ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 55

ปัดความคิดนี้ไปไม่พูดถึงอีก แล้วลู่ม่านก็บอกว่าเดี๋ยวตอนบ่ายจะขึ้นไปเก็บผลไม้บนภูเขากับเหยาซื่อและหวังเอ้อร์หนิว ผลส้มชนิดนี้กำลังอยู่ในฤดูเก็บเกี่ยว บนภูเขาคงมีเยอะ

แม้เฉินจื่ออานจะเป็นห่วง แต่ก็รู้นิสัยของลู่ม่าน เรื่องที่นางตัดสินใจแล้วไม่มีใครเกลี้ยกล่อมได้

แค่เกลียดตัวเองที่ไม่สามารถไปกับนางได้ ปล่อยให้นางต้องลำบากอยู่คนเดียว

สำหรับเรื่องนี้ ลู่ม่านส่ายหน้าอย่างไม่สนใจ “เจ้าลืมที่ข้าพูดไปแล้วเหรอ สามีภรรยาช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ตอนนี้เจ้าไม่สะดวก ข้าจะดูแลเจ้าเอง ในอนาคตถ้าเจ้าหายดี ข้าจะรอให้เจ้าดูแล!”

เฉินจื่ออานจึงพยักหน้า กระทั่งหลังจากลู่ม่านออกไป เขาลงจากรถเข็นและเริ่มออกกำลังกายในแบบที่ลู่ม่านบอกก่อนหน้านี้ ออกกำลังกายแต่เนิ่นๆ จะได้ดีวันดีคืน

ขณะที่พวกลู่ม่านเดินผ่านหน้าบ้านเฉิน ลานบ้านยังคงมีเสียงร้องไห้โหยหวน จ้าวซื่อไม่แข็งกร้าวเหมือนเมื่อก่อน นางอ้อนวอนด้วยเสียงระมัดระวังมาก “ท่านแม่ ข้าผิดไปแล้ว ต่อไปข้าไม่กล้าอีกแล้ว!”

เฉินหลี่ซื่อไม่ตอบ แต่เรียกเฉินจื่อฉาย “ข้าบอกเจ้าให้เตรียมหนังสือหย่าไง รีบเอาออกมา!”

จากนั้นก็มีเสียงร้องไห้กระจองอแงของเถาฮัวกับสือซ่วน เด็กสองคนนี้ลู่ม่านไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์ด้วยมากนัก แต่ในใจของนาง ยังนับว่าสองคนนี้เป็นเด็กดี

เหยาซื่ออดไม่ได้ที่จะเม้มปาก “ถ้าจ้าวซื่อหย่าแล้ว ชีวิตในอนาคตจะเป็นยังไง ถึงในอดีตจ้าวซื่อจะเลวร้าย แต่ตอนนี้ดูน่าสงสารจริงๆ”

แต่ลู่ม่านไม่คิดอย่างนั้น ตอนจ้าวซื่อถูกเฉินจื่อฉายทุบตีครั้งนั้นไม่น่าสงสารเหรอ แต่ทุกครั้งหลังจากถูกทุบตีเสร็จ สันดานเก่าก็ยังกำเริบเหมือนเดิม

ก่อนหน้านี้ นางยังคิดว่าเฉินจื่อฉายทำรุนแรงเกินไป แต่หลังจากได้มีปฏิสัมพันธ์กับเฉินจื่อฉายหลายครั้ง พบว่าเขาเป็นคนที่นับว่าดี ถ้าจ้าวซื่อไม่เป็นแบบนั้น เฉินจื่อฉายก็คงไม่ทุบตีนาง!

สรุปแล้ว จ้าวซื่อนับว่าก่อกรรมใดไว้ก็รับผลกรรมของตัวเอง

ทั้งสามเดินผ่านด้านนอกไปเงียบๆ ตรงไปที่ภูเขา

หวังเอ้อร์หนิวค่อนข้างรู้สภาพบนภูเขาเป็นอย่างดี ดังนั้นโดยพื้นฐานแล้วพวกเขาจึงใช้เวลาในการหาต้นส้มไม่นานนัก

ข้างบนเต็มไปด้วยส้ม เพราะในภูเขาลึกยังไม่ถูกใครพบเข้า

ทั้งสามคนไม่รอช้าเริ่มเก็บส้มทันที

ต้นส้มที่นี่ต่างจากที่ปลูกโดยคนรุ่นหลัง ต้นส้มที่นี่ไม่รู้ว่าอายุกี่ปีและค่อนข้างสูง โชคดีที่หวังเอ้อร์หนิวปีนต้นไม้ได้ เขาจึงปีนขึ้นไปเด็ด ลู่ม่านกับเหยาซื่อรับด้านล่าง พอตกบ่ายก็เก็บได้สามตะกร้าเต็มๆ

ระหว่างทางกลับ ลู่ม่านกำลังคิด ถ้าในอนาคตไม่ว่าง มีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น จะให้มาปีนเองอยู่ตลอดก็ไม่ใช่เรื่อง ดูท่าแล้วต้องคิดหาวิธี

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ส้มมันไม่เบาเท่าดอกเก๊กฮวย ระหว่างทางหลายครั้งที่ลู่ม่านรู้สึกว่าตัวเองจะทนไม่ไหว เพราะไม่เคยทำงานเหนื่อยขนาดนี้มาก่อน!

แต่เหยาซื่อคล่องแคล่วมาก พูดคุยหัวเราะตลอดทาง แม้จะช้าหน่อย แต่ไม่นานก็ถึงบ้าน

ท้องฟ้าค่อนข้างมืดแล้ว นอกบ้านเฉินไม่มีการเคลื่อนไหว เหยาซื่อกับหวังเอ้อร์หนิวไปส่งส้มที่บ้านของลู่ม่านด้วยกัน

เพิ่งมาถึงประตูบ้านก็ต้องตกใจกับรถม้าสูงใหญ่หน้าประตู เหยาซื่อหันขวับมองลู่ม่าน “ที่บ้านมีแขกมาหาหรือเปล่า”

ใจลู่ม่านเหมือนจะรู้ จึงพยักหน้า

เหยาซื่อกับหวังเอ้อร์หนิวเห็นดังนั้นจึงไม่เข้าไป พวกเขาวางส้มไว้ตรงลานบ้านแล้วจากไป

ลู่ม่านจึงวางส้มลงตาม เพิ่งตกถึงพื้นก็ได้ยินเสียงของผู้ดูแลร้านภัตตาคารเฟิ่งหลายดังมา “แม่นาง ในที่สุดเจ้าก็กลับมาแล้ว!”

ซึ่งลู่ม่านพอเดาได้ว่าเป็นเขา ดังนั้นจึงไม่แปลกใจนัก พูดน้ำเสียงบางเบา “ทำไมผู้ดูแลร้านถึงว่างเช่นนี้”

“แม่นางอย่าล้อข้าเล่นเลย แน่นอนว่าข้ามาที่นี่เพราะผลไม้กวน!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน