ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 521

สรุปบท บทที่ 521 เลือดต้องล้างด้วยเลือด: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน

บทที่ 521 เลือดต้องล้างด้วยเลือด – ตอนที่ต้องอ่านของ ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน

ตอนนี้ของ ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน โดย ฝูเชิง ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายประวัติศาสตร์ทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 521 เลือดต้องล้างด้วยเลือด จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

ลู่ม่านพูดพลาง เจ้าตัวก็ทำท่าจะพุ่งออกไป

แต่กลับถูกคนที่อยู่ด้านนอกขวางไว้เสียก่อน "คุณหนู ท่านออกไปไม่ได้นะ"

ลู่ม่านจ้องมองคนคุ้มกันหน้าประตูทั้งสองที่ถูกเตรียมไว้คอยท่านานแล้วตาเขม็ง นางสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เฮือกหนึ่ง แล้วเปล่งเสียงตวาดออกไปว่า "หลีกไป!"

“คุณหนู พวกเราได้รับคำสั่งจากฮูหยินกั๋วกงให้เฝ้าคุ้มครองท่านอยู่ที่นี่....”

“ข้าบอกว่าให้หลีกไป!” ลู่ม่านร้อนใจแทบตายแล้ว “ถ้ายังไม่ยอมหลีกอีกล่ะก็ ข้าจะฝ่าออกไปเองแล้วนะ พอถึงเวลานั้น ก็อย่าได้มาโทษข้าว่าโยนความผิดฐานไม่เคารพให้เกียรติเจ้านายใส่หัวพวกเจ้าเชียว!”

ผู้คุ้มกันทั้งสองเริ่มมีท่าทีลังเลขึ้นมา ลู่ม่านจึงฉวยโอกาสระหว่างที่พวกเขาไม่ทันระวังวิ่งออกไปเลยตรง ๆ

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเมื่อวานนี้นางเป็นลมไปหรือเปล่า ทำให้วันนี้ร่างกายยังไม่กลับมาฟื้นฟูดี ทันทีที่ลู่ม่านวิ่งออกไป ก็รู้สึกเวียนหัวจนเหมือนโลกหมุนคว้างไปเลยทีเดียว!

แต่ในเวลานี้ นางไม่มีเวลามัวมาสนใจตัวเองแล้ว ในใจของนางมีความปรารถนาเพียงข้อเดียว นั่นก็คืออยากวิ่งให้เร็วขึ้นอีกนิด นางอยากไล่ตามเฉินจื่ออานไป นางยินดีรับโทษถูกเนรเทศไปพร้อม ๆ กับเฉินจื่ออาน

ตลอดทางที่มุ่งไปชานเมือง ด้วยเพราะวันนี้ลมแรง เหล่าต้นหญ้าบนภูเขาถูกลมพัดกระหน่ำจนส่งส่งเสียงดังหวีดหวิว ไม่ว่าลู่ม่านจะเพ่งมองอย่างไร ก็ไม่เห็นกระทั่งเงาร่างของพวกเฉินจื่ออานแม้แต่น้อย

“จื่ออาน!” ลู่ม่านตะโกนร้องเรียก ก่อนจะสะดุดล้มลงกับพื้น

ที่ด้านหลัง ฮูหยินกั๋วกงพาคนกลุ่มหนึ่งไล่ตามมาจนทัน จากนั้นก็เข้าไปรั้งตัวนางไว้ “เสี่ยวม่าน เจ้าอย่าทำอย่างนี้เลยนะ ถ้าจื่ออานรู้ว่าเจ้าดื้อรั้นเอาแต่ใจตัวเองแบบนี้ เขาจะต้องไม่เห็นด้วยแน่!”

ลู่ม่านส่ายหน้า ในอกกลับเกิดอาการคลื่นไส้ขึ้นมาระลอกหนึ่ง นางทำท่าจะอาเจียนออกมา จู่ ๆ ก็รู้สึกเสียวแปลบในท้องอย่างกะทันหัน

นางฝืนอดทนต่อความรู้สึกไม่สบายไปทั้งร่างอย่างเต็มที่ ยกมือขึ้นกุมท้อง ทำท่าจะเดินต่อไปอีก

เซียงหยุนรีบก้าวขึ้นไปข้างหน้าแล้วรั้งตัวนางไว้ "คุณหนู ท่านไปต่อไม่ได้แล้วจริง ๆ นะเจ้าคะ ท่านทำแบบนี้ ต่อให้ไม่ใช่เพื่อตัวเอง ก็โปรดนึกถึงเด็กในท้องของท่านด้วยเถิดเจ้าค่ะ"

ลู่ม่านตกตะลึงไปชั่วขณะ "เจ้าพูดว่าอะไรนะ?"

“ท่านตั้งท้องได้สองเดือนแล้วเจ้าค่ะ ท่านหมอบอกว่า เป็นเพราะร่างกายของท่านไม่แข็งแรง ถ้าท่านไม่คอยบำรุงดูแลให้ดีล่ะก็ เด็กจะเป็นอันตรายมากนะเจ้าคะ”

หัวใจของลู่ม่านถึงกับสั่นสะท้าน ยกมือขึ้นกุมท้องโดยไม่รู้ตัว หน้าท้องยังคงแบนราบอย่างยิ่ง ไม่มีความรู้สึกเลยว่ากำลังมีชีวิตเล็ก ๆ ชีวิตหนึ่งเติบโตอยู่ในนั้น

“เจ้าไม่ได้โกหกข้าใช่หรือไม่”

“ข้าน้อยจะกล้าได้อย่างไรกันเจ้าคะ?” เซียงหยุนพูด

ฮูหยินกั๋วกงก็ไล่ตามมาด้วย “เจ้ากำลังท้องอยู่จริง ๆ ชิงเหยียน เจ้ากำลังจะได้เป็นแม่คนแล้วนะ!”

เรื่องมาถึง ณ. จุดนี้ ฮูหยินกั๋วกงก็ทำได้แค่ต้องใช้เด็กในท้องมารั้งตัวลู่ม่านไว้เท่านั้นแล้ว “เส้นทางที่เนรเทศไปทั้งลำบากและอันตราย ตอนนี้ครรภ์เจ้าไม่มั่นคง ไม่อาจไปเดินทางสมบุกสมบันได้จริง ๆ ต่อให้เจ้ารั้นจะไปให้ได้ ก็ต้องรอจนกว่าเด็กจะคลอดออกมาก่อน แล้วค่อยไป!”

ลู่ม่านหันไปมองฮูหยินกั๋วกง "ท่านยินดีที่จะให้ข้าไปจริง ๆ หรือเจ้าคะ?"

“เจ้าถึงขั้นมีลูกกับเฉินจื่ออานแล้วนะ ข้ายังจะพูดอะไรได้อีกล่ะ?” ฮูหยินกั๋วกงถอนหายใจดังเฮือก ก่อนจะยกมือขึ้นมาช่วยลูบ ๆ เส้นผมที่ยุ่งเหยิงของลูกสาวให้เป็นระเบียบ

“รอให้ลูกคลอดออกมาแล้ว ข้าจะช่วยเจ้าเลี้ยงเอง พอถึงตอนนั้น ถ้าเจ้าอยากไปหาเฉินจื่ออานก็ไปเถอะ แต่ถ้าไม่อยากไป ก็สามารถรั้งอยู่ในเมืองหลวงได้ รอหลังจากเฉินจื่ออานถูกเนรเทศสามพันลี้แล้ว ข้าจะขอร้องให้พ่อของเจ้าส่งคนไปตามหาว่าเขาอยู่ที่ไหน แล้วเจ้าค่อยไปตอนนั้นก็ได้”

“ไม่เจ้าค่ะ รอข้าคลอดลูกเสร็จเมื่อไหร่ข้าจะไป” ลู่ม่านรีบพูด นางกังวลใจมากจริง ๆ ถ้าหากว่าสายเกินไป เฉินจื่ออานก็อาจจะเกิดเหตุไม่คาดฝันได้

“ได้!” ฮูหยินกั๋วกงพยักหน้า “เช่นนั้นก็รออีกแปดเดือนนะ”

หลังจากตัดสินใจได้แล้ว อารมณ์ของลู่ม่านก็ผ่อนคลายลงไปไม่น้อย เดิมทีท่าทางต่อต้านดื้อรั้นที่แสดงมาตลอดนั้น พอมาถึงตอนนี้ก็ไม่สามารถฝืนทนต่อไปได้ไหวอีก ร่างทั้งร่างส่ายไหวโอนเอน จากนั้นคนก็ล้มหน้าคว่ำลงไปในที่สุด

โชคยังดีที่มีเซียงหยุนช่วยประคองอยู่ข้าง ๆ จึงรีบพานางกลับไปที่รถม้า ก่อนจะส่งกลับไปที่จวนกั๋วกง

เมื่อลู่ม่านตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ก็ล่วงเข้าสู่ช่วงพลบค่ำแล้ว

ข้างเตียงคือหรูเฟิงกับหรูอวี่ เมื่อเห็นว่านางตื่นแล้ว ทั้งคู่ต่างก็ตื่นเต้นยินดีมาก “ฮูหยิน ในที่สุดท่านก็ตื่นแล้วรึ?”

หรูเฟิงพูดจบ ก็เดินตามเหอฉวนขึ้นรถไป “พวกเราจะเร่งเดินทางกันให้เร็วขึ้นหน่อย คิดว่าคงใช้เวลาไม่กี่วันก็น่าจะตามขบวนของนายท่านทันแล้ว เมื่อถึงตอนนั้น พวกเราจะส่งจดหมายกลับมาให้อย่างแน่นอนเจ้าค่ะ!”

รถของทั้งสองค่อย ๆ แล่นจากไปจนไกลลับตา พกพาความคิดถึงคะนึงหาไปจนเต็มคันรถ

ลู่ม่านยืนนิ่งอยู่กับที่ไปครู่ใหญ่ ๆ ร่างกายเริ่มรู้สึกไม่สบายขึ้นมาอีกครั้ง จึงทำได้แค่ต้องกลับไปที่ห้องเท่านั้นแล้ว

เมื่อเดินไปได้ครึ่งทาง จู่ ๆ ก็เหมือนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงถามว่า “เฉินจื่อคังล่ะ?”

หรูอวี่ตะลึงจนตาค้าง “ฮูหยิน ท่านจะไปสนใจเขาทำไมกันเจ้าคะ? ถ้าไม่ใช่เพราะเขา นายท่านก็คงไม่ต้องถูกลากให้เข้าไปให้ติดร่างแหด้วยหรอก”

ลู่ม่านก็ไม่ได้อยากสนใจอะไรเขานักหรอก แต่เพราะในนาทีสุดท้าย เขาก็นับว่าทำตัวเป็นลูกผู้ชายคนหนึ่ง ที่ยอมแบกรับทุกอย่างไว้กับตัวหมด

"ก็แค่ถามดูเฉย ๆ น่ะ"

“เขาถูกตัดหัวไปเมื่อวานนี้แล้วเจ้าค่ะ ได้ยินว่าศพถูกภรรยาของเขานำกลับไปแล้ว”

มู่หรงเซี่ย?

ลู่ม่านพยักหน้า จู่ ๆ ในใจก็เกิดความรู้สึกเศร้าสลดขึ้นมาอย่างกะทันหัน คนเราพอตายไปก็เหมือนตะเกียงที่ดับแสง ทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยทำมาในอดีต ก็จะสลายหายไปเหมือนดั่งควันอันเลือนราง

หลังจากนั้นหลายวันต่อมา ลู่ม่านก็อยู่แต่ในบ้าน หรูอวี่กับเซียงหยุนแทบจะตามปรนนิบัติรับใช้ลู่ม่านราวกับพระโพธิสัตว์ก็ไม่ปาน คอยดูแลอย่างดีชนิดไม่มีขาดตกบกพร่อง

แต่ถึงอย่างนั้น ทุกคนต่างก็ระมัดระวังไม่กล้าเอ่ยถึงเฉินจื่ออานให้นางได้ยิน

ลู่ม่านเองก็มองออกอยู่ แต่ก็ไม่ได้ไปเปิดโปงอะไรพวกนาง แต่กับพวกที่มันให้ร้ายเฉินจื่ออานจนต้องตกอยู่ในสภาพนี้อย่างอ๋องหนิงกับหลี่ยวี่นั่น นางไม่มีวันลืมเป็นอันขาด

ดังนั้น รอจนอาการของนางดีขึ้นบ้างแล้ว ก็เริ่มถามถึงสถานการณ์ตอนนี้ของอ๋องหนิงกับหลี่ยวี่ ที่หรูอวี่ไปสืบจนรู้มาทันที

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน