูดจบ ก็เอากุญแจและพาพวกลู่ม่านออกไป

“ที่นี่คือเมืองหลวงนะ”นายหน้าพูดขึ้น“เมืองหลวงย่อมเทียบกับอำเภอที่พวกเจ้าอยู่ไม่ได้ ที่นี่ทุกตารางนิ้วเป็นเงินเป็นทอง แม้จะเป็นเช่นนี้ แต่ถ้าหากอาหารของร้านรสชาติดี เช่นนั้นย่อมต้องได้รับความนิยมแน่นอน เทียบกับตำบลชางผิงแล้ว เงินที่หาได้ ย่อมเทียบกันไม่ได้แน่นอน ”

“คือ...”เฉินจื่อฉายเริ่มรู้สึกลังเลขึ้นมา

เฉินสือซ่วนเป็นคนตัดสินใจ “เช่าเถอะ”

การแสดงออกของเฉินสือซ่วนในหลายวันที่ผ่านมานี้ทำให้ลู่ม่านต้องมองอย่างรู้สึกทึ่งมาก เมื่อที่บ้านมีพ่อที่อ่อนแอมาก จึงทำให้ลูกชายต้องเป็นผู้ใหญ่ก่อนวัย

“ข้าว่าทางที่ดีทุกท่านควรจะซื้อเอาไว้เลยดีกว่า”นายหน้าพูดขึ้นอีกครั้ง “เช่าร้านเดือนหนึ่งก็ต้องจ่ายสิบพวงเงิน ถ้าหากท่านซื้อเลย ทั้งหมดต้องจ่ายสองร้อยพวงเงิน ดูแล้วแพงมาก แต่พวกท่านต้องรู้ว่า ราคาของบ้านในเมืองหลวงนั้นขึ้นเร็วมาก หลังจากซื้อไว้แล้ว ก็เป็นของพวกท่านเอง ”

“สองร้อยพวงเงิน”ครั้งนี้เฉินจื่อฉายไม่เพียงแต่อ้าปากค้าง แม้แต่ดวงตาก็แทบจะถลนออกมาแล้ว

เฉินสือซ่วนตกใจสะดุ้งโหยง แม้เขาจะเป็นเด็กที่ค่อนข้างมีท่าทีนิ่งๆคนหนึ่ง แต่ราคาสูงลิ่วขนาดนี้ เขาก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน

นายหน้าหันไปมองลู่ม่านทันที “แม่นาง ท่านว่าอย่างไร อย่างบ้านท่านที่ซื้อเมื่อปีที่แล้ว ตอนนั้นขายในราคาสามสิบพวงเงิน เมื่อปีที่แล้วยุคก่อนราชวงศ์ถังของเราทำสงครามชนะ ตอนนี้ฮ่องเต้สนับสนุนให้มีการทำการค้ากับภายนอก บ้านเรือนในเมืองหลวงราคาพุ่งทะยานขึ้น ตอนนี้บ้านหลังนั้นของท่าน หากไม่มีเงินแปดสิบพวง ท่านแทบจะไปดูไม่ได้เลย”

“เช่นนั้นพวกเราก็ซื้อไม่ไหว”เฉินจื่อฉายโบกมือไปมา “เช่าดีกว่า”

“จะเช่าก็ได้ แต่ว่า...”นายหน้าคนนั้นพูด “สถานที่นี้พวกท่านจะอยู่ยาวคงไม่ได้ ถ้าหากมีคนที่มีเงินมีอำนาจถูกใจเข้า เกรงว่าพวกท่านอาจจะต้องย้ายออกไปทันที”

เฉินจื่อฉายกับเฉินสือซ่วนมองหน้ากันแวบหนึ่ง เฉินจื่อฉายจึงพูดกับลู่ม่านว่า “ช่างเถอะ พวกเราไปดูที่อื่นกันดีกว่า”

ลู่ม่าหลับส่ายหน้า “ซื้อเอาไว้ดีกว่า”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน