ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 46

เฉินจื่ออานนั่งอยู่บนรถเข็น พูดขึ้นด้วยเสียงเข้มว่า “ท่านพ่อ”

สายตาของตาแก่เฉินมองไปที่ขาของเฉินจื่ออาน แววตารู้สึกผิดปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ไม่ช้าก็หายไปหมดแล้ว

เขาพ่นควันบุหรี่ออกมาพร้อมพูดขึ้นว่า “จื่ออานมาแล้ว”

“พี่สาม” เฉินจื่อคังลุกขึ้นมา แล้วเดินตรงไปหาเฉินจื่ออาน คุกเข่าตรงหน้าเฉินจื่ออาน พร้อมพูดขึ้นว่า “พี่สาม ช่วยแม่ด้วย เรื่องที่ผ่านมาล้วนเป็นความผิดของข้า ข้าถูกความคิดชั่วครอบงำ จนกระทำเรื่องเลอะเลือนเช่นนั้น โชคดีที่พี่สามช่วยไว้ทัน ข้าถึงได้มีชีวิตรอด หลังจากนั้น ข้าอยากไปเยี่ยมดูเจ้าหลายครั้ง แต่ด้วยความหน้าบาง ไม่กล้าก้าวออกไปหา”

เฉินจื่อคังเป็นคนที่ฉลาดมาก เขารู้ว่าเหตุผลเป็นจุดอ่อนของเฉินจื่ออาน ดังนั้นอย่างแรกที่ทำคือยอมรับผิดอย่างจริงใจ

และแล้ว สีหน้าเฉินจื่ออานค่อยดีขึ้นมาบ้าง

ลู่ม่านกล้ารับประกันว่า ขอเพียงให้เฉินจื่ออานถูกเฉินจื่อคังล้างสมองอีกเป็นครั้งที่สอง เขาก็จะต้องเปลี่ยนจากสงครามการต่อสู้เป็นสันติภาพแน่ แต่มีนางอยู่ด้วย นางจะไม่ยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น

เมื่อคิดได้เช่นนี้ นางจึงเดินออกมาพร้อมพูดขึ้นว่า “พ่อ พี่ใหญ่เล่ามาอย่างไม่ค่อยชัดเจน เกิดอะไรขึ้นกับแม่กันแน่?”

ตาแก่เฉินหน้าแดง พูดตามความจริง เขารู้สึกอับอายกับสิ่งที่เฉินหลี่ซื่อกระทำมาก แต่จะทำอย่างไรได้? ยังไงก็เป็นแม่ของลูกตนเอง หากไม่ช่วยนาง คนอื่นก็จะต้องหัวเราะเยาะบ้านเฉิน

โดยเฉพาะ จื่อคังยังต้องเตรียมสอบ

“แม่ของเจ้ากับชิ่งเจียทะเลาะวิวาทกันเพียงเพราะเรื่องเล็ก ส่งผลกระทบทำให้ผู้ป่วยของร้านยาฉืออานเดือดร้อน ตอนนี้ทางร้านยาฉืออานส่งแม่ของเจ้าไปยังที่ทำการตำบลแล้ว ได้ยินว่าเสี่ยวม่านกับคนในร้านยาฉืออานสนิทกัน จึงอยากให้เจ้าไปช่วยถาม ”

ลู่ม่านนับถือตาแก่เฉินจริงๆ เรื่องแย่ๆ ของเฉินหลี่ซื่อ เขายังจะคิดในแง่ดี ลู่ม่านยังคงพูดประโยคเดิมนั้นว่า “พ่อ เรื่องนี้ข้าคงช่วยไม่ได้”

“ทำไมเจ้าถึงช่วยไม่ได้? เห็นได้ชัดว่าเจ้าไม่อยากช่วยแม่” เฉินหลิ่วเอ๋อร้องพูดขึ้น

ต้องยอมรับว่า นางสืบทอดอุปนิสัยของเฉินหลี่ซื่อมาทั้งหมดจริงๆ ต่อไปเมื่อแก่แล้ว คาดว่าคงเลวร้ายยิ่งกว่าเฉินหลี่ซื่อ

“เฉินหลิ่วเอ๋อ” เฉินจื่ออานเรียกด้วยเสียงตำหนิ เฉินหลิ่วเอ๋อคิดถึงฝ่ามือเมื่อครั้งก่อน จึงเงียบทันที

เฉินจื่อคังหัวเราะอย่างมืดสลัว แล้วลุกขึ้นเดินไปโค้งคำนับให้กับลู่ม่าน พร้อมพูดขึ้นว่า “พี่สะใภ้ แม่อายุมากแล้ว อากาศก็หนาว หากป่วยอยู่ในที่ทำการปกครอง จะถูกคนอื่นพูดตำหนิว่าพวกเราลูกหลานอกตัญญูไม่ใช่หรือ? ขอร้องพี่สะใภ้ไปช่วยถามไถ่หน่อยได้ไหม?”

ลู่ม่านพูดขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชาทันทีว่า “น้องสามีพูดถูก แต่ข้าเป็นเพียงผู้หญิงข้างทางที่ไร้ญาติพี่น้อง ไม่มีคนรู้จัก และก็ไม่มีอำนาจ จะไปมีความสามารถมากมายขนาดนั้นได้อย่างไร?”

ผู้หญิงข้างทางที่ไร้ญาติพี่น้อง เป็นคำพูดที่เฉินหลี่ซื่อด่านางเมื่อครั้งก่อน ตอนนั้นเฉินจื่อคังแกล้งหลับจึงได้ยิน ไม่เพียงเฉินจื่อคัง สีหน้าทุกคนที่อยู่ในห้องต่างก็เปลี่ยนไป

พวกเขาต่างก็รู้ ลู่ม่านมีเหตุผลมากมายที่ไม่อยากช่วย

เฉินจื่ออานได้ยินเช่นนี้ จึงเอื้อมมือไปจับมือลู่ม่าน เมื่อลู่ม่านพูดถึงความเจ็บปวดของตนเองออกมา ยังดีที่เฉินจื่ออานไม่ได้เข้าข้างเฉินหลี่ซื่อ ขอให้นางไปช่วยให้ได้ แต่กลับให้กำลังใจอยู่อย่าเงียบๆ ลู่ม่านหันไปยิ้มให้กับเฉินจื่ออาน

เรื่องมาถึงตอนนี้ เฉินจื่อคังทำได้เพียงแกล้งไม่เข้าใจประโยคนี้ พร้อมพูดขึ้นว่า “พี่สะใภ้พูดล้อเล่นอะไร ข้าเห็นว่าอย่างพี่สะใภ้ ยังไงก็ต้องเป็นลูกคุณหนูตระกูลใหญ่ สามารถมาเป็นส่วนหนึ่งของบ้านเฉินเรา ถือเป็นบุญวาสนาของบ้านเฉิน”

เฉินจื่อคังไม่เคยพูดยกย่องใครขนาดนี้มาก่อน ปกติเขาอยู่ในบ้านถึงแม้จะดูมีมารยาท แต่ก็จะรักษาระยะห่างในระดับหนึ่ง

นี่เป็นครั้งแรกที่ผู้ชมคนแบบตรงๆ เช่นนี้ ที่ไหนได้ ลู่ม่านเพียงพูดขึ้นอย่างเรียบเฉยว่า “น้องสามีพูดชมเกินไปแล้ว น้องสามีต่างหาก ศึกษาหาความรู้อยู่ในตำบลมาตลอด จะต้องรู้จักคนมีอำนาจในตำบลไม่น้อย ขอเพียงไปไถ่ถาม ยังไงก็มีความเป็นไปได้มากกว่าพวกเรา”

สีหน้าเฉินจื่อคังมืดลง เขามีความรู้สึกอย่างหนึ่ง ตั้งแต่เริ่มแรก ลู่ม่านก็ไม่เชื่อเขา อีกอย่าง กับการแสดงออกของเขาก็ดูออกแต่แรกแล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน