ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 64

สรุปบท บทที่ 64 บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน

สรุปตอน บทที่ 64 บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป – จากเรื่อง ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน โดย ฝูเชิง

ตอน บทที่ 64 บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ของนิยายประวัติศาสตร์เรื่องดัง ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน โดยนักเขียน ฝูเชิง เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

จึงหยิบเอาแครอทและพวกผักสด มาทำสลัดผัก จากนั้นก็เริ่มหมักแป้งและนึ่งแป้ง!

ครั้งที่แล้วเธอเคยลองนึ่งแป้งมาแล้ว หั่นเป็นแผ่นบางๆ แล้วทาด้วยผลไม้กวนกินแล้วอร่อยถูกปากมาก

รอจนนึ่งแป้งเสร็จเรียบร้อยแล้ว คนที่ผู้ดูแลร้านช่ายเรียกให้ไปซื้อของก็กลับมาแล้ว ลู่ม่านจึงเอาเครื่องเทศพวกนั้นใส่เกลือเพิ่มผัดจนสุกเรียบร้อยแล้ว จึงเรียกให้เฉินจื่ออานนำพวกนั้นวางในเครื่องบดและจัดการบดให้ละเอียด จากนั้นจึงนำผงละเอียดมาใส่ลงในแป้ง และนวดแป้งจนทำออกมาเป็นเส้นก๋วยเตี๋ยว จากนั้นจึงนำไปนึ่งให้สุกในหม้อ

หลังจากน้ำมันในหม้อร้อนแล้ว จึงนำเส้นก๋วยเตี๋ยวที่นึ่งจนสุกแล้วใส่ลงในน้ำมันเดือด เมื่อเอาออกมาแล้วทั้งหมดทั้งกรอบน่าอร่อย

การทำบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในแบบทำเองก็ออกมาแล้ว ลู่ม่านรีบเก็บงำความยินดีในโอกาสทางธุรกิจที่เพิ่มขึ้นอีกอย่างเอาใจในก้นบึ้งหัวใจ

หลังจากทำบะหมี่สำเร็จรูปออกมาแล้ว จึงหาจานดีๆ มาหนึ่งจาน มีผักที่ล้างสะอาดแล้วรองไว้บนจาน จากนั้นก็นำแป้งแผ่นกรอบเป็นชิ้นจัดเรียงไว้ด้านนอก และทาผลไม้กวนไว้ด้านบน

สุดท้าย ลู่ม่านก็หยิบจานเปล่ามาหนึ่งใบ และเทผลไม้กวนลงไปโดยไม่เพิ่มสิ่งใดลงไป

จากนั้นก็หยิบน้ำอุ่นขึ้นมาหนึ่งแก้วและเทน้ำผลไม้กวนลงไป การทำเช่นนี้ถือว่าเป็นการเตรียมอาหารที่เกี่ยวข้องกับผลไม้กวนไว้ทั้งโต๊ะ

เมื่อยกสิ่งของออกไป จวงลี่จ้งเห็นผลไม้กวนสีเหลืองนวลคู่เคียงกับอาหาร ถือว่าเบื้องหน้าช่างเปล่งประกายมาก พลันจิบน้ำผลไม้กวนก่อนหนึ่งอึก มุมปากของเขาค่อยๆ ยกขึ้น

รสชาติเปรี้ยวอ่อน หวานแต่ไม่เลี่ยน ถือว่าไม่เลวเลย

แถมยังมีขนมปังที่สอดไส้ผลไม้กวนไว้ด้วย เขาพยักหน้าเล็กน้อย “มองจากลักษณะนี้แล้ว แป้งนึ่งที่ไม่มีไส้ก็ไม่ได้กลืนลงคอยากอีกต่อไปแล้ว”

จนสุดท้าย สายตาของเขาก็จับจ้องอยู่ที่เส้นบะหมี่กรอบที่อยู่บนผลไม้กวน จึงหยิบเอาแป้งที่โค้งจนเป็นเกลียวหนึ่งอัน วางอยู่ทางด้านหน้า เขาจ้องมองเส้นนี้อย่างแปลกใจมากราวกับของเล่นที่เหมือนกับแมลงอย่างไรอย่างนั้น

“นี่คืออะไรหรือ?”

ลู่ม่านตอบตามความจริง “นี่คือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเจ้าค่ะ”

“บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปงั้นหรือ?” จวงลี่จ้งสนใจ “สำเร็จรูปอย่างไรเล่า?”

เมื่อครู่ลู่ม่านได้ตั้งใจทำเผื่อไว้สองอัน เดิมก็อยากให้เฉินจื่ออานได้ลองชิมของสดใหม่ แต่ตอนนี้จวงลี่จ้งถามถึงแล้ว นางจึงเดินไปเอาออกมาจากด้านใน

ต่อหน้าจวงลี่จ้ง เธอหาชามมาหนึ่งชาม วางบะหมี่ลงไปด้านใน จากนั้น ก็เติมน้ำเดือด และหยิบเกลือใส่ลงไป

หลังจากเครื่องเทศโดนน้ำแล้ว กลิ่นหอมหวนโดนน้ำร้อนจนพวยพุ่งตีขึ้นมา ผู้ดูแลร้านช่ายที่อยู่ด้านหลังถึงกลับอดใจไม่ไหวจนพูดชมเชยออกมา “หอมมากจริงๆ!”

ความจริงแล้วลู่ม่านไม่พอใจกับสิ่งนี้สักเท่าไหร่ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในยุคปัจจุบันหอมกว่านี้มาก อีกอย่าง เมื่อมีถ้วยสำเร็จรูปมาให้ยิ่งสะดวกมากกว่าเดิม

แต่ การนำมาจัดการกับคนยุคโบราณที่พื้นฐานไม่เคยลองเครื่องเทศเหล่านี้สักเท่าไหร่ ถือว่าเป็นเรื่องที่เกินพอแล้ว

หลังจากทำเสร็จแล้ว ลู่ม่านจึงหยิบเอาสิ่งของอย่างหนึ่งเพื่อนำมาปิดบนชามเอาไว้ หลังจากนั้นผ่านไปหลายนาที นางจึงเปิดฝาออก “ทานได้แล้ว!”

ใบหน้าอันเย็นชาของจวงลี่จ้งในที่สุดก็เปิดเผยอารมณ์ที่แตกต่างกันไปออกมา “แค่นี้หรือ? ไม่ต้องต้มนานๆ หน่อยเหรอ?”

“ไม่ต้องแล้วค่ะ!” ลู่ม่านพูดจบ พลันน้ำชามถ้วยนั้นดันไปทางด้านหน้าของจวงลี่จ้ง “ลองสักหน่อยเถิด?”

หัวคิ้วของจวงลี่จ้งขมวดแน่น ผู้ดูแลร้านช่ายที่อยู่ทางด้านหลังเมื่อเห็นเหตุการณ์จึงรีบกล่าวทันควัน “คุณชายรอง ให้ข้ากินแทน...”

จวงลี่จ้งยกมือขึ้นเพื่อห้ามปรามเขาเอาไว้ ช่างน่าตลกขบขันจริง เขาเป็นถึงคุณชายรองของตระกูลจวงแท้ๆ ถ้ามีของเล่นแปลกใหม่ยังไม่กล้าลองแล้วล่ะก็ ภายภาคหน้าจะเอาอะไรไปสู้รบกับคนอื่นได้เล่า?

เมื่อคิดได้เช่นนี้ เขาจึงหยิบตะเกียบขึ้นมาและคีบบะหมี่หนึ่งเส้นเข้าปาก

แป้งบะหมี่หมักได้ดีมาก เหนียวนุ่มยืดหยุ่น ประเด็นสำคัญคือ ตัวบะหมี่เองก็มีรสชาติ ไม่เหมือนบะหมี่น้ำซุปแบบต้นตำรับทางนี้ พื้นฐานของบะหมี่อาศัยน้ำซุปในการปรับสภาพ

การกินเช่นนี้ ถือว่าถูกใจจริงๆ

จึงกินติดกันอีกหลายคำ เขาจึงวางตะเกียบลงและทำท่าทางนิสัยเสียออกมา “ถ้าซุปนี้ดีอีกนิด ก็จะอร่อยกว่านี้แน่”

ชิ!

ลู่ม่านอดใจไม่ไหวจนเหลือบมองเขาอยู่สองครั้ง คิดไม่ถึงเลยคุณชายรองจวงท่านนี้ถือว่ามีระดับในการชื่นชมมาก นางแค่ใช่น้ำร้อนแบบธรรมดาเทลงไปเท่านั้น ต้องไม่ค่อยเป็นยังไงอยู่แล้ว

หากใส่น้ำซุปเคี่ยว และยังมีซองเครื่องปรุงในยุคปัจจุบันใส่ลงไปงั้นก็ต้องกล่าวว่าเป็นอาหารเลิศรสอร่อยที่สุดในโลกแล้ว

เหยาซื่อและคนอื่นๆ ระยะนี้คอยช่วยเหลือลู่ม่านมาตลอด และลำบากมากเช่นเดียวกัน ลู่ม่านอยากจะขอบคุณพวกนางจากใจจริง

อาหารคิดค้นใหม่อันนี้ของลู่ม่าน เหยาซื่อแปลกใจมาก เด็กทั้งสามคนก็ยิ่งชอบมาก เด็กๆ ต่างชื่นชอบสิ่งของที่ค่อนข้างมีรสชาติ

หลังจากกินกันอย่างอิ่มหมีพีมันกันแล้ว เด็กทั้งสามคนก็เล่นกันอยู่ที่นั่น ลู่ม่านจึงเข้าใจถึงสถานการณ์การซื้อส้มในช่วงหลายวันนี้

เมื่อเหยาซื่อได้ยิน จึงย่นคิ้วหากัน “ข้าก็อยากจะพูดกับเจ้าเช่นกัน สองวันนี้จำนวนเริ่มลดลงแล้ว”

ซึ่งใกล้เคียงกับความคาดเดาของลู่ม่านไม่ผิด หมู่บ้านไป่ฮัวเป็นหมู่บ้านขนาดใหญ่ มีจำนวนคนในหมู่บ้านหนึ่งร้อยหลังคาเรือน ภูเขาลูกนี้แล้วยังภูเขาลูกนู่นด้วย ต้นส้มที่อยู่ด้านบน ไม่นานนักก็ย่อมหมดไป

“รับซื้ออีกสองวันเถอะ รอผ่านอีกไม่กี่วัน เราค่อยเริ่มขายผลไม้กวนกันได้แล้ว!”

เหยาซื่อได้ยินก็ดีใจทันที “เจ้าคิดไว้เรียบร้อยแล้วหรือ? ข้าก็ว่าแล้ว อยู่กับเสี่ยวม่านไม่จำเป็นต้องใช้สมองขบคิด โชคดีที่ข้าก็โง่อยู่แล้ว!”

ลู่ม่านเม้มริมฝีปากแอบหัวเราะ “นี่ข้าก็เพราะเบื่อที่ไม่มีอะไรให้ทำ จึงคิดไว้ให้เยอะๆ”

“งั้นได้สิ เจ้านี่ ภายภาคหน้าก็นั่งคิดหาวิธีคุมงานอยู่ในบ้าน พวกเราทำตามคำสั่งของเจ้า”

ทั้งสองคนหัวเราะเป็นเสียงเดียวกัน เสี่ยวเฉ่าที่อยู่ด้านข้างมองทั้งสองคนอย่างแปลกประหลาด แต่เสี่ยวเซียง มีอายุโตกว่า จึงปรบมือและหัวเราะตาม “ข้าก็อยากออกคำสั่งด้วย”

เหยาซื่อเหลือบมองเธออย่างตำหนิ “เจ้าจะออกคำสั่งอะไรหรือ?”

“ออกคำสั่งให้...” คำถามนี้ทำให้เสี่ยวเซียงค้างอยู่กับที่ เธอเกาศีรษะ พลันหันไปมองเสี่ยวเป่าที่กำลังแทะมือเล็กจนมีเสียงจุ๊บจิ๊บเสียงดังออกมา จึงพูดว่า

“ออกคำสั่งกับเสี่ยวเป่าไง!”

เหยาซื่อหัวเราะร่าเสียงดัง “เจ้าก็ออกคำสั่งกับเสี่ยวเป่าได้เท่านั้นแหละ”

ลู่ม่านก็หัวเราะพร้อมทั้งโต้แย้งกลับ “พูดแบบนี้ไม่ได้นะ ไม่แน่เสี่ยวเซียงของเราเติบโตขึ้น จะกลายเป็นคนเก่งกล้าแล้ว”

เหยาซื่อหัวเราะต่ออย่างไม่ลดละ “งั้นข้าก็ไม่กล้าจะคิดเลย การใช้ชีวิตของตนเองให้มีความสุขได้ก็พอแล้วแหละ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน