ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 527

สรุปบท บทที่ 527 เริ่มลงมือ: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน

ตอน บทที่ 527 เริ่มลงมือ จาก ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 527 เริ่มลงมือ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายประวัติศาสตร์ ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน ที่เขียนโดย ฝูเชิง เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

“เจ้าต้องใส่ใจดูแลสุขภาพของตัวเองให้ดี ๆ นะ” ลู่ม่านอดพูดเกลี้ยกล่อมไม่ได้

“แน่นอนอยู่แล้วล่ะ” หลี่หว่านถิงพูด “กลับกัน พี่ก็ต้องระวังด้วยล่ะ แม่ของข้าชี้ขาดไปแล้วว่าพี่รองกับพี่ใหญ่ของข้าต้องตายเพราะตระกูลเฉิน คงจะไม่ยอมปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปง่าย ๆ แน่”

หัวใจของลู่ม่านเต้นระทึก พูดโพล่งออกมาว่า “แล้วเจ้าล่ะ? ถ้ามันเกี่ยวข้องกับข้าหรือตระกูลเฉินจริง ๆ เจ้าจะนึกโทษข้าหรือไม่?”

หลี่หว่านถิงชะงักไปเล็กน้อย "แล้วพวกเขากระทำความผิดจริง ๆ หรือไม่ล่ะ?"

ลู่ม่านพยักหน้า " ฝ่าบาททรงตรวจสอบออกมาแล้ว แน่นอนว่าล้วนเป็นความจริง..... "

“งั้นก็ต้องถือว่ากรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมตามสนอง ทุกคนต่างก็ต้องชดใช้ในสิ่งที่ตัวเองทำลงไป ต่อให้ไม่ใช่ตอนนี้ วันข้างหน้าก็หนีไม่พ้นอยู่ดี” หลี่หว่านถิงพูด นางดูสงบนิ่งมาก จนเหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคนจากตัวนางในยามปกติอย่างสิ้นเชิง

ลู่ม่านอดรู้สึกกังวลไม่ได้ "เจ้าไม่เป็นไรนะ?"

หลี่หว่านถิงหัวเราะอย่างขมขื่น ก่อนจะส่ายหน้า "ข้าจะเป็นอะไรได้ล่ะ?"

“แล้วเรื่องการแต่งงานของเจ้าที่เคยพูดไว้ก่อนหน้านี้เป็นอย่างไรบ้างแล้วล่ะ?” ลู่ม่านรีบถาม

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ หลี่หว่านถิงก็ถอนหายใจเฮือก ในที่สุดก็ดูผ่อนคลายลงไปได้เล็กน้อย “ช่วงนี้ที่บ้านเกิดเรื่องหลายอย่าง เลยไม่มีใครสนใจเรื่องของข้าแล้วล่ะ”

“ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้ว” ลู่ม่านพูด "เจ้าคิดหาเส้นทางของตัวเองให้ดีนะ"

“ได้!”หลี่หว่านถิงพูดจบ คราวนี้ค่อยจากไปจริง ๆ

เซียงหยุนที่อยู่ข้าง ๆ อดทอดถอนใจออกมาไม่ได้ “ใคร ๆ ก็เล่าลือกันว่าจวนอ๋องหนิงมีเกียรติมีศักดิ์ศรียากหาใครเทียบ จวิ้นจู่หว่านถิงก็ถือได้ว่าคาบช้อนทองมาเกิด เติบโตขึ้นมาบนกองเงินกองทอง คิดไม่ถึงเลยว่า คนที่มีภูมิหลังอันสูงส่งเช่นนี้ กระทั่งการแต่งงานของตัวเองก็ยังไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจเอง ยังมีอิสระสู้สาวใช้อย่างพวกเราไม่ได้ด้วยซ้ำ.....”

ลู่ม่านพยักหน้าเห็นด้วย แต่ทันใดนั้นความคิดหนึ่งก็พลันปรากฏขึ้นในใจ

ตอนนี้จวนอ๋องหนิงไม่มีผู้สืบทอดแล้ว ดังนั้น ก้าวต่อไปฝ่าบาทก็จะต้องทรงเลือกผู้สืบทอดจวนอ๋องหนิงคนต่อไปสินะ? ถ้ายึดตามแนวคิดด้านสืบทอดต่อกันตามสายเลือด แน่นอนว่าลูกของอ๋องหนิงย่อมต้องได้รับการสถาปนาให้เป็นผู้สืบทอดคนต่อไป

อ๋องหนิงมีลูกชายกับลูกสาวอย่างละหนึ่งคน แต่พวกเขาต่างก็อายุยังไม่ถึงสิบขวบ ไม่มีทางควบคุมดูแลธุรกิจของทั้งตระกูลไหวแน่ ถ้าหากว่าฝ่าบาททรงเห็นค่าของหลี่หว่านถิงล่ะ? ยิ่งลู่ม่านคิดเรื่องนี้มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งรู้สึกว่ามันไม่เลวเลยจริง ๆ

ถ้าหลี่หว่านถิงได้กลายเป็นผู้สืบทอด เช่นนั้นนางก็จะสามารถควบคุมชีวิตของตัวเองได้ดั่งใจ อย่างน้อยที่สุดในจวนอ๋องหนิง ก็จะไม่มีใครที่มีสิทธิ์มาควบคุมนางได้แล้ว

ขนาดฮ่องเต้ยังเป็นผู้หญิงได้เลย แล้วทำไมตำแหน่งอ๋องจะเป็นไม่ได้ล่ะ?

ขณะที่คิดเรื่องนี้อยู่ จวงลี่จ้งก็เริ่มคารวะสุราแสดงความเคารพแขกเหรื่อแล้ว ลู่ม่านรีบลุกขึ้นยกแก้วไปทางจวงลี่จ้ง การเคลื่อนไหวทั้งหมดนี้ ไปประสานเข้ากับสายตาที่จ้องมองมาของจวงลี่จ้งเข้าพอดี

ลู่ม่านพยักหน้าให้จวงลี่จ้ง แล้วนั่งลงอีกครั้ง

พิธีดำเนินมาถึงตรงนี้ก็ถือว่าเสร็จสิ้นลงเรียบร้อยแล้ว ลู่ม่านจึงเรียกเซียงหยุน “ไปกันเถอะ พวกเราเอาของสิ่งนี้ไปมอบให้คุณชายจวงแล้ว ก็กลับบ้านกันดีกว่า”

นางไม่ค่อยอยากเข้าไปข้องเกี่ยวกับจวงลี้จ้งมากนัก แต่เมื่อได้รับความไว้วางใจจากผู้อื่นมา ก็ควรพยายามทำให้ดีที่สุดสิ

ลู่ม่านถือของไว้ในมือเดินเข้าไป จวงลี่จ้งกำลังคุยกับแขกคนหนึ่งอยู่ เมื่อเห็นลู่ม่านเดินเข้ามา เขาก็รีบจบการสนทนากับแขกคนนั้นทันที ก่อนจะมองมาทางนี้

"เจ้ามาแล้ว"

หลังจากการพูดคุยกันเมื่อวันก่อน ทั้งสองคนก็เริ่มเกิดระยะห่างขึ้นมาเล็กน้อย

แต่ลู่ม่านก็ไม่สนใจ ยื่นของขวัญในมือไปให้จวงลี่จ้งตรง ๆ “เมื่อครู่นี้จวิ้นจู่หว่านถิงเอามา เจ้ารับไว้เถอะนะ!”

จวงลี่จ้งจ้องมองของขวัญชิ้นนั้นพลางขมวดคิ้วมุ่น ลู่ม่านรีบพูดเสริมขึ้นมาอีกประโยคว่า “ต่อให้เป็นแค่เพื่อน เจ้าก็ควรรับไว้นะ ตอนนี้นางอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ดีนัก ของขวัญชิ้นนี้นางถึงกับตั้งใจแอบเอาออกมาจากบ้าน แล้ววิ่งมาส่งให้ถึงที่นี่เชียวนะ....”

จวงลี่จ้งค่อยเหลือบมองเด็กรับใช้ที่อยู่ข้างหลัง "รับไว้เถอะ!"

เด็กรับใช้เข้ามารับของขวัญไป ลู่ม่านก็พูดขึ้นแบบตรง ๆ ไม่มีอ้อมค้อมว่า “ขอแสดงความยินดีด้วย ข้าไปก่อนนะ”

พูดจบ ทั้งสองก็พยักหน้าให้กัน ยิ้มแย้มแล้วปล่อยให้เรื่องทั้งหมดผ่านเลยไป

.............

เป็นไปตามที่ลู่ม่านคาดไว้ไม่ผิด บ่ายวันนั้นฮ่องเต้ก็ทรงมีรับสั่ง ให้แม่ทัพจ้าวกรีธาทัพออกไปทำศึกด้วยตัวเองเลยทีเดียว

มีเทพเจ้าแห่งสงครามอย่างแม่ทัพจ้าวออกศึกเอง ประชาชนต่างก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาก

อาการแพ้ท้องของลู่ม่านเริ่มผ่านไปแล้ว ตอนนี้มาถึงขั้นมีความอยากอาหารที่ดีแล้ว จวนกั๋วกงจึงให้ความสำคัญอย่างยิ่ง ลู่ม่านแทบจะต้องกินอาหารวันละห้ามื้อ แถมทุกมื้อต้องเป็นอาหารที่ไม่ซ้ำกัน

หลังจากกินไปได้เพียงครึ่งเดือน ลู่ม่านก็อ้วนขึ้นมาราว ๆ เจ็ดแปดชั่งเลยทีเดียว

คนเราเมื่ออ้วนขึ้น ร่างกายก็จะเริ่มค่อย ๆ เหนื่อยง่าย ทุกวันหลังจากกินข้าวเสร็จก็จะรู้สึกอยากนอนอยู่ตลอด

ในวันนี้ ลู่ม่านก็หลับยาวไปเกือบ ๆ ครึ่งค่อนวันอีกแล้ว หรูอวี่เข้ามาเตือนนางว่า “ฮูหยิน ถึงเวลาลุกขึ้นมากินข้าวแล้วเจ้าค่ะ”

ลู่ม่านตะกายลุกขึ้นจากเตียงมาด้วยความสะลึมสะลือ แต่ก็ยังจมอยู่ในความสะลึมสะลือไม่หาย “ข้ายังไม่หิวเลย ขอนอนต่ออีกหน่อยเถอะ!”

“อย่านอนอีกเลยเจ้าค่ะ!” หรูอวี่รีบคว้าตัวลู่ม่านไว้ไม่ให้นอนต่อ “วันนี้ทั้งวันจนถึงตอนนี้ท่านยังไม่ได้กินอะไรเลย ถ้ายังนอนต่ออีกฟ้าก็คงมืดพอดีแล้ว”

ลู่ม่านเองก็ยังตกใจแทบแย่ “นี่ข้านอนไปนานขนาดนี้เลยรึ?”

“ใช่เจ้าค่ะ!” หรูอวี่พูดไปพลาง มือก็ยกอาหารมาวางลงบนโต๊ะไปพลาง “ถ้าท่านยังนอนต่ออีก คุณชายน้อยในท้องคงจะประท้วงแน่แล้วเจ้าค่ะ”

ลู่ม่านก็เถียงกลับทุกวัน “เป็นคุณหนูน้อยต่างหาก”

หรูอวี่ไม่สนใจคำโต้เถียงของนาง คีบอาหารที่นางชอบสามสี่อย่างมายื่นให้นาง แล้วพูดว่า “กินเถอะเจ้าค่ะ!”

ลู่ม่านกินอย่างช้า ๆ เอื่อย ๆ ไม่รีบร้อน จากนั้นก็เริ่มหาวหวอดขึ้นมาอีกครั้ง “ไม่ไหว ข้าต้องกลับไปนอนอีกสักหน่อยแล้วล่ะ!”

หรูอวี่ขมวดคิ้วมุ่น “เมื่อครู่นี้ไม่ใช่ว่าเพิ่งตื่นมาหรือเจ้าคะ? ท่านยังกินไปได้แค่ไม่กี่คำเอง!”

คำพูดของหรูอวี่ เหมือนจะช่วยเตือนอะไรบางอย่างให้ลู่ม่าน นางฝืนสู้กับความง่วงงุนที่จู่โจมไม่หยุด ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “หรูอวี่ เจ้าแอบหาคนมาตรวจดูอาหารหน่อย อย่าให้ใครรู้เข้าล่ะ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน