ตอน บทที่ 67 หาทางออกจนเจอ จาก ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 67 หาทางออกจนเจอ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายประวัติศาสตร์ ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน ที่เขียนโดย ฝูเชิง เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
ไม่ว่าจะเป็นคนในยุคสมัยไหนก็ตาม มักจะเกิดความรู้สึกเป็นอริศัตรูกับบุคคลที่ไม่เหมือนพงศ์เผ่าของตนเองอยู่เสมอ กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ การตระหนักถึงการปกป้องตนเอง
ยิ่งไปกว่านั้น เฉินจื่ออานเป็นเพียงคนในสมัยยุคโบราณ
ลู่ม่านจะประณามเขาไม่ได้ เพราะว่าเขาเองก็เป็นห่วงตนเองเช่นเดียวกัน ได้แต่พูดปลอบใจ “พรุ่งนี้เราจะออกไปด้วยกัน หากไปดูแล้วมันไม่ดี ไม่เอาก็ได้นี่”
เฉินจื่ออานจึงได้วางใจลงได้หน่อย หลังจากทั้งสองคนอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงเข้านอน
เช้าวันถัดมา ลู่ม่านกับเฉินจื่ออานคืนห้องให้ เพื่อเตรียมถือวิสาสะหลังจากที่ดูเสร็จแล้ว ก็จะกลับทันที
เพิ่งจะออกจากประตู จ้าวหลินก็พุ่งเข้ามาหาทันที
“แม่นาง ข้าขอไปด้วย”
ลู่ม่านยิ้มพูด “เจ้าพูดว่าเขาเป็นคนหลอกลวงไม่ใช่หรือ? อยากจะไปจริงๆ ใช่หรือไม่?”
“ไปสิ ทำไมจะไม่ไปเล่า? เป็นเพราะว่าเขาเป็นคนหลอกลวงข้าจึงต้องการไปเปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงของเขา”
ลู่ม่านเห็นเขา ความจริงก็รู้สึกว่าเหมือนเด็กที่โมโหคนหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้น อายุอานามของเขาก็ไม่มากนัก มองดูเหมือนสิบปลายๆ เช่นนั้น
ในยุคสมัยนี้ คนที่มีอายุสิบกว่าปีก็ออกมาใช้ชีวิตกันเองแล้ว จะไปเหมือนกับในยุคปัจจุบันที่ไหนกัน คนอายุประมาณนี้ อยู่บนหอคอยงาช้างกันทั้งนั้น
“ตกลง ไปกันเถอะ”
วันนี้ตื่นแต่เช้า ทั้งสามคนรีบมุ่งหน้าไปยังตอนใต้ของเมือง ท้องฟ้ากำลังสว่างขึ้นมาพอดี
ตอนใต้ของเมือง คนต่างเมืองที่รูปร่างสูงใหญ่คนหนึ่งรออยู่ตรงบริเวณนั้นหลายชั่วยามแล้ว และมีคนที่เดินอยู่บนถนนที่อยู่โดยรอบ ต่างแหงนหน้าประเมินเขาอยู่เรื่อยๆ
แคสเผยสีหน้าแววตาที่ดูเคร่งเครียดออกมา
เมื่อเฉินจื่ออานมองเห็นสถานที่แห่งนี้ ความสงสัยที่อยู่ในใจผ่อนคลายลงเล็กน้อย คนจริงจังเช่นนี้ ไม่เหมือนคนหลอกลวงจริงๆ
เมื่อเห็นว่าพวกเขามากันแล้ว แคสถึงได้ถอนหายใจโล่งอก
“ข้าคิดว่าพวกท่านไม่อยากได้มะนาวของข้าเสียแล้ว”
“เป็นไปได้อย่างไรกัน?” ทว่าลู่ม่านในเวลานี้ต่างก็พึ่งพาสิ่งของนั้นอยู่ ไม่เพียงแต่ในเวลานี้ยังมีอนาคตอีกด้วย นางยังเตรียมทำผลไม้กวนไว้อีกมากมายออกมา และยังมีอาหารเลิศรสอย่างอื่นอีกเล็กน้อย
สิ่งของมากมาย ต่างไม่สามารถละทิ้งมะนาวได้เลย
หลังจากทักทายกันแล้ว หลายคนก็มุ่งหน้าไปยังคลังสินค้าที่แคสเอ่ยถึง
เดิมที ลู่ม่านคิดว่าสภาพของแคสในเวลานี้คงใกล้ยากจนข้นแค้นจนต้องไปนอนกลางดิน กินกลางทรายเสียแล้ว คลังสินค้าที่เอ่ยถึงน่าจะเป็นบ้านเก่าๆ เทือกนั้น จึงค้นพบว่าบริเวณนั้น กลับคาดไม่ถึงว่าเป็นคลังสินค้าจริงๆ ด้วย
ไม่เพียงแค่นั้น บริเวณที่เขาเช่า ทุกวันต้องจ่ายค่าเช่าเป็นเงินสามเหวิน ถือว่าฟุ่มเฟือยมาก
ดังนั้น แคสจึงกล่าวว่า มะนาวราคาแพงกว่าทอง เขากลัวจะทำให้เสียหาย
ความสงสัยของเฉินจื่ออานที่มีต่อเขาลดระดับลงอีกครั้ง คนที่หวงแหนพืชผลทางการเกษตรจากใจจริง แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเขาให้ความสำคัญมากกับมะนาวเหล่านี้จริงๆ
วินาทีที่เปิดประตูหน้านั้น แคสสอบถามลู่ม่านอย่างระแวะระวัง “ไม่ทราบว่าพวกท่านเตรียมจะซื้อมะนาวสักกี่มากน้อยหรือ?”
ลู่ม่านมีความมั่นใจมาก “เจ้ามีอยู่เท่าไหร่ล่ะ?”
แคสดวงตาเปล่งประกาย แต่กลับไม่ได้แจ้งจำนวนในทันที แต่กลับสอบถามกลับมาหนึ่งประโยค “ท่านจะเอาไปทำอะไรตั้งมากมายถึงเพียงนี้? แม้ว่าสิ่งของนี้จะเป็นของไม่เลว แต่เยอะเกินไป มันก็ไม่ค่อยดี”
อะนะ? แหมยังคิดแทนพวกนางอีก ในที่สุดจ้าวหลินที่คอยจับตามองแคสก็อดส่งเสียงพึมพำไม่ได้ “ตอนที่หลอกข้าในตอนนั้น ไม่เห็นว่าเจ้าจะใจดีถึงเพียงนี้เลย”
“หลิน ข้าเคยอธิบายแล้ว ตอนนั้นเจ้าต้องการไม่มาก แค่ประมาณหนึ่งร้อยชั่งเอง”
“แล้วหนึ่งร้อยชั่งไม่ใช่เงินหรืออย่างไร? เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าขายนานขนาดไหน? ข้าวิ่งขายตำบลรอบๆ ...” จ้าวหลินยิ่งพูด กลับแสดงความน้อยเนื้อต่ำใจออกมา
ลู่ม่านรีบขัดจังหวะการถกเถียงของพวกเขา “เจ้าวางใจเถิด ข้าเข้าใจมะนาวเป็นอย่างดี และจะไม่มีความคิดเข้าใจเจ้าผิด เจ้าแจ้งกับข้ามาเถิดว่าเจ้ามีอยู่จำนวนเท่าไหร่ก็พอแล้ว”
“สามร้อนกว่าชั่ง!” แคสกล่าวพูด
เมื่อมาถึงที่ตำบล เป็นเวลาบ่ายแล้ว ลู่ม่านมองเห็นรถมะนาวคันนี้ จู่ๆ ก็รู้สึกเกิดปัญหาขึ้นมา
ในหมู่บ้าน ไม่ต้องพูดถึงคนอื่น คนแรกที่อยากเข้ามาตามจับนางก็คือเฉินหลี่ซื่อ หากเฉินหลี่ซื่อรู้ถึงความลับของมะนาว นางกล้ารับประกันเลยว่าต้องแย่งไปอย่างไม่ต้องสงสัยอย่างแน่นอน
ดังนั้น เรื่องมะนาวเรื่องนี้ยังต้องปิดบังให้เป็นความลับ
เฉินจื่ออานไม่ได้คิดถึงเฉินหลี่ซื่อ เขาแค่รู้สึกว่าเรื่องผลไม้กวนนี้แพร่กระจายไปหมู่บ้านไป่ฮัว มีคนในหมู่บ้านที่คอยมองพวกเขาก็มีมากมาย มะนาวเป็นปัจจัยสำคัญ จึงจำเป็นต้องระมัดระวังไว้บ้าง
เมื่อเอามารวมกัน ทั้งสองคนจึงตัดบทบอกลาแคสกับจ้าวหลินตรงตำบล
และ ก่อนหน้าจะที่จากลา นางได้แจ้งแก่แคส ตนเองต้องการร่วมงานกับเขาอย่างยาวนาน หวังว่าเขาสามารถช่วยนางนำผลไม้จากก่อนโรมาที่ก่อนราชวงศ์ถังไม่มีมาให้เพิ่มมากขึ้น
แคสตกปากรับคำ กระทั่งลู่ม่านเดินไปแล้ว เขาถึงได้กล้าเชื่อว่าสิ่งที่ลู่ม่านพูดเป็นความจริง กระทั่งเห็นลู่ม่านจ่ายเงินค่ามะนาวให้แก่เขา ด้วยเงินถุงใหญ่หนักอึ้ง
เขาถึงเหมือนตื่นหลุดออกมาจากความฝัน จนโอบจ้าวหลินและหัวเราะดังลั่นจนอดใจไม่ไหว “หลิน ได้ยินหรือไม่? ในที่สุดมะนาวของข้ามีทางออกแล้ว”
จ้าวหลินผลักเขาออกอย่างรังเกียจ “นั่นจะอย่างไรเล่า? เรื่องที่เจ้าหลอกข้า ยังไม่ทันจบนะ!”
แคสรีบไล่เดินตาม “ข้าพูดทั้งหมดแล้ว ข้าไม่ได้หลอกเจ้า....”
“ยังไงเจ้าก็หลอกลวงข้าไปแล้ว เจ้าทำให้เขาต้องวิ่งไปยังหลายสถานที่ถึงได้ขายมะนาวเหล่านั้นจนหมด”
“ทว่า หากเจ้าไม่ไปหลายๆ สถานที่ เช่นนั้นเจ้าก็จะไม่รู้จักแม่นางลู่ท่านนี้ใช่หรือไม่? หลิน เจ้าเป็นดวงดาวนำโชคของข้านะ”
“ข้ายังโกรธเคืองอยู่นะ...”
“อย่าโกรธเคืองเลย อย่างมากข้าจะแบ่งรายได้จากการขายมะนาวของข้าให้ท่านเล็กน้อย”
“เล็กน้อยเท่านั้นหรือ?”
“เพิ่มอีกเล็กน้อยสิ...”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน
เป็นพอ.ที่กลับกรอก เป็นที่พึ่งไม่ได้เลย ยอกจะออกจากครอบครัวเลวๆนี่ไม่จริงอีก ภาระของนางเอก ถ่วงแข้งถ่วงขาจริงๆ...
เด็กไม่ตายเพราะแม่คลอดยากจะตายเพราะคนรับใช้ป้อนโจ๊กข้าวจนอิ่มตื้อ รอดได้คือดวงแข็งเว่อ...
อ่านไป งงไป ตัดสินประหาร หรืออภัยโทษ?...
หม่อมข้า? ใช้ MS Word ไม่ระวังเลย...
ตั้งแต่ต้นจนถึงตอน 337 แล้ว โดยภาพรวมพระเอกไม่ค่อยมีเสน่ห์ ไม่เฉียบแหลมเลย...
อะไรจะมีปมขนาดนั้น วุ่นวายตอกย้ำเหลือเกินเกี่ยวกับระบบศักดินา ทั้งที่มันเป็นคนละยุคสมัยกัน...
ตอน285-287 หายทำไงดี...
ตอนหายค่ะ 284แล้วกระโดดไป288เลยค่ะ...
บท 285-287 หายค่ะ 284แล้ว288เลย รบกวนด้วยค่ะ...
281-311 รบกวนด้วยค่ะ...