เฉินหลี่ซื่ออ้าปากค้าง “แล้ววันธรรมดา…”
จ้าวซื่อรีบพูดต่อทันที “การกตัญญูกตเวทีต่อบิดามารดาต้องรอวันเทศกาลด้วยหรือ? ในวันธรรมดาจะไม่กตัญญูหรือไงกัน?
ลู่ม่านพยักหน้า “พี่สะใภ้ใหญ่พูดมาก็ถูก ลูกกตัญญูต่อบิดามารดาเป็นสิ่งที่ต้องทำทุกวัน ในบรรดาพวกเราพี่สะใภ้ใหญ่อาวุโสที่สุด พวกเราจะต้องเดินตามรอยอย่างแน่นอน แต่ไม่ทราบว่าพี่สะใภ้ใหญ่ ปกติท่านทำอะไรให้ท่านพ่อท่านแม่บ้าง พวกเราจะได้เรียนรู้ไว้”
สิ่งที่ลู่ม่านโต้กลับทำให้จ้าวซื่อตัวแข็งทื่อไปทันที แต่ว่า นางเป็นคนหน้าด้าน แค่พริบตาเดียวนางก็พูดขึ้นมาอีกครั้งว่า “น้องสะใภ้สามพูดอะไรกัน ข้าก็เพิ่งซื้อของให้ท่านพ่อกับท่านแม่ไปไม่ใช่หรือไง?”
ลู่ม่านเงยหน้าขึ้น นางเห็นเฉินหลี่ซื่อมีปิ่นปักผมสีเงินอยู่บนศีรษะของนาง ดูไปแล้วมันดูดีกว่าของจ้าวซื่อเล็กน้อย แต่ว่า ถ้าดูดีๆ แล้ว มันแค่ดูสวยกว่า แต่ราคาไม่สูงเท่ากับของจ้าวซื่อ
ลู่ม่านยกยิ้มและละสายตาไปทางอื่น “พี่สะใภ้ช่างกตัญญูเสียจริง แต่ปกติแล้วเงินทั้งหมดจะต้องมอบให้ท่านแม่เก็บไว้หมด แล้วทำไมพี่สะใภ้ถึงยังมีเงินไปซื้อของให้ท่านพ่อกับท่านแม่ได้ล่ะ?”
ประโยคนี้ดูเหมือนจะเตือนสติเฉินหลี่ซื่อทันที ทำให้นางคิดได้ สายตาที่ใช้มองจ้าวซื่อ จึงดุร้ายขึ้นมาทันที
“แม่คนขี้เกียจ เจ้าแอบเก็บเงินส่วนตัวไว้ลับหลังข้าใช่ไหม”
จ้าวซื่อจ้องเขม็งไปที่ลู่ม่านด้วยความโกรธ จากนั้นก็รีบแก้ตัวกับเฉินหลี่ซื่อ “โธ่ท่านแม่ ท่านเข้าใจข้าผิดแล้ว ปกติข้าใช้ชีวิตอย่างประหยัด และมอบเงินทั้งหมดให้ท่านแม่ จะแอบเก็บเงินส่วนตัวได้อย่างไร แต่นี่ ข้าเห็นว่าใกล้จะถึงวันปีใหม่แล้ว และท่านแม่ก็คอยทำงานหนักเพื่อครอบครัวทุกวัน จะต้องลำบากมาก ข้าก็เลยเอาเงินจากค่าสินสอดของข้าไปซื้อปิ่นปักผมเงินนี้มาให้ท่านแม่”
ในสมัยโบราณมีคำกล่าวไว้ว่า ไม่ว่าครอบครัวจะยากจนเพียงใด สินสอดของลูกสะใภ้ก็ห้ามคนอื่นนำมาใช้ แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่เฉินหลี่ซื่อ ไม่กล้าโยกย้าย แต่เพราะเฉินจื่อคังลูกชายของนางกำลังจะสอบเข้าเป็นข้าราชการ นางจึงไม่กล้าทำ
พอได้ยินจ้าวซื่อพูดแบบนี้ นางจึงรู้สึกดีขึ้น
หลังจากที่จ้าวซื่อต่อกรกับเฉินหลี่ซื่อเสร็จ นางก็มองไปทางลู่ม่านอีกครั้ง “น้องสะใภ้สาม หวังเอ้อร์หนิวกับเหยาซื่อกำลังทำอะไรให้เจ้าอยู่ใช่หรือไม่”
“ใช่!” ลู่ม่านพยักหน้ารับ
จู่ๆ จ้าวซื่อก็นึกขึ้นได้ “ธุรกิจดีถึงเพียงนั้น ได้เงินเดือนเท่าไหร่ล่ะ?”
“เอ่อ…” ลู่ม่านนิ่งคิดอยู่สักพัก “พวกเขาได้รับเป็นค่าคอมมิชชั่น ถ้าพวกเขาขายได้ห้าสิบเหวินก็จะได้ค่าตอบแทนหนึ่งเหวิน”
จ้าวซื่อไม่เข้าใจว่าค่าคอมมิชชั่นคืออะไร แต่นางก็ไม่คิดจะอยากเข้าใจ นางรู้เพียงว่าจะได้เงินเพียงเหวินหลังจากขายได้ห้าสิบเหวิน แค่นี้นางก็หมดกำลังใจแล้ว
ถ้าเป็นเมื่อก่อน เธอคงสนใจ แต่ตอนนี้นางไม่สนใจเศษเงินเพียงเล็กน้อยแล้ว
แต่ประโยคนี้ปลุกสติของเฉินหลี่ซื่อ ความโลภในใจทำให้เฉินหลี่ซื่อพูดออกมาทันที “เสี่ยวม่าน เจ้าก็เห็นว่าพี่ชายและพี่สะใภ้ของเจ้าอยู่บ้านไม่มีอะไรทำ ทำไมเจ้าถึงไม่ไล่ครอบครัวของเหยาซื่อออก แล้วให้พี่ใหญ่และพี่สะใภ้เจ้าทำแทนล่ะ”
จ้าวซื่อกลอกตามองบนอย่างดูถูก เธอไม่ทำหรอก แต่ว่า ถ้าสามารถหาเงินได้โดยไม่ต้องทำงาน นางก็พอจะรับได้
พอคิดได้แบบนี้นางก็ยิ้มออกมา “ถ้าให้ออกไปขายของข้าคงทำไม่ได้ แต่พี่สะใภ้ของเจ้าควบคุมคนเก่ง เจ้าคิดดูสิ เหยาซื่อกับสามีของนางออกไปขายของทุกวัน เจ้าไม่รู้หรอกว่าขายได้หรือไม่ได้ ทำไมไม่ให้ข้าไปช่วยดูพวกเขาไว้ ส่วนค่าแรงข้าไม่ต้องการอะไรมาก แค่เดือนละห้าร้อยเหวินก็พอแล้ว...”
ถุย!
ลู่ม่านอยากจะถุยน้ำลายใส่หน้านางจริงๆ ช่างกล้าพูดออกมาได้ ตนเองทำงานเหนื่อยแทบตายกว่าจะได้เงินมา ยกให้นางทั้งหมดเลยไหม
ลู่ม่านยิ้มเยาะ “พี่สะใภ้ สถานที่เล็กๆ ของเราคงเชิญท่านมาไม่ไหว ตอนนี้เรายังไม่ต้องการผู้ควบคุม แต่ในโรงงานเราต้องการคนงานเพิ่มอีกหนึ่งคน”
“ถ้าอย่างนั้นก็ให้เถาฮัวไป!” เฉินหลี่ซื่อพูดโดยไม่ลังเล ตอนนี้นางพอใจจ้าวซื่อมากกว่า ในใจของนาง คงคิดว่าทำงานในโรงงานจะสบายกว่า
แต่ลู่ม่านไม่อยากได้เถาฮัว เด็กคนนั้นเมื่อก่อนเป็นเด็กที่ไม่เลวเลยทีเดียว แต่ตอนนี้ ดูเหมือนว่านางจะสืบทอดนิสัยของจ้าวศื่อไปแล้ว ดีไม่ดี นางอาจจะเกลียดตนเองไปแล้วก็ได้
แต่ว่า จ้าวซื่อควรจะไม่เต็มใจถึงจะถูก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน
เด็กไม่ตายเพราะแม่คลอดยากจะตายเพราะคนรับใช้ป้อนโจ๊กข้าวจนอิ่มตื้อ รอดได้คือดวงแข็งเว่อ...
อ่านไป งงไป ตัดสินประหาร หรืออภัยโทษ?...
หม่อมข้า? ใช้ MS Word ไม่ระวังเลย...
ตั้งแต่ต้นจนถึงตอน 337 แล้ว โดยภาพรวมพระเอกไม่ค่อยมีเสน่ห์ ไม่เฉียบแหลมเลย...
อะไรจะมีปมขนาดนั้น วุ่นวายตอกย้ำเหลือเกินเกี่ยวกับระบบศักดินา ทั้งที่มันเป็นคนละยุคสมัยกัน...
ตอน285-287 หายทำไงดี...
ตอนหายค่ะ 284แล้วกระโดดไป288เลยค่ะ...
บท 285-287 หายค่ะ 284แล้ว288เลย รบกวนด้วยค่ะ...
281-311 รบกวนด้วยค่ะ...
บทที่241-311 หายค่ะ...