ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 536

ในอกพลันเจ็บแปลบ ลู่ม่านรีบหันหน้าหนีไปอีกทางทันที

นางคิดว่าเฉินหลี่ซื่อคงจะไม่เสียใจหรอก แต่นางลืมไปว่าต่อให้เป็นคนที่เลวทรามต่ำช้าแค่ไหน ก็ยังเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความรู้สึก

ความขุ่นเคืองในใจที่มีต่อนาง มาถึงตอนนี้ลู่ม่านไม่อาจนึกเคืองจนอยากก่นด่าได้อีกต่อไป ลู่ม่านเรียกให้คนพาเฉินหลี่ซื่อไปส่งกลับห้อง

รอจนหมอตรวจดูอาการตาแก่เฉินเสร็จ ลู่ม่านก็รีบถามว่า "เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ?"

หมอส่ายหน้า เป็นสัญญาณให้ลู่ม่านไม่ต้องกังวลใจ “ไม่ได้มีปัญหาใหญ่อะไร แค่เพราะเศร้าเสียใจเกินไปจนส่งผลให้เป็นลมหมดสติเท่านั้น”

ตอนนี้เองลู่ม่านถึงค่อยรู้สึกวางใจลงไปได้บ้าง เฉินจื่ออานไม่อยู่แล้ว นางต้องพยายามอย่างสุดกำลัง เพื่อดูแลญาติของเฉินจื่ออานให้ดีที่สุดถึงจะเหมาะสม

“รบกวนท่านหมอไปตรวจดูอาการให้แม่ของข้าอีกสักคนเถอะเจ้าค่ะ!” ลู่ม่านกล่าว

เมื่อได้ยินเช่นนั้น หมอก็มองลู่ม่านด้วยสายตาลึกล้ำ ไม่ใช่ว่าหมอตื่นตระหนกตกใจเป็นกระต่ายตื่นตูมอะไรหรอก แค่เพราะหมออยู่ในหมู่บ้านไป่ฮัวมานานหลายปีขนาดนี้แล้ว ยังแทบจะไม่เคยได้ยินลู่ม่านเรียกเฉินหลี่ซื่อว่าแม่มาก่อนเลย

แต่ทุกคนต่างก็รู้เช่นกันว่า ในอดีตเฉินหลี่ซื่อเป็นคนที่ทำตัวไม่น่าเคารพขนาดไหน ดังนั้นจึงไม่มีใครรู้สึกว่าลู่ม่านทำไม่ถูกแม้แต่คนเดียว

“ท่านหมอ?” ลู่ม่านพูดทักขึ้นอีกครั้ง

หมอค่อยกลับมารู้สึกตัว พยักหน้าแล้วตอบว่า "ข้าจะไปดูให้เดี๋ยวนี้แหล่ะ"

ผ่านไปครู่หนึ่ง หมอก็บอกว่า “แม่ของเจ้าแค่เส้นพลิก ไม่ต้องกังวลไป แค่พักผ่อนสักสองสามวันก็หายแล้วล่ะ”

รอจนไปส่งท่านหมอเสร็จ ลู่ม่านค่อยสั่งให้หรูอวี่มาช่วยต้มยา เมื่อเห็นว่าที่นี่มีแค่หรูอวี่คนเดียวก็กลัวว่านางจะทำงานทั้งหมดไม่ไหว ลู่ม่านจึงกลับไปเรียกเหอเย่วมาอีกคน

เรื่องความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในบ้าน เป็นสิ่งที่ทุกคนต่างก็รู้ดี ดังนั้นจึงพยายามหลีกเลี่ยงการพูดถึงเรื่องน่าเศร้าเหล่านั้น เหอเย่วได้รู้เรื่องแล้ว ก็ยังปล่อยให้มันผ่านไปด้วยเหมือนกัน

หลังจากยุ่งวุ่นวายกันอยู่หลายวัน ในที่สุดตาแก่เฉินกับเฉินหลี่ซื่อก็ฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติ

ในเวลาเดียวกัน ในหมู่บ้านก็มีคนจำนวนมากที่คบค้าเป็นเพื่อนที่ดีกับลู่ม่าน พอได้รู้ข่าวว่าลู่ม่านกลับมาแล้ว หลายคนจึงมาเยี่ยมเยียนลู่ม่านถึงบ้าน

แน่นอนว่า ก็มีหลายคนที่กลัวว่าเรื่องของตระกูลเฉินอาจส่งผลกระทบมาถึงตัวเอง จนต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วย จึงไม่กล้าโผล่หน้าแสดงตัวมาเยี่ยมเยือน

ลู่ม่านเองก็แสร้งทำเป็นไม่เห็น เพิกเฉยไม่เก็บเอามาใส่ใจทั้งสิ้น

เจ็ดวันต่อมา ตระกูลเฉินก็จัดพิธีศพแบบเรียบง่ายเพื่อฝังอัฐิของเฉินจื่ออาน คนที่มาร่วมพิธีต่างก็เป็นคนรู้จักคุ้นเคย ทุกคนต่างก็แสดงความไว้อาลัยให้เฉินจื่ออาน

เดิมทีลู่ม่านคิดว่าตัวเองทำใจยอมรับการจากไปของเฉินจื่ออานได้แล้ว แต่เมื่อนางได้เห็นตอนที่อัฐิของเฉินจื่ออานจะถูกนำไปฝังลงดิน นางก็ถึงกับสติแตกไปเลย

นางกอดอัฐินั้นเอาไว้แบบไม่คิดชีวิต กอดจนแน่นชนิดให้ตายก็ไม่ยอมปล่อย

เหมือนกับว่า ขอแค่นางกอดเถ้าอัฐินี้ไว้ เฉินจื่ออานก็จะไม่มีวันจากนางไปไหนแล้ว

เมื่อจวงลี่จ้งเห็นดังนั้น ก็พุ่งเข้ามาตำหนินางเสียงดัง “เฉินจื่ออานจากไปแล้ว ถ้าเจ้ายังยอมรับความจริงข้อนี้ไม่ได้ แล้วจะไปเผชิญหน้ากับอนาคตได้อย่างไร? เจ้าจะเลี้ยงดูสั่งสอนลูกในท้องของเจ้าให้เติบโตขึ้นมาได้อย่างไร?”

ลู่ม่านฟังไม่เข้าหัวเลย “ข้าไม่ต้องการลูก ไม่ต้องการอนาคต ข้าต้องการแค่จื่ออานคนเดียว.....”

เมื่อเฉินหลี่ซื่อเห็นดังนั้น ก็อดร้องไห้จนน้ำตาไหลนองไม่ได้ นางมักรู้สึกว่าความสัมพันธ์ระหว่าง ลู่ม่านกับเฉินจื่ออานนั้น แท้ที่จริงแล้วก็ไม่ได้ดีมากมายอะไรนัก แต่พอมาดูตอนนี้ เหมือนว่านางจะคิดผิดเสียแล้ว

ในช่วงหลายวันมานี้ ลู่ม่านไม่ค่อยได้ดูแลร่างกายตัวเองให้ดีเท่าไหร่ มาตอนนี้ต้องเผชิญกับอารมณ์โศกเศร้าเสียใจหนัก ๆ ร่างกายจึงเริ่มแสดงอาการง่อนแง่นโคลงเคลง จวงลี่จ้งรีบฉวยโอกาสนี้คว้าโกศใส่อัฐินั้นมาเริ่มพิธีฝังลงดินทันที

ลู่ม่านคิดจะไล่ตามไปโดยไม่รู้ตัว แต่ในที่สุดก็หมดสติไปเพราะไร้กำลังจะยื้อต่อ

ระหว่างที่นางหมดสติไป ลู่ม่านรู้สึกเหมือนว่าจะเห็นเฉินจื่ออานส่งยิ้มมาให้

ลู่ม่านยื่นมือออกไปหาอย่างไม่คิดชีวิต ไล่ตามเฉินจื่ออานไปยังทิศทางที่เขาค่อย ๆ ห่างออกไป

แต่เฉินจื่ออานยิ่งเดินกลับยิ่งเร็วขึ้นเรื่อย ๆ นางยกมือขึ้นพยุงท้องใหญ่ ๆ ของตัวเองด้วยกำลังทั้งหมดที่มี เดิมทีคิดว่าคงจะไล่ตามทันแล้ว แต่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนั่นเอง จู่ ๆ เฉินจื่ออานก็หันหน้ากลับมาตำหนินางเสียงดัง

“เจ้ามาที่นี่ทำไม? เจ้าเอาแต่พูดว่าเจ้ารักข้า แต่กระทั่งลูกของข้าเจ้าก็ยังรักษาเอาไว้ไม่ได้เลย ข้าจะไม่มีวันยกโทษให้เจ้าเด็ดขาด!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน