ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 530

เพียงไม่นานเทศกาลชมดอกเบญจมาศก็เริ่มต้นขึ้น

ฮูหยินกั๋วกงสั่งให้คนช่วยลู่ม่านแต่งตัวให้งดงามสมฐานะ จากนั้นก็ไปพระราชวังด้วยกัน

งานนี้ไทเฮาเป็นผู้จัดขึ้น สถานที่จัดย่อมต้องเป็นวังหลัง

หลังจากมาถึง ลู่ม่านก็กวาดตามองไปรอบ ๆ โดยไม่รู้ตัว เป็นไปดังคาด ยึดตามความมีไมตรีจิตของพระชายาเฒ่าที่มีต่อไทเฮาตั้งแต่เก่าก่อน ครั้งนี้นางจึงมาก่อนตั้งนานแล้ว

ติดแค่ว่าพอเทียบกับเมื่อก่อนแล้ว สีหน้าท่าทางของนางจะดูเย็นชาขึ้นมาเล็กน้อย

ในตอนที่ดวงตาของสองคนทั้งสี่ข้างเกิดมองประสานกัน ลู่ม่านก็จงใจหาวหวอด ๆ แสร้งทำตัวให้ดูเหมือนว่านางง่วงนอนมาก ๆ

พระชายาเฒ่าเห็นดังนั้น ก็รีบเบนสายตาออกไปอย่างรวดเร็ว นี่เท่ากับว่าตบตาได้สำเร็จแล้วเหรอ? ลู่ม่านคิด

“เสี่ยวม่าน?” เสียงของฮูหยินจ้าวดังขึ้นข้างหู ลู่ม่านพลันฟื้นคืนสติกลับมารู้สึกตัวอย่างรวดเร็ว

ใบหน้าของฮูหยินจ้าวเต็มไปด้วยความกระจ่างใสอิ่มเอิบ ทันทีที่นางปรากฏตัวก็สามารถดึงดูดสายตาผู้คนได้มากมาย พอคิด ๆ ดูแล้วน่าจะเป็นเพราะว่าในช่วงหลายเดือนมานี้ นางหมั่นดูแลบำรุงตัวเองตามคำแนะนำของลู่ม่าน จึงทำให้ผลลัพธ์ที่ออกมาน่าอัศจรรย์ใจได้ขนาดนี้

“เจ้าเป็นอะไรไปน่ะ?” ฮูหยินจ้าวถามด้วยความเป็นห่วง “เมื่อหลายวันก่อนได้พบกัน เจ้าก็ไม่ใช่ว่ายังดี ๆ อยู่เลยไม่ใช่หรือ? ทำไมพอมาตอนนี้เจ้าดูเหมือนคนนอนไม่พอเลยล่ะ?”

“ไม่ใช่ว่านอนไม่พอหรอกเจ้าค่ะ แค่เหนื่อยมากเฉย ๆ ” ลู่ม่านตอบ “ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเกิดอะไรขึ้น!”

“เจ้าเป็นอย่างนี้เห็นทีจะไม่ได้การแน่ ต้องไปหาหมอให้ตรวจดูอย่างละเอียดจะดีกว่า”

"ไว้ค่อยคุยกันทีหลังเถอะเจ้าค่ะ!"

ขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกัน ไทเฮาก็เสด็จมาพอดี

หลังจากที่ทุกคนลุกขึ้นทำความเคารพแล้ว ก็พากันยกโขยงไปยังอุทยานหลวงพร้อมกัน

ในอุทยานหลวง เนื่องจากไทเฮาทรงโปรดดอกเบญจมาศ ดังนั้นจึงอุทิศที่ดินส่วนหนึ่งเพื่อใช้ปลูกดอกเบญจมาศโดยเฉพาะ ฤดูกาลนี้ เป็นช่วงต้นฤดูกาลที่ดอกเบญจมาศกำลังเบ่งบานพอดี มองดูแล้วให้ความรู้สึกสดชื่นสบายตา

ทุกคนร่วมชมกันตลอดช่วงเช้า ค่อยกลับไปที่วังของไทเฮาเพื่อเตรียมทานมื้อกลางวัน

ทุกคนเพิ่งจะนั่งลง ก็ได้ยินเสียงขันทีตะโกนมาจากนอกประตูวังว่า "ฮ่องเต้เสด็จ"

ทุกคนจึงพากันค้อมกาย ถวายบังคมฮ่องเต้อย่างพร้อมเพรียงอีกครั้ง

ดูเหมือนฝ่าบาทจะทรงเกษมสำราญไม่เลวเลยทีเดียว ทันทีที่เสด็จเข้าประตูวังมาได้ พระองค์ก็แย้มสรวลพลางตรัสว่า "ลำบากทุกท่านแล้ว วันนี้ในราชสำนักมีข่าวดี แม้ทัพจ้าวรบชนะในศึกสนามแรก ช่างน่ายินดียิ่งนัก มิน่าล่ะฮูหยินจ้าวถึงได้ดูอิ่มเอิบเปล่งประกายขนาดนี้!"

สามีของตัวเองได้รับคำยกย่องชื่นชม ทำไมฮูหยินจ้าวจะไม่รู้สึกยินดีมีความสุขล่ะ?

รอจนฮ่องเต้ประทับนั่งลงแล้ว พระองค์ก็เรียกฮูหยินจ้าวอีกครั้ง “มานั่งข้างหน้านี้เถอะ”

ฮูหยินจ้าวดึงตัวลู่ม่านเข้ามา "ทูลฝ่าบาท หม่อมฉันขอนั่งกับคุณหนูแห่งจวนกั๋วกงนะเพคะ.... "

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฮ่องเต้ก็ทอดพระเนตรมองลู่ม่านอย่างลึกซึ้ง นับตั้งแต่เกิดเรื่องครั้งก่อนจนมาถึงตอนนี้ ก็ผ่านมาได้เกือบจะสองเดือนแล้ว นี่นับเป็นครั้งแรกที่ฮ่องเต้ได้พบลู่ม่าน

แต่อย่างไรฮ่องเต้ก็ยังเป็นฮ่องเต้ ในเมื่อมีการอภัยโทษให้ลู่ม่านไปแล้ว จึงไม่ทรงตรัสอะไรอีก

"ตามสบายเถอะ"

ฮูหยินจ้าวรีบดึงลู่ม่านไปนั่งด้วยกันที่ด้านหน้าทันที เมื่อนั่งได้เรียบร้อยแล้ว ก็เริ่มยกอาหารขึ้นโต๊ะ

การชมดอกเบญจมาศวันนี้ บังเอิญว่าก็เป็นช่วงเวลาที่เหมาะกับการกินปูพอดี ดังนั้นอาหารที่นำขึ้นโต๊ะเสวยวันนี้จึงมีปูเป็นหลัก

ปูเป็นอาหารที่มีธาตุเย็น สตรีมีครรภ์ไม่ควรกินเยอะ นี่เป็นเรื่องจริง แต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นกินไม่ได้เลย

ลู่ม่านกินไปได้ครึ่งตัว พอหันกลับไปก็พบว่าพระชายาเฒ่าหนิงที่นั่งอยู่ในตำแหน่งตรงหน้าตัวเองพอดีกำลังเหม่อลอย ไม่กินอะไรเลยแม้แต่คำเดียว เมื่อฝ่าบาททอดพระเนตรเห็นเช่นนั้น ก็ทรงตรัสถามเป็นพิธีว่า “พระชายาเฒ่าไม่ชอบรสนี้อย่างนั้นหรือ?”

ไทเฮายังกล่าวเสริมอีกว่า “ข้าจำได้ว่าเมื่อก่อนเจ้าชอบกินปูที่สุดนี่!”

ตอนนี้เอง พระชายาเฒ่าค่อยพูดกระท่อนกระแท่นขึ้นมาว่า “ข้าแค่คิดถึงยวี่เอ๋อลูกชายข้า เมื่อก่อนยวี่เอ๋อชอบกินปูที่สุด พอถึงฤดูใบไม้ผลิ เขายังบอกอยู่เลยว่า รอให้ถึงช่วงดอกเบญจมาศบานปีนี้ เขาจะกินปูกับข้า ยวี่เอ๋อของข้าเป็นเด็กที่กตัญญูขนาดนั้น จะแอบสมคบคิดกับศัตรูภายนอกได้อย่างไรกัน? เขาจะต้องถูกคนใส่ร้ายแน่!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน