ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 52

เถ้าแก่จางดวงตาเป็นประกาย แต่ในไม่ช้าเมื่อเห็นเครื่องแต่งกายของสองคนตรงหน้าอย่างชัดเจนมันก็จางลงอีกครั้ง

เห็นได้ชัดว่าสองคนตรงหน้าเป็นชาวนาธรรมดา ถึงขั้นที่ว่าคนหนึ่งในนั้นการเดินเหินไม่สะดวก พวกเขาจะสามารถช่วยอะไรตนได้

เถ้าแก่จางยิ้ม “คำพูดของแม่นาง ข้าฟังแล้วตื้นตันใจมาก แต่ว่าอย่ามาล้อข้าเล่นเลย”

“ข้าไม่ได้ล้อเล่น!” ลู่ม่านพูดแล้วหยิบเอาตัวอย่างของผลไม้กวนที่ตัวเองนำมาจากกระเป๋าหลังรถเข็นของเฉินจื่ออาน

“นี่คือตัวอย่างที่เราเตรียมมาฝากวางขายในร้านค้า ท่านลองดู”

เถ้าแก่จางก็เป็นคนที่มีรสนิยม ทันทีที่เขาเห็นขวดโหลเล็กๆ สายตาจึงถูกดึงดูด

“ขวดโหลวช่างงดงามนัก!”

“สิ่งที่อยู่ข้างในก็ดีมากเช่นกัน!” ลู่ม่านมั่นใจมาก

บางทีอาจเป็นเพราะความมั่นใจของนางแพร่เชื้อไปถึงเถ้าแก่จาง เถ้าแก่จางจึงยื่นมือมาเปิดฝา

กลิ่นหอมของผลไม้โชยเตะจมูก เขาดวงตาเป็นประกายขึ้นมาฉับพลัน ลู่ม่านยื่นช้อนที่เตรียมไว้ให้กับเถ้าแก่จาง เถ้าแก่จางนำชามออกมาใส่มันทันที จากนั้นจึงชิมอย่างพินิจพิเคราะห์

แล้วเขาก็ลืมตาขึ้นมองไปที่ลู่ม่าน “รสชาติเหมือนผลไม้กวนทั่วไป แต่หอมกว่าผลไม้กวนทั่วไปมาก เจ้าทำได้อย่างไร”

นั่นเป็นเพราะมะนาว! แต่ลู่ม่านจะไม่พูดออกมา เพียงแค่หัวเราะ “นี่เป็นความลับของครอบครัว ไม่อาจแพร่งพราย”

เถ้าแก่จางเพิ่งตระหนักว่าตัวเองเสียมารยาทเกินไป จึงรีบขออภัย

แต่ไม่นานเขาก็ถอนหายใจอีกครั้ง “แม่นาง ข้าขอบอกท่านตามตรง ความจริงการฝากขายผลไม้กวนของท่านก็เหมือนกับการทิ้ง ท่านดูสิ ร้านข้ารกร้างไร้ผู้คน บางทีอาจขายไม่ออก ให้ของของท่านเน่าเสียก็เท่ากับทำบาปแล้ว”

ลู่ม่านมองดูรอบร้าน ก่อนจะหันข้างไปมองเฉินจื่ออาน “จื่ออาน เจ้าคิดยังไง”

เฉินจื่ออานมีความรู้สึกที่ดีต่อเถ้าแก่จาง และต้องการร่วมการค้ากับเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งคำพูดวรรคสุดท้ายของเถ้าแก่จาง ได้แสดงให้เห็นลักษณะนิสัยของเถ้าแก่จางแล้ว

แต่ถ้าสุดท้ายแล้วผลไม้กวนที่ลู่ม่านทำขึ้นมาอย่างยากลำบากมานับครั้งไม่ถ้วนต้องเน่าเสียจริงๆ มันก็ไม่คุ้มค่าเลย

ปฏิกิริยาทั้งหมดของเฉินจื่ออานอยู่ในสายตาของลู่ม่าน เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการร่วมการค้ากับเถ้าแก่จาง เพียงแต่เขากลัวว่าของของนางจะสูญเปล่าจึงลังเลเช่นนี้

เมื่อคิดดังนั้นลู่ม่านก็ยิ้ม “เถ้าแก่จางถ่อมตัวเกินไป ยังไม่ได้ลองเลยแล้วท่านรู้ได้ยังไงว่าจะไม่สำเร็จ”

เถ้าแก่จางก็ไม่ใช่คนที่ดื้อรั้นเกินไป เมื่อได้ยินคำพูดของลู่ม่านก็รู้ว่าอีกฝ่ายต้องการร่วมการค้าแล้ว ในที่สุดความมีชีวิตชีวามาก็มาสู่ร้านค้าเล็กๆ ของเขา

เขาจึงพูดทันที “ข้ายินดีจะลองดู”

หลังจากทั้งสามคนได้ข้อสรุปเบื้องต้นแล้ว จึงนั่งลงหารือเกี่ยวกับรายละเอียดการร่วมการค้าในแบบเฉพาะเจาะจง เดิมทีลู่ม่านตั้งราคาผลไม้กวนไว้ที่ขวดละห้าเหวิน แต่เนื่องจากเถ้าแก่จางขายเป็นครั้งแรก แต่ไม่รู้ว่าได้ผลแค่ไหน นางจึงเริ่มเสนอว่าครั้งแรกพวกเขารับเพียงขวดละสี่เหวิน

ส่วนทางฝ่ายเถ้าแก่จาง ตราบใดที่ราคาไม่ต่ำกว่าห้าเหวิน เขาสามารถขายขวดละกี่เหวินก็ได้ตามต้องการ

หลังจากเจรจากันอย่างดีแล้ว ทั้งสามลงนามในสัญญา ลู่ม่านเอาพู่กันยื่นให้เฉินจื่ออาน

เฉินจื่ออานลงนามชื่อตัวเองอย่างเป็นกิจจะลักษณะ สิ่งนี้ทำให้เถ้าแก่จางรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกับชายที่อยู่ตรงหน้า เดิมทีเขายังคิดว่าเฉินจื่ออานไม่รู้หนังสือ

หลังจากเสร็จสิ้น ลู่ม่านบอกให้เถ้าแก่ส่งคนตามพวกเขาไปรับผลไม้กวนที่เหลือที่ตลาดตะวันออก เถ้าแก่จางได้ยินว่าที่แท้พวกเขายังขายปลีกอยู่ที่ตลาดตะวันออกด้วย จึงตัดสินใจไปดูด้วยตัวเอง

เมื่อทั้งสามไปถึงที่นั่น ทางตลาดตะวันออกก็เต็มไปด้วยผู้คนแล้ว แต่เห็นจากระยะไกลว่าหน้าร้านของเหยาซื่อกับหวังเอ้อร์หนิวไม่มีคนเลย

เมื่อเห็นลู่ม่านกลับมา เหยาซื่อก็รีบลุกขึ้นราวกับเห็นของสำคัญ “เสี่ยวม่าน เจ้ากลับมาแล้ว”

“เป็นยังไงบ้าง” ลู่ม่านเอ่ยถาม “มีใครเข้ามาสอบถามบ้างไหม”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน