อ่านสรุป บทที่ 442 โมโห จาก ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน โดย ฝูเชิง
บทที่ บทที่ 442 โมโห คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายประวัติศาสตร์ ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย ฝูเชิง อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
ข้างนอกเริ่มโห่ร้องกันแล้ว ทุกคนต่างพากันตะโกนออกมา “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว รีบเปิดประตูให้เราเข้าไปเถอะ!”
เฉินจื่อฉายหน้าแดงจนถึงคอ เขาอยากให้ทุกคนเข้ามามาก แต่พิธียังไม่จบ การเปิดร้านเพื่อทำการค้าขาย พิธีเปิดร้านนั้นก็สำคัญมากเช่นกัน
เฉินจื่อฉายเกาท้ายทอยไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร เฉินสือซ่วนจึงต้องรับช่วงต่อรีบพูดออกมา
“ทุกท่านพูดถูก เราเปิดร้านก็เพื่อให้ทุกคนได้กินของดี ขอแค่ทุกท่านได้ทานอาหารอย่างมีความสุข พิธีเปิดอะไรพวกนี้ที่จริงก็ไม่สำคัญขนาดนั้น แต่ขอข้าได้พูดอะไรสักนิด หวังว่าทุกท่านจะช่วยฟังก่อน”
ทุกคนพากันนิ่งเงียบ เฉินสือซ่วนจึงเอ่ยพูด “วันนี้แขกทุกท่านที่เข้าร้าน แค่ใช้จ่ายเกินหนึ่งร้อยเหวินขึ้นไปจะได้รับส่วนลดร้อยละยี่สิบ กิจกรรมนี้มีแค่วันนี้เท่านั้น ท่านใดที่อยากเข้ามาลิ้มลองรสชาติอาหารรีบตัดสินใจด่วน!”
หลังจากที่เขาพูดจบ เขาก็ดึงเฉินจื่อฉายมายืนด้านข้าง แล้วขยิบตาให้คนงานที่อยู่ด้านข้าง
คนงานอีกคนทำการจุดประทัด ก่อนจะมีเสียงประทัดดังเปรี้ยงปร้าง จากนั้นฝูงชนก็รีบเข้าไปในร้านทันที
เฉินจื่อฉายรีบดึง เฉินสือซ่วนไว้ “ยังไม่ได้บูชาเทพเจ้าเลย ...”
เฉินสือซ่วนพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ท่านพ่อ ไม่เป็นไรหรอก ร้านของเราจะค้าขายดีหรือไม่ เทพเจ้าไม่ได้เป็นผู้ตัดสิน อยู่ที่ว่าเราใส่ใจดูแลร้านหรือไม่ต่างหาก”
เฉินสือซ่วนได้รับอิทธิพลมาจากลู่ม่าน ทำให้ตอนนี้เขาก็ไม่ค่อยเชื่อเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ผีสางเทวดาอีกเลย
พอเฉินจื่ออานได้ยินเช่นนี้ เขาก็หันกลับมายิ้มให้ลู่ม่าน “เจ้าทำเขาเสียนิสัยไปแล้ว” ถึงจะฟังเหมือนกำลังตำหนิ แต่ความจริงแล้ว คำพูดของเฉินจื่ออานเต็มไปด้วยความรักใคร่เอ็นดูทั้งนั้น
ลู่ม่านพยักหน้าพนักหร้าอย่างภาคภูมิใจ “แน่นอน ข้าคิดว่าสือซ่วนเป็นเด็กที่ฉลาดมาก”
ก่อนหน้านี้ลู่ม่านให้คนเตรียมน้ำซุปหมาล่าไว้พร้อมแล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้วุ่นวาย ในวันเปิดร้านที่มีคนเข้ามาเยอะมากแล้วเตรียมไม่ทัน
วัตถุดิบทุกประเภทจะถูกล้างจนสะอาดเตรียมไว้แล้วเช่นกัน ขอแค่ลูกค้าสั่งก็สามารถยกออกไปเสิร์ฟได้ทันที
ถึงแม้คนจะเยอะ แต่ด้วยการจัดเตรียมเช่นนี้ ถือได้ว่าเป็นระเบียบมาก ลู่ม่านกับเฉินจื่ออานจึงไม่จำเป็นต้องกังวลเลย พวกเขาจึงหาห้องส่วนตัวนั่งดูสถานการณ์ในร้านแทน
ในขณะที่ดู เฉินสือซ่วนก็เดินเข้ามาจากด้านนอก
“น้าสาม หว่านถิงจวิ้นจู่มาถึงแล้ว!”
ลู่ม่านตกตะลึง ก่อนจะเห็นหลี่หว่านถิงเดินตามหลังเฉินสือซ่วนเข้ามา สีหน้าของนางดูไม่พอใจเล็กน้อย “พี่ลู่พี่ไม่เห็นข้าเป็นเพื่อนเลยใช่หรือไม่? มาถึงเมืองหลวงตั้งนานแล้ว แต่กลับไม่ติดต่อข้าเลย อีกทั้งยังเปิดร้านอาหารโดยไม่บอกกันสักคำ”
“หว่านถิงจวิ้นจู่!” ลู่ม่านกับเฉินจื่ออานรีบลุกขึ้นยืนและคำนับอีกฝ่าย หลี่หว่านถิงเห็นอย่างนี้ก็ยิ่งไม่พอใจ “ใครบอกให้พวกเจ้าทำความเคารพข้า ถ้าทำเช่นนี้อีกข้าจะโกรธจริงๆ แล้วนะ!”
ลู่ม่านเห็นเช่นนั้นจึงรีบเดินไปจับมือนางไว้ “อย่านะ ข้าไม่ได้เปิดร้านอาหารนี้เอง ข้าแค่มาช่วยคนอื่นเปิดร้าน ข้าจะบอกเจ้าได้อย่างไร”
“จริงหรือ?” ท่าทางของหลี่หว่านถิงจึงเปลี่ยนไปเล็กน้อย
“จริงสิ! นี่ไง ข้าเพิ่งช่วยงานเสร็จ พรุ่งนี้ว่าจะไปหาเจ้าพอดี!”
“เช่นนี้ก็แล้วไป!” หลี่หว่านถิงยังมีนิสัยเด็ก พอได้รับคำอธิบาย ก็อารมณ์ดีขึ้น ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ นางพูดกับเฉินสือซ่วนที่อยู่ข้างหลังนาง
“ข้าได้กลิ่นหอมทันทีที่เข้ามาแล้ว รีบทำให้ข้าหนึ่งชุด เหตุใดถึงหอมเช่นนี้”
ลู่ม่านหลุดหัวเราะออกมา ดูท่า เมื่อตะกี้นางคงแค่แกล้งทำเป็นโกรธ คงใช้ความพยายามทั้งหมดของนางไปแล้วสินะ? ลำบากนางแล้วจริงๆ
“สือซ่วน เร็วเข้า ไปเตรียมวัตถุดิบตามเมนูของเรา มาอย่างละชุด เอาแบบหม้อยวนยางนะ!”
เฉินสือซ่วนรีบพยักหน้ารับ แต่หลี่หว่านถิงรีบเรียกเขาไว้ก่อน “หม้อยวนยางเหมาะกับพวกพี่ลู่ม่านสองคนมากกว่า ส่วนข้า จะกินหม้อยวนยางได้อย่างไร”
ในที่สุดลู่ม่านก็หัวเราะออกมา “มันไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิด หม้อยวนยางหมายความว่ามีน้ำซุปสองอย่างในหม้อ และตัวหม้อก็เป็นรูปร่างครึ่งวงกลมสองด้านมารวมกันเพื่อแสดงให้เห็นถึงความสมบูรณ์ลงตัว”
เพราะการมาของจวงลี่จ้ง หลี่หว่านถิงกลายเป็นหญิงสาวสุภาพเรียบร้อยทันที นางหยิบตะเกียบกลางขึ้นมาคีบอาหารใส่จาน
“ท่านพี่จวง กินสิ่งนี้สิ อร่อยมากเลยนะเจ้าคะ”
ลู่ม่านเหลือบมองไปที่จานแล้วเห็นว่าล้วนแต่เป็นของในฝั่งน้ำซุปสีขาว หลี่หว่านถิงช่างเป็นคนที่ละเอียดอ่อนมาก นางรู้ว่าจวงลี่จ้งกินอาหารรสเผ็ดไม่ได้
แต่ใครจะคิดว่า จวงลี่จ้งเอ่ยพูดโดยไม่เงยหน้าขึ้นมอง “ข้าอยากลองชิมรสชาติของฝั่งน้ำซุปสีแดง!”
ลู่ม่าน “... “คนคนนี้สมควรที่จะอยู่คนเดียวไปตลอดชีวิตจริงๆ หญิงสาวที่เอาอกเอาใจเก่งเช่นนี้ แต่ดูสิว่าเขาทำเช่นไรต่ออีกฝ่าย?
พอคิดถึงเรื่องนี้ ลู่ม่านก็เหลือบมองไปทางเฉินจื่ออานที่อยู่ข้างๆ “จื่ออาน ข้าจำได้ว่ายังมีธุระอื่นที่ต้องทำไป เจ้าไปช่วยข้าด้วย”
“ได้!” เฉินจื่ออานรีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ทั้งสองจะออกไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากออกมาข้างนอก เฉินจื่ออานก็พูดขึ้น “เสี่ยวม่าน เจ้าบอกมาเถอะว่าต้องทำอะไร เดี๋ยวข้าไปทำ!” ลู่ม่านกลอกตาใส่เขา “ตาซื่อบื้อ ข้ากำลังสร้างสถานการณ์ให้พวกเขาต่างหาก!”
เฉินจื่ออานชะงักงันไปเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มอย่างจนใจออกมา “เจ้านี่นะ”
ในขณะที่กำลังพูดอยู่ คนรับใช้ที่อยู่นอกประตูก็วิ่งเข้ามาแล้วบอกกับเฉินจื่ออาน “ท่านซือหนง มีเรื่องเกิดขึ้นที่ซือหนงซื่อ จำเป็นต้องให้ท่านไปจัดการขอรับ”
“ข้าจะไปเดี๋ยวนี้” เฉินจื่ออานพูด แล้วหันไปมองทางลู่ม่านที่กำลังโบกมือ “เจ้าไปจัดการเถอะ! เดี๋ยวข้าจะกลับเอง ข้ามีหรูเฟิงอยู่ด้วยทั้งคน!”
เฉินจื่ออานได้ยินเช่นนี้ถึงได้พยักหน้าและเดินจากไป หลังจากที่เฉินจื่ออานออกไปแล้ว ลู่ม่านก็ลงไปที่ชั้นล่างและเดินดูความเรียบร้อยไปรอบๆ
พอคิดว่าพวกจวงลี่จ้งคุยกันได้พอประมาณแล้ว ลู่ม่านก็เตรียมจะกลับเข้าไปในห้องอาหาร ทันทีที่เปิดประตูเข้าไป นางก็เห็นจวงลี่จ้งนั่งอยู่ข้างในเพียงคนเดียว ลู่ม่านเลิกคิ้วอย่างสงสัย และในขณะที่กำลังจะเอ่ยถาม จวงลี่จ้งก็ลุกขึ้นยืนแล้วยื่นมือเข้ามา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน
เป็นพอ.ที่กลับกรอก เป็นที่พึ่งไม่ได้เลย ยอกจะออกจากครอบครัวเลวๆนี่ไม่จริงอีก ภาระของนางเอก ถ่วงแข้งถ่วงขาจริงๆ...
เด็กไม่ตายเพราะแม่คลอดยากจะตายเพราะคนรับใช้ป้อนโจ๊กข้าวจนอิ่มตื้อ รอดได้คือดวงแข็งเว่อ...
อ่านไป งงไป ตัดสินประหาร หรืออภัยโทษ?...
หม่อมข้า? ใช้ MS Word ไม่ระวังเลย...
ตั้งแต่ต้นจนถึงตอน 337 แล้ว โดยภาพรวมพระเอกไม่ค่อยมีเสน่ห์ ไม่เฉียบแหลมเลย...
อะไรจะมีปมขนาดนั้น วุ่นวายตอกย้ำเหลือเกินเกี่ยวกับระบบศักดินา ทั้งที่มันเป็นคนละยุคสมัยกัน...
ตอน285-287 หายทำไงดี...
ตอนหายค่ะ 284แล้วกระโดดไป288เลยค่ะ...
บท 285-287 หายค่ะ 284แล้ว288เลย รบกวนด้วยค่ะ...
281-311 รบกวนด้วยค่ะ...