ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 68

สรุปบท บทที่ 68 การค้นพบครั้งใหม่: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน

สรุปเนื้อหา บทที่ 68 การค้นพบครั้งใหม่ – ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน โดย ฝูเชิง

บท บทที่ 68 การค้นพบครั้งใหม่ ของ ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน ในหมวดนิยายประวัติศาสตร์ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย ฝูเชิง อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

หลังจากลู่ม่าน เฉินจื่ออานกับแคสและคนอื่นๆ แยกย้ายกันแล้ว จึงมุ่งหน้าไปยังประตูเมืองเพื่อไปเอาเครื่องคั้นน้ำผลไม้ที่บีบคั้นด้วยมือที่สั่งทำไว้เมื่อวานนี้เอากลับมาด้วย

สิ่งของเล็กๆ สองอย่าง ลู่ม่านใช่เงินไปประมาณสิบเหวิน แต่ลู่ม่านรู้สึกว่าคุ้มค่ามาก จากนี้ไป เธอสามารถช่วยเฉินจื่ออานบีบน้ำมะนาวด้วยกันได้แล้ว

เมื่อกลับมาถึงหมู่บ้านไป่ฮัว ทั้งสองคนจึงนำมะนาวเข้าไปทางด้านหลังภูเขาของหมู่บ้านไป่ฮัว มุ่งหน้าไปยังป่าทางนั้น และให้วัวเทียมเกวียนที่ว่าจ้างมากลับไป

แม้ว่าถนนหนทางบนภูเขาไม่ได้เดินสะดวกเท่าถนนใหญ่ แต่ยังมีสถานที่อีกมากมายที่มีคนขึ้นภูเขาในระยะเวลาอันยาวนาน จนเดินย่ำกันเป็นถนนเส้นเล็กๆ การนั่งอยู่บนวัวเทียมเกวียนก็ไม่ได้ลำบากมากนัก

ทั้งสองคนแอบนำมะนาวซ่อนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งในภูเขาลึก ครั้งที่แล้วลู่ม่านเคยไปหาเห็ดในบริเวณนั้นกับเฉินจื่ออาน เนื่องจากความสมบูรณ์ที่ผ่านไปตามช่วงอายุ ต้นไม้ทั้งสามเจริญเติบโตพร้อมกันจนสูงแผ่ขยายกิ่งก้านสาขาใกล้กันมาก

ทางด้านล่างมีโพรงต้นไม้จากธรรมชาติอยู่โพรงหนึ่ง สามารถซ่อนสิ่งของไว้ด้านในเยอะมาก อีกอย่าง ถูกค้นพบได้ไม่ง่ายเลย

หลังจากทั้งสองคนซ่อนมะนาวเรียบร้อยแล้ว จึงได้นำหนึ่งตะกร้าลงจากเขา

พวกนั้นที่เหลือ พวกเขาเตรียมรอโอกาสเหมาะค่อยๆ มาเอากลับไป ยังดี ตอนนี้เป็นหน้าหนาว วางไว้ตรงนี้ก็ไม่กลัวว่าจะเสียหาย

แต่ว่า นี่ไม่ใช่แผนระยะยาว ลู่ม่านยังวางแผนเอาไว้บางทีในปีหน้านางก็น่าจะเก็บเงินได้พอประมาณ และสร้างบ้านได้สักที

จากนั้น ก็สามารถแยกบ้านกับสถานที่ทำงานทางนั้นจากกันได้

การทำเช่นนี้ ก็ไม่ต้องเหมือนเหตุการณ์หัวใจถูกแขวนอยู่บนเส้นด้ายอย่างเช่นในเวลานี้

เมื่อกลับมาถึงบ้าน เหยาซื่อกำลังอยู่ในลานบ้าน

เมื่อเห็นว่าพวกนางเข้าประตูมาแล้ว เหยาซื่อถอนหายใจโล่งอก “เห็นว่าท้องฟ้าจวนจะมืดครึ้มแล้ว พวกท่านยังไม่กลับมากันอีก ข้ายังคิดว่าเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าอยู่เลยเนี่ย?”

ลู่ม่านกล่าวขอบคุณเหยาซื่อ เหยาซื่อตอบทันควัน “กลับมากันแล้วก็ดี ลูกลิงที่บ้านของข้าทั้งสามตัวกำลังซนอยู่เลย งั้นข้าขอกลับก่อน”

เดินไปได้สองก้าว เหมือนนางฉุกคิดเรื่องอะไรขึ้นมาได้จนหันศีรษะกลับมา “หลายวันนี้ผลไม้กวนทางนั้นขายดีมาก เดี๋ยวข้าจะมาคิดราคากับเจ้า...”

“วันนี้ไม่ต้องแล้วแหละ พวกท่านขายกันไปก่อนเถอะ ก่อนปีใหม่ก็อีกไม่กี่วันแล้ว มาเสียเวลาไม่ได้ กลางคืน ยังต้องพักผ่อนให้เร็วหน่อย!”

“อืม!” ยอมพยักหน้าเล็กน้อย และหันหลังเดินออกไป

ลู่ม่านกับเฉินจื่ออานทั้งสองคนก็เหนื่อยมากแล้ว จึงกินข้าวกันอย่างเรียบง่ายและใช้เวลาในระหว่างที่อาหารกำลังย่อยในการลองของเล่นใหม่ของลู่ม่านด้วย คิดไม่ถึงเลยว่ามีประโยชน์จริงๆ ด้วย

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เฉินจื่ออาน เขามีเรี่ยวแรงมหาศาล เมื่อเอามาใช้งานยังหมดจดกว่าการใช้มือข้างเดียวบีบก่อนหน้านี้เสียอีก อีกทั้งยังประหยัดเรี่ยวแรงอีกมากมาย

เฉินจื่ออานแปลกใจมาก จนชำเลืองมองลู่ม่านซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างอดใจไม่ไหว

“เสี่ยวม่าน ตกลงว่าเจ้าคิดได้อย่างไรกัน? ทำไมสิ่งของเหล่านี้ ข้าไม่เคยพบเห็นมาก่อนเลยเล่า?”

ลู่ม่านเม้มริมฝีปากเอไว้ “ข้าจะไปรู้ได้เยี่ยงไร ข้าจำอะไรไม่ได้ทั้งนั้นแหละไม่ใช่หรือ?”

“อ้อ!” เฉินจื่ออานหดหู่ลงเล็กน้อยทันทีทันใด “น้องนาง หากมีอยู่วันหนึ่งที่เจ้าฟื้นคืนจากความจำ ค้นพบว่าพวกเราไม่ใช่คนในโลกเดียวกัน เจ้าจะไปจากข้าหรือไม่?”

หากเป็นเมื่อก่อน เฉินจื่ออานแค่รู้สึกว่าลู่ม่านสูงส่ง สวยงาม แต่ตอนนี้ ผ่านการรู้จักมักจี่กันนานวันเข้า เขายิ่งรู้สึกว่าลู่ม่านไม่ใช่คนที่เขาสามารถเอื้อมถึงได้

นางเฉลียวฉลาดขนาดนั้น ทำงานเก่งเช่นนั้น

“งั้นเจ้าล่ะ?” จู่ๆ ลู่ม่านย้อนถามกลับ “หากเจ้าค้นพบว่าเราไม่ใช่คนในโลกเดียวกัน เจ้าจะทำอะไรกับข้า?”

เฉินจื่ออานกับลู่ม่านพูดว่าไม่ใช่โลกเดียวกัน แต่ความหมายไม่เหมือนกันเลย เฉินจื่ออานคิดว่าไม่ใช่โลกเดียวกัน พูดหมายถึงสถานะไม่เหมือนกัน ส่วนสิ่งที่ลู่ม่านพูดว่าไม่ใช่โลกเดียวกัน ย่อมหมายถึงไม่ใช่โลกเดียวกันจริงๆ ตรงความหมาย

โลกในยุคโบราณกับโลกในยุคปัจจุบันมีระยะห่างกันเป็นพันปี ซึ่งเป็นโลกที่ไม่เหมือนกันโดยสิ้นเชิง

“ข้า...” เฉินจื่ออานเงียบงันชั่วครู่ ตอนที่ลู่ม่านคิดว่าเขาจะไม่ตอบกลับมา ทันใดนั้นเขาก็คว้ามือของลู่ม่านเอาไว้ “เสี่ยวม่าน ข้าจะไม่มีวันปล่อยมือ ไม่ว่าเจ้าจะเป็นใคร ข้าก็จะไม่ยอมปล่อยมือ”

ลู่ม่านรู้สึกอบอุ่นหัวใจ นางยกมุมปากขึ้น “งั้นข้าสามารถรับปากกับเจ้า ไม่ว่าตกลงว่าข้าคือใคร ข้าก็จะไม่ทอดทิ้งเจ้าอย่างแน่นอน”

ตอนเลือกสีนั้น ลู่ม่านกลับมองเห็นสีแดงนั้นที่ประดับด้านบนโดยมีลักษณธคล้ายคลึงเซรามิกส์สมัยราชวงศ์ถัง นางเปรมปรีดิ์มาก สีนี้นำมาใช้เป็นตกแต่งกล่องของขวัญ เหมาะสมที่สุด

แน่นอน ราคาไม่ได้แพงธรรมดา ราคาสั่งจองทำขวดประเภทนี้ย่อมแพงมากกว่าครั้งก่อนหน้าขึ้นอีกเท่าตัว อย่างไรก็ตามลู่ม่านเอาไว้ขายให้คนรวย ดังนั้นจึงไม่ได้คิดอะไรมาก

เมื่อสั่งทำขวดเรียบร้อยแล้ว ลู่ม่านก็เริ่มคร่ำเครียดกับประเภทของผลไม้กวนอีกแล้ว

เวลานี้ในมือของพวกนางมีแค่รสส้มเท่านั้น การค้าขายในปกติตามวันยังพอไปได้ แต่หากมาทำกล่องของขวัญ มีแค่รสชาติเดียว ดูเหมือนมันจืดชืดไปหน่อยมั้ย?

เมื่อคิดได้เช่นนี้ ลู่ม่านก็เริ่มหาโอกาสไปเดินตลาดผลไม้ของตำบล แต่ในเวลานี้สภาพอากาศเปลี่ยนฤดูจนหนาวแล้ว ขายผลไม้ก็น้อยลงเรื่อย บางทีพ่อค้าต่างชาติขนย้ายมาจากทางตอนใต้ ราคาแพงจนไม่ไหว

ลู่ม่านเริ่มเสียใจภายหลังจากใจจริง ถ้ารู้ตั้งแต่แรกว่าไม่ต้องคิดถึงเรื่องส้มกวนอยู่ตลอดเวลาก่อนหน้านี้ ก็สามารถซื้อผลไม้ตามฤดูกาลได้อีกด้วย

ทางด้านนี้กำลังร้อนใจ จ้าวหลินมาถึงหมู่บ้านไป่ฮัวพอดี

ที่แท้ ตอนที่แคสกำลังเตรียมกลับประเทศไปนั้น ตอนอยู่บนเรือยังพบเจอชาวบ้านคนในหมู่บ้านเดียวกันที่มาทางนี้ เขานำผลไม้ทางนั้นของพวกเขามาอีกมากมาย มีทั้งองุ่น ลูกไหน สาลี่และเชอร์รี่

แคสรู้ว่าลู่ม่านต้องการผลไม้ จึงให้จ้าวหลินมาสอบถาม

ช่างเป็นการส่งถ่านให้ในท่ามกลางหิมะขาวโพลนจริงๆ แววตาลู่ม่านเปล่งประกายทันทีทันใด “อยู่ที่ไหน ข้าต้องการไปดูเดี๋ยวนี้”

“มาถึงตำบลแล้ว...” จ้าวหลินกล่าวตอบ

“เช่นนั้นเราไปเดี๋ยวนี้”

ตลอดการเดินทาง เมื่อสมองของลู่ม่านตื่นตัวขึ้นเรื่องถึงได้ฉุกคิดขึ้นมาได้ “ลูกไหนคืออะไร?”

จ้าวหลิน “…”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน