ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 49

สรุปบท บทที่ 49 เกินไปแล้ว: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน

สรุปตอน บทที่ 49 เกินไปแล้ว – จากเรื่อง ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน โดย ฝูเชิง

ตอน บทที่ 49 เกินไปแล้ว ของนิยายประวัติศาสตร์เรื่องดัง ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน โดยนักเขียน ฝูเชิง เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ลู่ม่านนึกว่านางจะมองเห็นเฉินจื่ออาน กลับคิดไม่ถึงว่านางหันไปมองรอบๆ แล้วก็รวบสายตาอย่างรวดเร็ว ราวกับมองไม่เห็นลู่ม่านกับเฉินจื่ออาน

พร้อมกับถามเฉินจื่อฉายว่า “จื่อคังมาแล้วหรือ?”

เฉินจื่อฉายรู้สึกทำตัวไม่ถูกขึ้นมาทันที ที่จริงเมื่อเช้าตอนที่เขาออกเดินทางมา ก็ได้ถามจื่อคังว่าจะมาไหม

แต่เฉินจื่อคังพูดปัดว่า วันนี้เขามีธุระ จึงไม่มาด้วย ที่จริงเฉินจื่อฉายอยากพูดว่าเมื่อแม่ออกมาคนแรกที่อยากเห็นก็คือเฉินจื่อคัง แต่ตาแก่เฉินก็พูดว่าธุระของเฉินจื่อคังสำคัญยิ่งกว่า เขาจึงไม่พูดออกมา

“จื่อคังติดธุระ”

เฉินจื่อฉายพูดอธิบาย

“อืม” เห็นได้ชัดว่าเฉินหลี่ซื่อค่อนข้างผิดหวัง แต่ไม่ช้านางก็ยอมรับคำอธิบายของเฉินจื่อฉายอย่างเข้มแข็ง พร้อมพูดขึ้นว่า “เจ้าพูดถูก จื่อคังต้องติดงานแน่ เขาจะต้องสอบช่วงฤดูใบไม้ผลิอีกแล้ว เรื่องงานสำคัญยิ่งกว่า”

ลู่ม่าน “........”

หลอกตัวเองแบบนี้ ก็คงไม่มีใครแล้ว

ส่วนเฉินจื่ออานด้านข้างนาง จู่ๆ ก็หัวเราะเย้ยขึ้นมา

ในใจลู่ม่านอึดอัด มีความรู้สึกแวบหนึ่ง รู้สึกว่าเฉินจื่ออานน่าสงสารมาก นางจับมือเฉินจื่ออานไว้ แล้วก็ยิ้มให้กับเขา

เฉินจื่ออานก็ยิ้มให้กับนาง

เฉินหลี่ซื่อยังคงอารมณ์ไม่ดี ตลอดทางที่กลับไป นางไม่พูดอะไรสักคำ แต่เดิมนางกับพวกลู่ม่าน ก็ไม่มีเรื่องอะไรที่สามารถคุยกันได้

ไม่คุยอะไรกันมาตลอดทาง ตอนที่กลับมาถึงหมู่บ้านไป่ฮัว ก็เที่ยงพอดีแล้ว

จู่ๆ เฉินจื่อคังก็ปรากฏตัวขึ้นที่หน้าประตู ใบหน้าหนุ่มหล่อเหลาเต็มไปด้วยความเป็นกังวล เฉินหลี่ซื่อลงจากรถ แล้วก็กอดเฉินจื่อคังร้องห่อร้องไห้

เฉินหลิ่วเอ๋อก็วิ่งมากอดเฉินหลี่ซื่อ แม่ลูกทั้งสามร้องห่มร้องไห้อย่าเสียใจ เฉินจื่อฟู่ค่อนข้างเพรียวบาง กระโจนมากอดด้วยเหมือนกัน

มีเพียงเฉินจื่ออานกับลู่ม่านยืนอยู่ด้านนอก ราวกับเป็นคนนอก

ตาแก่เฉินมองรู้ความรู้สึกของเฉินจื่ออาน จึงเดินเอามือไขว้หลังมาพูดขึ้นว่า “จื่ออาน ครั้งนี้โชคดีที่มีเจ้า นี่ก็เที่ยงแล้ว ทานข้าวกันก่อนแล้วค่อยกลับเถอะ”

“ไม่ล่ะ” เฉินจื่ออานส่ายหัว

ลู่ม่านก็ไม่อยากทานข้าวอยู่ที่บ้านใหญ่ วันนี้เฉินหลี่ซื่อร้องห่มร้องไห้ขนาดนี้ นางทานข้าวอยู่ที่นี่ก็ไม่มีความสุข อีกอย่างอยู่ต่อนานมองดูพวกเขาแม่ลูกรักกัน เฉินจื่ออานจะไม่ยิ่งเสียใจหรือ?

ดังนั้น หลังจากเฉินจื่ออานปฏิเสธ เขาจึงเข็นเฉินจื่ออานออกมา

ทางด้านหลัง ตาแก่เฉินมองดูแผ่นหลังเฉินจื่ออานที่จากไปแวบหนึ่ง แล้วก็อดไม่ได้ที่จะถอดถอนหายใจ คำพูดของผู้ใหญ่บ้านที่พูดในตอนนั้นเป็นความจริง มองดูจื่ออานในตอนนี้ แลดูยิ่งอยู่ก็ยิ่งมีความอดทน

แต่ยังไงขาก็พิการแล้วหนึ่งข้าง ไม่สามารถประสบความสำเร็จอะไรได้

……

ระหว่างทาง เห็นเฉินจื่ออานอารมณ์ไม่ดี ในใจลู่ม่านก็ไม่สบายใจ

อีกอย่าง เฉินจื่อคังได้เป็นที่ชื่นชอบของคนอาวุโสทั้งสองของบ้านเฉิน ก็เป็นเพราะเขาเป็นคนเรียนหนังสือ พวกเขาต่างคาดหวังว่า เขาจะสามารถได้ดิบได้ดี? ก็แค่คนเรียนหนังสือ.....

จู่ๆ ลู่ม่านก็คิดถึงน้ำหมึกกับกระดาษที่ซื้อมาเมื่อครั้งก่อน เพราะว่าช่วงนี้งานยุ่งมาก จึงยังไม่ได้ใช้

เมื่อคิดเช่นนี้ นางก็รีบเร่งฝีเท้ากลับบ้าน

หลังจากทานอาหารเที่ยงแล้ว เฉินจื่ออานนั่งเหม่อลอยอยู่ในลาน ลู่ม่านจึงไปค้นหาสิ่งของพวกนั้นออกมาวางตรงหน้าเขา

“จื่ออาน นับตั้งแต่วันนี้ พวกเราจะเริ่มเรียนหนังสือ หนึ่งวันเรียนหนึ่งตัวอักษร”

เฉินจื่ออานอึ้ง พร้อมพูดขึ้นว่า “ซื้อของพวกนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่?”

“ก็ดี” เหยาซื่อพูดเสร็จ แล้วก็กลับบ้านไปเตรียมของ

หลังจากผ่านไปหลายวัน เหยาซื่อ ลู่ม่านกับเหอฮัวยังคงไปเก็บดอกเก๊กฮวยป่าบนเขาอย่างปกติ เหยาซื่อก็ค่อยๆ รู้เรื่องที่ลู่ม่านหายไปในช่วงเช้านั้น เพื่อไปช่วยเฉินหลี่ซื่อ

สำหรับเรื่องนี้ นางพูดขึ้นอย่างไม่พอใจว่า “แม่สามีของเจ้า ทำเกินไปแล้วจริงๆ”

ลู่ม่านส่ายหัว พร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่เป็นไร”

ไม่เป็นไรจริงๆ นางไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่กับนางสักหน่อย ยิ่งไปกว่านั้น ที่นางช่วยนางออกมา ก็เพราะมีเงื่อนไข

เฉินจื่ออานฝึกเขียนหนังสืออยู่ในบ้านตลอด เขาสามารถเขียนชื่อของตนเองได้อย่างสวยงามแล้ว ตอนนี้เขาเริ่มเรียนความเรียงอักษรพันคำแล้ว

ถึงแม้จะไม่ได้กลับไปยังบ้านใหญ่ ลู่ม่านยังคงรู้มาจากเหอฮัวว่า หลังจากเฉินหลี่ซื่อกลับมา ก็ล้มป่วยอยู่หลายวัน เหยาซื่อหัวเราะ พร้อมพูดขึ้นว่า “แล้วอาเล็กของเจ้าล่ะ?”

“อาเล็กกลับไปโรงเรียนแล้ว” ยังไงเหอฮัวก็ยังเป็นเด็ก ไม่รู้เรื่องซับซ้อนระหว่างผู้ใหญ่

เหยาซื่อมองตาลู่ม่านอย่างเงียบๆ ในใจก็คงกำลังคิดว่า เห็นทีเฉินจื่อคังยากที่จะเป็นที่พึ่งได้ ลู่ม่านยังคงไม่พูดอะไร

หลังจากเก็บติดต่อกันหนึ่งอาทิตย์ อากาศยิ่งอยู่ก็ยิ่งหนาวแล้ว พืชในเขาลึก ก็ค่อยๆ เริ่มเหี่ยวลงแล้ว รอเมื่อถึงวันสุดท้าย ทั้งสามคนก็เหลือเพียงดอกครึ่งกระบุงแล้ว

ลู่ม่านจึงพูดเสนอขึ้นว่า “พรุ่งนี้ พวกเราไม่เก็บดอกเก๊กฮวยป่าแล้ว”

เหยาซื่ออดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นว่า “หากสามารถมีให้เก็บอีกสักช่วงหนึ่งก็คงดี อย่างน้อยก่อนปีใหม่ก็จะได้มีตังไว้บ้าง”

เห็นได้ชัดว่าเหอฮัว ก็ไม่อยากจบชีวิตอิสระที่ได้มาอย่างไม่ง่ายนี้ เม้นริมฝีปากไม่พูดไม่จา

ลู่ม่านเห็นแล้วก็เอื้อมมือไปลูบหัวของนางพร้อมพูดขึ้นว่า “ไม่ต้องกลัว ไม่แน่ว่าผ่านไปอีกสักช่วง ก็จะมีงานไหม”

ทั้งสองคนต่างก็คิดว่านางพูดเพื่อปลอบใจ จึงไม่นำมาใส่ใจ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน