ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 529

สรุปบท บทที่ 529  พอเป็นแม่ก็จะแข็งแกร่งดั่งเหล็กกล้า: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน

สรุปตอน บทที่ 529  พอเป็นแม่ก็จะแข็งแกร่งดั่งเหล็กกล้า – จากเรื่อง ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน โดย ฝูเชิง

ตอน บทที่ 529  พอเป็นแม่ก็จะแข็งแกร่งดั่งเหล็กกล้า ของนิยายประวัติศาสตร์เรื่องดัง ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน โดยนักเขียน ฝูเชิง เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

นางอ้าปากคล้ายอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็ทำเพียงขานรับไปประโยคหนึ่ง "ขอบคุณเจ้าค่ะคุณหนู"

รอจนเซียงหยุนออกไปแล้ว ลู่ม่านก็วางหยกพกครึ่งชิ้นที่นางกำไว้ในมือลง สีหน้าเต็มไปด้วยความผิดหวังและเจ็บปวดใจ

นางลองคาดเดาถึงสาวใช้ทุกคนในจวน แต่หนึ่งเดียวที่นางไม่เคยนึกสงสัยเลย ก็คือเซียงหยุน

แม่สาวน้อยคนนี้ ช่วงที่เริ่มติดตามนางในตอนแรก ๆ ก็ทั้งละเอียดอ่อนช่างใส่ใจ สุภาพและรู้ความอย่างยิ่ง ลู่ม่านยังเคยคิดอยู่ว่า นางจะได้กลายมาเป็นคนสนิทที่รู้ใจกันแบบหรูเฟิง แบบเสี่ยวเย่ว ในสักวันหนึ่ง

ดังนั้น นางจึงปฏิบัติต่ออีกฝ่ายอย่างดีโดยไม่รู้ตัว ในตอนที่สงครามทางภาคเหนือเริ่มขึ้น ลู่ม่านก็มอบเงินให้นางทันที บอกให้นางกลับไปตามหาญาติของตัวเอง

แต่สุดท้าย นางกลับได้รับการตอบแทนแบบนี้

ลู่ม่านนั่งอยู่ในห้องเกือบตลอดบ่าย จนเมื่อถึงเวลาอาหารเย็น หรูอวี่ค่อยพุ่งทะยานเข้ามาจากด้านนอก สีหน้าเต็มไปด้วยความโกรธเคือง

“ฮูหยิน จับได้แล้วเจ้าค่ะ ท่านต้องเดาไม่ถูกแน่ ว่าที่แท้จะเป็นเซียงหยุน นางทำแบบนี้ได้อย่างไรกัน? ฮูหยินดีกับนางถึงขนาดนั้นแท้ ๆ”

ฮูหยินเม้มปากแน่น ค่อยพูดขึ้นว่า “คนอยู่ที่ไหนรึ?”

หรูอวี่ตกใจ “ทำไมท่านดูไม่แปลกใจเลยล่ะเจ้าคะ? หรือว่าท่านรู้อยู่นานแล้ว?”

เมื่อเห็นว่าลู่ม่านยังคงเงียบงัน หรูอวี่ก็พูดว่า “แต่ก็จริง ฮูหยินท่านฉลาดถึงขนาดนี้ ที่เราต้องการก็เหลือแค่หลักฐานเท่านั้นแล้ว แต่สำหรับคนแบบนี้ ท่านไม่จำเป็นต้องไปเสียเวลาห่วงใยใส่ใจอะไรหรอก พวกเราจับนางส่งให้ศาลต้าหลี่ตรง ๆ เลยดีกว่าเจ้าค่ะ!”

"อย่าแหวกหญ้าให้งูตื่น!" ลู่ม่านพูด "นางกับข้าไม่เคยมีความแค้นต่อกัน ไม่มีความจำเป็นอะไรที่ต้องคิดร้ายต่อข้า ถ้าส่งนางไปตอนนี้ จะไม่เป็นการบอกคนที่อยู่เบื้องหลังหรือ ว่าเราจับคนของนางได้แล้ว? ทำแบบนี้ นางก็แค่ไปหาคนใหม่มาลงมืออีกก็เท่านั้น”

แต่ไหนแต่ไรมา หรูอวี่จะเป็นคนที่ชอบเอะอะโผงผาง สมองคิดอะไรเรียบง่าย เมื่อลู่ม่านพูดเตือนนางแบบนี้ นางก็รู้สึกเห็นด้วยตามนั้นจริง ๆ

“ท่านพูดได้ถูกต้องแล้ว เป็นข้าที่ประมาทเกินไป”

พูดจบ นางก็หันหลังกลับเดินออกไปทันที จากนั้นไม่นานก็นำตัวเซียงหยุนซึ่งดูแล้วมีสภาพสะบักสะบอมน้อย ๆ เข้ามาจากด้านนอก

“คุกเข่าให้ฮูหยินเดี๋ยวนี้!” หรูอวี่ร้องสั่ง โยนตัวเซียงหยุนลงไปบนพื้นตรง ๆ

เซียงหยุนคุกเข่าลงกับพื้น ก้มหน้าลงไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว

“ยังไม่ยอมพูดอีกรึ? ว่าทำไมถึงได้ไร้มนุษยธรรมขนาดนี้?” หรูอวี่โกรธมาก นางเรียนวรยุทธ์มาตั้งแต่ยังเด็ก สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับผู้ฝึกยุทธ์ก็คือความซื่อสัตย์ภักดี นางทนเห็นคนที่คิดคดทรยศต่อผู้มีพระคุณแบบนี้ไม่ได้ที่สุดแล้ว!

เซียงหยุนยังคงเงียบงัน ลู่ม่านครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้นว่า “พูดมาเถอะ ข้าเชื่อว่าเจ้าไม่ได้ไร้มนุษย์ธรรมจริง ๆ หรอก คงมีใครบางคนที่ใช้พี่สะใภ้ของเจ้ามาข่มขู่เจ้าใช่หรือไม่?”

หลังจากที่ลู่ม่านกล่าวเช่นนั้น ในที่สุดเซียงหยุนก็ทนไม่ไหวร้องไห้โฮออกมา

“ฮูหยิน ข้าไม่ได้ไร้มนุษย์ธรรมอย่างที่หรูอวี่ว่ามาจริง ๆ นะเจ้าคะ แต่พวกเขาจับครอบครัวพี่สะใภ้ของข้าไป บอกว่าถ้าข้าไม่ยอมให้ความร่วมมือ ก็จะฆ่าพวกเขา ข้าเหลือแค่พวกเขาไม่กี่คนที่เป็นญาติสนิทเท่านั้นแล้ว ข้าไม่มีทางเลือกจริง ๆ เจ้าค่ะ!"

“เป็นใคร?” ลู่ม่านถาม

“เป็น...” เซียงหยุนยังคงมีท่าทีลังเล ลู่ม่านเสริมอีกประโยคว่า "ข้าจะไม่เปิดเผยเรื่องนี้ออกไป"

“เป็นพระชายาเฒ่าหนิงเจ้าค่ะ!” ในที่สุดเซียงหยุนก็ยอมเอ่ยชื่อผู้บงการออกมา

เป็นนางจริงดังคาด!

แต่ก็จริง ในเมืองหลวงแห่งนี้ เพียงคนเดียวที่เป็นปฏิปักษ์กับนางก็คือพระชายาเฒ่าหนิง นางเชื่ออย่างสุดใจว่า เป็นเพราะตระกูลเฉินกับตัวลู่ม่านที่ฆ่าลูกชายทั้งสองคนของนาง โดยเฉพาะหลี่ยวี่

นั่นคือลูกชายแท้ ๆ ที่นางคลอดออกมา เป็นลูกชายที่นางรักใคร่เอ็นดูที่สุด

นางจะไม่แก้แค้นได้อย่างไรล่ะ?

“ยาล่ะ?” ลู่ม่านถาม

เซียงหยุนมือไม้สั่นเทา ล้วงหยิบยาออกมาจากแขนเสื้อ “ฮูหยิน ข้าไม่ได้คิดอยากจะทำร้ายท่านจริง ๆ นะเจ้าคะ ดังนั้นเมื่อไม่กี่วันก่อน ข้าถึงได้ใส่ลงไปแค่นิดเดียว ข้าไม่กล้าไม่ใส่ เพราะกลัวว่าพวกนางจะฆ่าพี่ชายของข้า!”

“ไม่ต้องมาพูดเรื่องไร้ประโยชน์อะไรพวกนั้น!” หรูอวี่พ่นลมออกจมูกพลางเชิดหน้าขึ้น พูดอย่างหยามหยันว่า “เจ้ารู้ทั้งรู้ว่าเด็กในท้องมีความสำคัญต่อฮูหยินเราขนาดไหน หากเจ้าลงมือสำเร็จจริง ๆ มันจะเท่ากับหนึ่งศพสองชีวิตเลยนะ! หลานชายของเจ้าสำคัญใช่หรือไม่? หรือเจ้าจะบอกว่าคุณชายน้อยในท้องฮูหยินเราไม่สำคัญ?”

หรูอวี่ไปทำอาหารเย็นอีกครั้ง หลังจากลู่ม่านกินเสร็จก็ไปพักผ่อน

วันรุ่งขึ้น พอถึงช่วงบ่าย ๆ เซียงหยุนก็เดินเข้ามาบอกกับลู่ม่านว่า “ทำตามวิธีการของท่านแล้วเจ้าค่ะ ข้าบอกพวกนางไปว่า สุขภาพของท่านยิ่งนับวันก็ยิ่งแย่ลงเรื่อย ๆ แล้ว”

“อือ!” ลู่ม่านพยักหน้า รอจนเซียงหยุนออกไปแล้ว ลู่ม่านค่อยพูดกับหรูอวี่ว่า

“ไปเถอะ พวกเราไปเยี่ยมท่านแม่กันดีกว่า”

ช่วงสองสามวันมานี้ เป็นเพราะต้องการจะจับตัวหนอนบ่อนไส้ในจวน ลู่ม่านจึงอยู่แต่ในเรือนตัวเองตลอด ฮูหยินกั๋วกงก็คอยแวะเวียนมาเยี่ยมดูทั้งเช้าค่ำ แต่ก็ไม่กล้าเข้ามารบกวนให้มาก

.......................

ในห้องของฮูหยินกั๋วกง ลู่ม่านเพิ่งจะเดินเข้าไป ก็เห็นกงกงจากในวังหลวงคนหนึ่งเดินสวนออกจากประตูมา

ลู่ม่านพยักหน้าทักทายตามมารยาทไปให้ ก่อนจะเดินเข้าไป “ท่านแม่ เมื่อครู่กงกงท่านนั้นมาส่งราชโองการอะไรหรือเจ้าคะ?”

“เป็นราชโองการของไทเฮาน่ะ ตรัสว่าจะจัดงานเลี้ยงชมดอกเบญจมาศในวัง ข้ามองไม่เห็น ปีก่อนหน้านี้ก็มีทั้งไปบ้างไม่ไปบ้าง ปีนี้ข้าลองคิด ๆ ดูแล้ว อย่างไรก็ส่งคนไปกราบทูลว่าไม่ไปแล้วจะดีกว่า”

“ไปเถอะเจ้าค่ะ!” ลู่ม่านชวน “งานเลี้ยงชมดอกเบญจมาศนี้ จะต้องมีบรรดาฮูหยินทั้งหลายมาร่วมด้วยแน่ ๆ ท่านจะไม่ไปได้อย่างไรกันเจ้าคะ? ข้าได้ยินมาว่าในวังมีดอกเบญจมาศมากมายหลากหลายสายพันธุ์ ยังมีดอกเบญจมาศสีเขียวด้วยนะ ข้ายังไม่เคยเห็นมาก่อนเลยเจ้าค่ะ”

เมื่อได้ยินลู่ม่านพูดด้วยน้ำเสียงที่แสดงความปรารถนาว่าอยากไปดูมาก หัวใจของฮูหยินกั๋วกงก็พลันอ่อนยวบ

“ถ้าเช่นนั้นแม่จะพาเจ้าไปดู ดีหรือไม่?”

“ดีเจ้าค่ะ!” ลู่ม่านพูดโดยฉวยโอกาสจากสถานการณ์นี้ มาใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุด

นี่เป็นโอกาสที่ดีมาก ๆ พระชายาเฒ่าหนิงจะต้องไปร่วมงานด้วยแน่ ฉวยโอกาสจากงานเลี้ยงครั้งนี้ ไม่แน่ว่านางอาจเผยโฉมหน้าที่แท้จริงออกมาก็ได้

นางไม่มีเจตนาที่จะทำร้ายใคร แต่อีกฝ่ายกลับตามมารังแกจนถึงในบ้านตัวเองแล้ว นางย่อมไม่อาจยอมชักเท้าถอย แล้วปล่อยให้เรื่องนี้มันเลิกแล้วต่อกันไปง่าย ๆ ได้เป็นอันขาด อย่างน้อยที่สุดในฐานะคนเป็นแม่ ถึงอย่างไรนางก็ต้องปกป้องลูกของตัวเองให้ดีที่สุด!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน