ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 483

ขันทีเฉินรีบหดคอทันที หันไปมองลู่ม่านแวบหนึ่ง “ฮ่องเต้ทรงมีรับสั่งให้เจ้าเข้าไป ทำไมยังไม่รีบเข้าไปอีก?”

ลู่ม่านรีบกล่าวถวายคำอวยพรว่าทรงพระเจริญหมื่น ๆ ปีเสร็จ ค่อยสาวเท้าเดินเข้าไปในตำหนักชั้นในตามช่องประตูที่เปิดค้างไว้

ตำหนักชั้นในแห่งนี้ แตกต่างกับความเร่งรีบวุ่นวายที่ด้านนอกอย่างสิ้นเชิง มันเงียบสงบอย่างยิ่ง มีกลิ่นธูปหอมลอยอ้อยอิ่งไปทั่วบริเวณ

ฮ่องเต้กำลังอ่านฎีกาอยู่ หลังจากลู่ม่านเข้าไปแล้ว ก็คำนับฮ่องเต้ตามระเบียบพิธีการก่อน ฮ่องเต้กลับไม่สนใจนางเลย ปล่อยให้นางคุกเข่าอยู่อย่างนั้น

ลู่ม่านร้อนใจดั่งไฟลน แต่ก็ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามตามใจ

ขณะที่กำลังครุ่นคิดว่าจะทำยังไงดี จู่ ๆ ฮ่องเต้ก็เหวี่ยงฎีกาลงไปบนพื้นอย่างแรงจนเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว

“แต่ละคน ๆ ล้วนมีแต่พวกฝีไม้ลายมือธรรมดาทั้งนั้น แค่เขื่อนเขื่อนเดียวก็ยังจัดการให้ดีไม่ได้ ข้ายังต้องมีพวกเขาไว้ทำประโยชน์อะไร?”

ข้าหลวงรับใช้ที่อยู่ข้าง ๆ รีบวิ่งเข้ามาช่วยเก็บฎีกา "ฝ่าบาท โปรดอย่าได้ทรงกริ้วเลยพ่ะย่ะค่ะ นี่คือทะเลสาบหลงจิ่งตะวันตกของหางโจว โปรดทรงระงับโทสะเถิดพ่ะย่ะค่ะ"

ฮ่องเต้ไม่สนใจเขา หันมองตรงไปที่ลู่ม่าน

“เจ้าพูดมา เมื่อครู่ไม่ได้บอกหรอกหรือว่ามีเรื่องที่เกี่ยวกับเขื่อนจะคุยกับข้าน่ะ?”

เดิมที ว่าตามจริงแล้วลู่ม่านโกหกฮ่องเต้ออกไปแบบหน้าด้าน ๆ ต่างหาก นางแค่อยากได้โอกาสเข้าเฝ้าเบื้องพระพักตร์ฝ่าบาท แต่ตอนนี้พอได้เห็นว่าพระองค์ทรงพิโรธขนาดไหน ถ้านางพูดไปตามความจริงว่านางโกหก เดาดูก็รู้ว่าหัวน่าจะหลุดจากบ่าเดี๋ยวนี้เลยมั้ง?

“เพคะ เป็นเช่นนี้ ก่อนหน้าที่หม่อมฉันยังไม่ได้แต่งมาที่บ้านตระกูลเฉิน เคยเรียนหนังสือกับคนอื่นมาบ้าง เคยอ่านเจอในหนังสือเบ็ดเตล็ดเล่มหนึ่ง ซึ่งในนั้นมีคำแนะนำเกี่ยวกับโครงสร้างชลศาสตร์ ไม่แน่ว่า หม่อมฉันอาจสามารถช่วยฝ่าบาทได้..... "

“เจ้ารึ ?” ฮ่องเต้ทรงนึกคลางแคลงใจ “เจ้าก็ไม่ได้รู้สถานการณ์ของเขื่อนเสียหน่อย แล้วเจ้าจะรู้วิธีแก้ปัญหาได้อย่างไรกัน?”

“แน่นอนว่าก่อนที่หม่อมฉันจะมาก็ได้ยินเรื่องนี้แล้วเพคะ แม้ว่าเมื่อหลายวันก่อนสามีของหม่อมฉันจะพักผ่อนอยู่กับบ้าน แต่ใจกลับนึกกังวลถึงเรื่องการผันน้ำอยู่ตลอดเวลา วันนี้พอเช้ามาก็ได้รับเชิญให้ไปยังจวนอ๋องหนิงเพื่อหารือเรื่องนี้ จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ออกมา เรื่องที่เกี่ยวข้องกับความเจริญหรือความล่มจมของประเทศ ทุกคนล้วนมีส่วนรับผิดชอบทั้งสิ้น จึงคิดว่าถึงแม้หม่อมฉันจะเป็นเพียงผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง แต่ก็เต็มใจช่วยฝ่าบาทแบ่งเบาพระราชกรณีกิจเพคะ"

คำพูดของลู่ม่านท่อนนี้พูดได้ไพเราะเพราะพริ้งดีมาก ทั้งยังบอกถึงสถานการณ์ของเฉินจื่ออานไป ด้วยในตัว

ฮ่องเต้ได้ยินดังนั้น ก็ยกยิ้มบางๆ “เจ้ามาที่นี่เพื่อจะช่วยซือหนงงั้นรึ?”

ผลเป็นไปดังคาด ฝ่าบาทฟังความหมายออกจริง ๆ

ลู่ม่านกลับไม่ยืนยันโดยตรง แต่ใช้วิธีพูดอย่างคลุมเครือแทน “ใต้เท้าซือหนงรักษาจิตใจให้ขาวสะอาดอยู่ในครรลอง หวังเพียงได้ช่วยจัดการปัญหาให้กับประชาชน ปัญหาเรื่องเขื่อนครั้งนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวพันกับการดำรงชีวิตของประชาชน ทุกคนในตระกูลเฉินต่างก็เต็มใจรับใช้ฝ่าบาทอย่างสุดกำลัง ข้าหวังเพียงว่า ฝ่าบาทจะประทานโอกาสนี้ให้กับพวกเราสักครั้ง!"

ขันทีเฉินที่อยู่อีกด้านเห็นเช่นนั้น ก็เปิดปากพูดขึ้นว่า “ลู่ซูเหริน แม้ว่าคนอื่น ๆ ล้วนพูดกันว่าเจ้าเป็นคนฉลาด แต่อย่างไรเจ้าก็เป็นแค่ผู้หญิงธรรมดา ๆ คนหนึ่ง เจ้าจะเข้าใจเรื่องของระบบชลศาสตร์การผันน้ำได้อย่างไร? คงไม่ใช่ว่าคิดจะหลอกลวงฝ่าบาทหรอกนะ เจ้าควรรู้ไว้ด้วย ว่าหากเจ้าหลอกลวง นั่นเท่ากับต้องโทษฐานหลอกลวงเบื้องสูงเชียวนะ....."

“ขันทีเฉิน นี่เจ้ารังเกียจว่าผู้หญิงไม่อาจทำการใหญ่ได้สินะ?” ลู่ม่านพูดอย่างเย็นชา

ขันทีเฉินถูกทำให้ตกใจจนผงะ ผู้หญิงคนนี้ช่างน่ากลัวจริง ๆ พอมาถึงก็จับประเด็นสำคัญทั้งหมดเอาไว้ได้แบบอยู่หมัด

ผลเป็นไปดังคาด สีพระพักตร์ของฝ่าบาทย่ำแย่อย่างหนักขึ้นมาทันที

ขันทีเฉินผู้นั้นรีบทรุดตัวคุกเข่าลงกับพื้นทันที “ฝ่าบาท ข้าน้อยไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นนะพ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยแค่กังวลว่า พระองค์จะถูกนางปั้นแต่งคำพูดสวยหรูมาหลอกลวงให้เชื่อ”

“ไสหัวออกไปรับโทษเดี๋ยวนี้!”ฮ่องเต้รับสั่งอย่างเคร่งขรึม

ขันทีเฉินรีบเดินออกไปในสภาพมีชนักปักหลัง ฮ่องเต้จึงลุกขึ้นยืน ก่อนจะเดินวนรอบตัวลู่ม่านหนึ่งรอบ

“ทางที่ดีเจ้าควรจะรับประกันได้ว่า เจ้าแน่ใจพอที่จะทำทุกอย่างที่เจ้าพูดออกมาได้ทั้งหมด ไม่อย่างนั้นแล้ว จะไม่ใช่แค่เจ้าเท่านั้น แต่คนในตระกูลเฉินทั้งหมดจะต้องตายโดยไร้ดินกลบฝัง”

ลู่ม่านตอบรับด้วยสีหน้าจริงจัง “หม่อมฉันน้อมรับบัญชาเพคะ!”

ท่าทางของลู่ม่าน ทำให้สีพระพักตร์ของฮ่องเต้ดูดีขึ้นมาเล็กน้อย พระองค์ตรัสขึ้นทันทีว่า “เตรียมไปจวนอ๋องหนิง!”

.......

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน