ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 453

สรุปบท บทที่ 453 มาเล่มเกมกัน: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน

สรุปตอน บทที่ 453 มาเล่มเกมกัน – จากเรื่อง ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน โดย ฝูเชิง

ตอน บทที่ 453 มาเล่มเกมกัน ของนิยายประวัติศาสตร์เรื่องดัง ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน โดยนักเขียน ฝูเชิง เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

การคุกเข่าอย่างกะทันหันของจ้าวซื่อ ทำให้ลู่ม่านตกตะลึงไปเล็กน้อย แต่ว่า ไม่นาน นางก็หันกลับมาด้วยรอยยิ้ม

“เจ้าเป็นคนในครอบครัวของพี่ใหญ่กับสือซ่วน การที่ข้าจะยกโทษให้หรือไม่ มันสำคัญด้วยหรือ?”

นางไม่ชอบจ้าวซื่อ แต่ถ้าเฉินจื่อฉายกับเฉินสือซ่วนเต็มใจที่จะยอมรับนาง นางก็ไม่เป็นไร เพราะอย่างไร นางก็ไม่ได้ใช้ชีวิตร่วมกับพวกเขาอยู่เเล้ว

“ต้องสำคัญแน่นอน!” จ้าวซื่อพูด “ข้ารู้ว่าสมัยก่อนข้าทำผิดกับเจ้าไปมาก ข้าขอโทษ!”

ลู่ม่านส่ายหน้า “เจ้าได้รับบทลงโทษจากสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนั้นแล้ว สำหรับข้า จะขอโทษหรือไม่ก็ไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว”

“น้องสะใภ้สาม…” จ้าวซื่อชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะพูดด้วยท่าทางมั่นใจ “ข้ารู้ว่าตอนนี้เจ้าคงไม่ยกโทษให้ข้า แต่น้องสะใภ้สาม ข้าจะแสดงความจริงใจให้เจ้าได้เห็น!”

ลู่ม่านไม่พูดอะไรอีก จากนั้นก็หันไปหาหรูอวี่ที่อยู่ข้างหลังแล้วพูดว่า “บอกให้ทางห้องครัวจัดอาหารได้แล้ว!”

ก่อนจะหันไปพูดกับเฉินจื่อฉาย “พี่ใหญ่กับสือซ่วนอุตส่าห์มาที่นี่ทั้งที กินข้าวที่บ้านแล้วค่อยกลับเถอะ!”

เฉินจื่อฉายกระดากอาย เขาบอกว่าเขาจะไม่ยกโทษให้จ้าวซื่อ แต่ตอนนี้ที่จ้าวซื่อพูด แสดงว่าเขาใจอ่อนแล้ว ตอนนี้จึงไม่มีหน้าจะมองเฉินจื่ออานกับลู่ม่าน

“ไม่ล่ะ เรากลับก่อนดีกว่า”

เฉินสือซ่วนยังพูดอีกว่า “น้าสาม ข้าจะกลับมาเล่าให้ฟังทีหลัง”

ลู่ม่านไม่พูดอะไร และออกไปส่งทั้งสามคนที่หน้าบ้าน

ทันทีที่พวกเขาจากไป เฉินจื่ออานก็เดินมาจูงมือลู่ม่านไว้ “เจ้าเคยเห็นสือซ่วนยิ้มมีความสุขเช่นนี้ครั้งล่าสุดเมื่อไหร่ ข้าไม่ได้เห็นเด็กคนนั้นมีความสุขเช่นนี้มานานแล้ว!”

ลู่ม่านจะไม่เห็นได้อย่างไร? ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นว่าเฉินสือซ่วนมีความสุขมาก นางคงไม่พูดอะไรกับจ้าวซื่อมากเช่นนี้

“ข้าหวังว่าครั้งนี้จ้าวซื่อจะสำนึกผิดได้ ที่เหลือก็ไม่เกี่ยวกับข้าแล้ว”

เฉินจื่ออานพยักหน้า ก่อนจะพูดขึ้นมา “พี่จ้าวกลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่”

ลู่ม่านอดที่จะกลอกตาใส่ไม่ได้ “ตอนนี้แม่ทัพจ้าวของเจ้าขึ้นมาได้แล้วหรือ” ทั้งสองคนดื่มเหล้ากันอย่างมีความสุข แค่ดื่มเหล้าด้วยกันครั้งเดียวก็เปลี่ยนการเรียกชื่อเป็นพี่น้องกันแล้ว

บางครั้งมิตรภาพของผู้ชายก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นนี้

เฉินจื่ออานพูดอย่างเขินอาย “วันนี้ข้าดีใจมากไปหน่อย ข้าทำให้น้องนางต้องเป็นห่วงแล้ว”

เฉินจื่ออานไม่ค่อยเรียกลู่ม่านว่าน้องนาง ดังนั้นจึงเห็นได้ชัดว่าเขาต้องการออดอ้อน ลู่ม่านยกโทษให้ในใจ แต่ก็ไม่ลืมที่จะพูด “ปากหวาน ข้าจะลงโทษเจ้าให้กินผักในคืนนี้ทั้งหมด”

“ตกลง!” เฉินจื่ออานรับปาก และพาลู่ม่านไปที่ห้องอาหาร

วันรุ่งขึ้น เฉินสือซ่วนมาที่บ้านจริงๆ คราวนี้เขามาคนเดียว

หลังจากที่ลู่ม่านกินยา นางก็เอนกายอยู่ที่เก้าอีกโยกด้วยอาการง่วงนอน เฉินสือซ่วนคุกเข่าลงตรงหน้าลู่ม่านทันที

ลู่ม่านกำลังจะลุกขึ้นมาห้าม แต่เฉินสือซ่วนก็พูดขึ้นมา “น้าสาม ให้ข้าได้โขกศีรษะให้เถอะ!”

พอเห็นว่าท่าทางแน่วแน่ของเขา ลู่ม่านก็นั่งตัวตรงอีกครั้งและมองมาที่เขา

เฉินสือซ่วนโขกศีรษะให้ลู่ม่าน ก่อนลุกขึ้นมาช้าๆ “น้าสาม ขอบคุณมากขอรับ”

เดิมทีลู่ม่านยังกังวลว่าเด็กคนนี้เป็นอะไรไป แต่พอได้ยินเขากล่าวขอบคุณ นางจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก ก่อนจะยกยิ้มแล้วพูด “ขอบคุณเรื่องอะไร”

“ขอบคุณที่ดูแลและเอ็นดูข้ามาโดยตลอด ถ้าไม่ใช่เพราะท่าน ข้าคงไม่ใช่ข้าที่เป็นอยู่ในตอนนี้ บางทีข้าอาจจะกลายเป็นอันธพาลในหมู่บ้าน หรืออาจจะเป็นเหมือนเถาฮัว ที่ทำอะไรไม่คิด จนสุดท้ายก็ทำร้ายคนอื่น และทำร้ายตัวเอง...”

ลู่ม่านหัวเราะออกมาเบาๆ “นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมถึงบอกว่าเจ้ายังเด็ก ในโลกของเด็กถึงใส่ใจว่าอะไรถูกหรือผิด ส่วนผู้ใหญ่สนใจแต่ข้อดีข้อเสียเท่านั้น”

พอได้ยินเช่นนี้ หรูเฟิงก็นิ่งคิด

ผ่านไปสักพัก นางก็พูดขึ้นมาว่า “ขอบคุณนายหญิงที่สั่งสอนเจ้าค่ะ หรูเฟิงเข้าใจแล้ว”

ลู่ม่านยกยิ้มแต่ไม่พูดอะไร หรูอวี่ที่เพิ่งเข้ามาจากข้างนอก พอเห็นว่าทั้งสองคนกำลังแอบพูดกันอยู่ นางจึงแกล้งพูดขึ้นมาว่า “พวกพี่กำลังพูดเรื่องอะไรกัน ท่าทางลับๆ ล่อๆ?”

ลู่ม่านไม่ได้พูดอะไรสักคำ ส่วนหรูเฟิงก็เป็นคนที่ไม่ชอบพูดมาก นางจึงไม่ตอบ

หรูอวี่ขมวดคิ้ว “พวกพี่น่าเบื่อเกินไปแล้วนะ อะไรก็ไม่พูด ข้าอึดอัดจะบ้าแล้ว!”

หรูเฟิงรีบพูด “อย่าพูดไร้สาระ”

หรูอวี่นิ่งเงียบ

พอเห็นท่าทางของหรูอวี่ ลู่ม่านก็อดไม่ได้ที่จะหยอกล้อนาง “ใครเป็นคนบอกว่าต้องพักผ่อนที่บ้าน แค่ไม่กี่วันเจ้าก็ทนไม่ไหวแล้วหรือ”

“ข้าทนไม่ได้!” หรูอวี่พูด “ข้าแค่พูดแทนนายหญิง หรูเฟิงนิสัยไม่ดี นายหญิงควรส่งนางไปที่ครัวครบรส เพื่อยกอาหาร ให้นางไปอยู่ที่นั่นสักหลายเดือนก็พูดเก่งแล้ว”

พอได้ยินเช่นนี้ ลู่ม่านก็เหลือบมองไปทางหรูเฟิงที่มีท่าทางเหมือนไม่อนุญาตให้ใครเข้าใกล้ ภาพของนางที่ถือจานไปทั่วครัวครบรส ก็ปรากฏขึ้นในสมองของนาง

“ไม่ได้ ถ้าปล่อยให้นางไปจริงๆ ข้าพูดได้เลยว่า ลูกค้าในครัวครบรส จะกลัวจนหายไปภายในสามวัน!”

สีหน้าของหรูเฟิงเปลี่ยนเป็นบูดบึ้งทันที “นายหญิง...”

“ก็ได้ ก็ได้!” ลู่ม่านกลั้นหัวเราะไว้ “หรูเฟิงนิสัยไม่ดีจริงๆ ถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไป ข้ากลัวจริงๆ ว่านางจะแต่งไม่ออก งั้นข้าคงขาดทุนมาก งั้นวันนี้เรามาเล่นเกมกันเถอะ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน