ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 95

ทางที่กลับไป ลู่ม่านบังเอิญเจอกับเฉินหลิ่วเอ๋อ

เฉินหลิ่วเอ๋อกำลังยืนดูอยู่หน้าประตูทางเข้าโรงงาน เห็นลู่ม่านมา นางก็สะบัดหน้าไปทางอื่นทันที

ลู่ม่านเลิกคิ้วขึ้น ไม่บอกกับนางเรื่องที่จวงลี่จ้งกลับไปแล้วอย่างไม่สะทกสะท้านใจอะไร

คนงานในโรงงาน ลู่ม่านแบ่งพวกเขาเป็นนวดแป้ง ขึ้นรูปบะหมี่ นึ่งแป้ง ทอดน้ำมัน เครื่องปรุง รวมไปถึงบรรจุภัณฑ์เป็นหกขั้นตอน

ตามความสามารถของแต่ละคน ลู่ม่านเริ่มฝึกฝนพวกเขาคนต่อคน

ส่วนเครื่องเทศที่ใช้นวดแป้ง ลู่ม่านกับเฉินจื่ออานทำเสร็จแล้วถึงจะเอามาให้ เตรียมทุกอย่างพร้อมแล้ว จากนั้นก็จบงานตามปริมาณที่กำหนดไว้ในแต่ละวัน

ด้วยวิธีนี้ จึงสามารถหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจจะมีใครบางคนแอบฉวยโอกาสขโมยสูตรออกไป

พริบตาเดียวก็ผ่านไปแปดวันแล้ว การฝึกฝนของทุกคนก็สำเร็จไปเป็นที่เรียบร้อย ลู่ม่านจึงให้พวกนางเริ่มทำการผลิตครั้งแรกอย่างเป็นทางการ หลังจากสินค้าชุดแรกออกมา ลู่ม่านก็ทดลองกินด้วยตัวเอง

ประสิทธิภาพใช้ได้ทีเดียว นางก็สบายใจขึ้นเยอะ

เช้าวันต่อมา ลู่ม่านก็หยุดให้ตัวเองหนึ่งวัน ความคิดเรื่องที่จะสอนเฉินจื่ออานอ่านหนังสือเมื่อปีก่อนก็จะได้ใช้โอกาสในวันว่างทำสักที

เฉินจื่ออานยังไงก็อายุมากแล้ว ถ้าไปเรียนในโรงเรียน คงจะแปลกเกินไป และอาจจะทำให้จิตใจบอบช้ำได้

ยิ่งไปกว่านั้น เขาเป็นผู้ชายหากไปเรียนที่โรงเรียน เรื่องในบ้านเขาก็ช่วยไม่ได้ เขาก็ไม่ยอมไปอยู่ดี

ดังนั้น คิดไปคิดมาแล้ว ลู่ม่านตัดสินใจสอนหนังสือให้เขาที่บ้าน

เรียนทุกวันครึ่งวัน ยังจะเพิ่มความรู้ประสบการณ์ใหม่ๆในชีวิตได้ด้วย

เฉินจื่ออานก็เห็นด้วยอย่างมาก ตอนเช้าตื่นขึ้นมาแต่งตัว สวมเสื้อคลุมยาวออกไปพร้อมกับลู่ม่าน

ก่อนหน้านี้ ลู่ม่านไปสอบถามมาแล้ว ท่านอู๋บอกนางว่าในตำบลชางผิงมีท่านหนึ่งชื่อว่า ปราชญ์โจว เพราะมีนิสัยแปลก เป็นขุนนางได้ไม่นานก็ลาออกกลับบ้านมาเสียแล้ว

ตอนนี้พักอยู่ที่บ่อเลี้ยงปลาเฝ้าบ่อเลี้ยงปลาอยู่อย่างนั้น ปกติก็ไม่ค่อยมีใครพูดคุยกับเขามากเท่าไหร่นัก

สำหรับการสื่อสารหรือการเข้าสังคม ลู่ม่านไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ หากเขาเข้าสังคมเป็น ก็คงไม่ถูกไล่ออกจากราชสำนักหรอก คนที่ถูกราชสำนักไล่ออก เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าคนผู้นั้นซื่อตรงและหัวแข็งเกินไป

คนแบบนี้ นางอยากได้มาพอดี

นางเอาของขวัญไปด้วย แล้วออกเดินทางพร้อมกับเฉินจื่ออาน กลัวว่าจะกระทบถึงภาพความประทับใจแรก เฉินจื่ออานเลยไม่ได้นั่งรถเข็นไป

แต่ว่า ขาของเขายังไม่หายดี เวลาเดินก็ต้องเขย่งเท่าเล็กน้อย

ทั้งสองนั่งเกวียนไปถึงตำบลชางผิง แล้วเดินเท้าไปอีกสิบกว่าลี้ ในที่สุดก็มาถึงก็มาถึงหมู่บ้านโตอวี่ที่คนอื่นๆพูดถึงกัน

ว่ากันว่า หมู่บ้านนี้โด่งดังเพราะมีปลาเยอะเป็นพิเศษ คนในหมู่บ้านไปตกปลาในคูน้ำแล้วเอามาเลี้ยงในบ่อปลาตัวเอง ซึ่งถือเป็นการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในน้ำจืดแห่งแรก

ทั้งสองเจอกระท่อมหลังเล็กๆบนบ่อเลี้ยงปลา ว่ากันว่านั่นเป็นบ้านของอาจารย์ท่านหนึ่ง

แต่ว่า กลางวันแสกๆแบบนี้ในบ้านกลับไม่มีใครอยู่เลย

ทั้งสองมัดรถเกวียนไว้ให้ดี วางของขวัญที่เอามาแล้วเริ่มเดินไปข้างหน้าตามบ่อเลี้ยงปลา

เดินสักพักใหญ่ ในที่สุดก็เจอชาวประมงที่สวมเสื้อกับหมวกหญ้าแฝกอยู่ที่คูน้ำเล็กๆด้านล่างบ่อเลี้ยงปลา อากาศหนาวขนาดนี้ เขาสวมเสื้อบางๆ มีข้องใส่ปลาวางอยู่บนพื้นข้างๆ

ลู่ม่านชะโงกหน้าออกไปดู เห็นในนั้นไม่มีปลาสักตัว แล้วดูตรงตะขอ ปรากฏว่าถูกวางลงบนผิวน้ำแข็งของทะเลสาบ

ภาพตรงหน้า คงไม่ได้เป็นกลอนยอดนิยมบทนั้นหรอกนะ เรือน้อยโดดเดี่ยวกับชายชราสวมหมวกหญ้าแฝก ตกปลาเดียวดายในแม่น้ำเย็นเยือกยามหิมะโปรย?

ท่านผู้เฒ่าคนนี้ ดูท่าแล้วคงจะเป็นบัณฑิตชั้นสูงท่านนั้น คิดได้เช่นนี้แล้ว ลู่ม่านก็กลอกลูกตาไปมา หัวเราะแล้วพูดว่า “ท่านต้องเจาะน้ำแข็งบนนั้นก่อน ถึงจะตกปลาได้”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน