ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 95

สรุปบท บทที่95 เชิญอาจารย์: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน

ตอน บทที่95 เชิญอาจารย์ จาก ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่95 เชิญอาจารย์ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายประวัติศาสตร์ ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน ที่เขียนโดย ฝูเชิง เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ทางที่กลับไป ลู่ม่านบังเอิญเจอกับเฉินหลิ่วเอ๋อ

เฉินหลิ่วเอ๋อกำลังยืนดูอยู่หน้าประตูทางเข้าโรงงาน เห็นลู่ม่านมา นางก็สะบัดหน้าไปทางอื่นทันที

ลู่ม่านเลิกคิ้วขึ้น ไม่บอกกับนางเรื่องที่จวงลี่จ้งกลับไปแล้วอย่างไม่สะทกสะท้านใจอะไร

คนงานในโรงงาน ลู่ม่านแบ่งพวกเขาเป็นนวดแป้ง ขึ้นรูปบะหมี่ นึ่งแป้ง ทอดน้ำมัน เครื่องปรุง รวมไปถึงบรรจุภัณฑ์เป็นหกขั้นตอน

ตามความสามารถของแต่ละคน ลู่ม่านเริ่มฝึกฝนพวกเขาคนต่อคน

ส่วนเครื่องเทศที่ใช้นวดแป้ง ลู่ม่านกับเฉินจื่ออานทำเสร็จแล้วถึงจะเอามาให้ เตรียมทุกอย่างพร้อมแล้ว จากนั้นก็จบงานตามปริมาณที่กำหนดไว้ในแต่ละวัน

ด้วยวิธีนี้ จึงสามารถหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจจะมีใครบางคนแอบฉวยโอกาสขโมยสูตรออกไป

พริบตาเดียวก็ผ่านไปแปดวันแล้ว การฝึกฝนของทุกคนก็สำเร็จไปเป็นที่เรียบร้อย ลู่ม่านจึงให้พวกนางเริ่มทำการผลิตครั้งแรกอย่างเป็นทางการ หลังจากสินค้าชุดแรกออกมา ลู่ม่านก็ทดลองกินด้วยตัวเอง

ประสิทธิภาพใช้ได้ทีเดียว นางก็สบายใจขึ้นเยอะ

เช้าวันต่อมา ลู่ม่านก็หยุดให้ตัวเองหนึ่งวัน ความคิดเรื่องที่จะสอนเฉินจื่ออานอ่านหนังสือเมื่อปีก่อนก็จะได้ใช้โอกาสในวันว่างทำสักที

เฉินจื่ออานยังไงก็อายุมากแล้ว ถ้าไปเรียนในโรงเรียน คงจะแปลกเกินไป และอาจจะทำให้จิตใจบอบช้ำได้

ยิ่งไปกว่านั้น เขาเป็นผู้ชายหากไปเรียนที่โรงเรียน เรื่องในบ้านเขาก็ช่วยไม่ได้ เขาก็ไม่ยอมไปอยู่ดี

ดังนั้น คิดไปคิดมาแล้ว ลู่ม่านตัดสินใจสอนหนังสือให้เขาที่บ้าน

เรียนทุกวันครึ่งวัน ยังจะเพิ่มความรู้ประสบการณ์ใหม่ๆในชีวิตได้ด้วย

เฉินจื่ออานก็เห็นด้วยอย่างมาก ตอนเช้าตื่นขึ้นมาแต่งตัว สวมเสื้อคลุมยาวออกไปพร้อมกับลู่ม่าน

ก่อนหน้านี้ ลู่ม่านไปสอบถามมาแล้ว ท่านอู๋บอกนางว่าในตำบลชางผิงมีท่านหนึ่งชื่อว่า ปราชญ์โจว เพราะมีนิสัยแปลก เป็นขุนนางได้ไม่นานก็ลาออกกลับบ้านมาเสียแล้ว

ตอนนี้พักอยู่ที่บ่อเลี้ยงปลาเฝ้าบ่อเลี้ยงปลาอยู่อย่างนั้น ปกติก็ไม่ค่อยมีใครพูดคุยกับเขามากเท่าไหร่นัก

สำหรับการสื่อสารหรือการเข้าสังคม ลู่ม่านไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ หากเขาเข้าสังคมเป็น ก็คงไม่ถูกไล่ออกจากราชสำนักหรอก คนที่ถูกราชสำนักไล่ออก เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าคนผู้นั้นซื่อตรงและหัวแข็งเกินไป

คนแบบนี้ นางอยากได้มาพอดี

นางเอาของขวัญไปด้วย แล้วออกเดินทางพร้อมกับเฉินจื่ออาน กลัวว่าจะกระทบถึงภาพความประทับใจแรก เฉินจื่ออานเลยไม่ได้นั่งรถเข็นไป

แต่ว่า ขาของเขายังไม่หายดี เวลาเดินก็ต้องเขย่งเท่าเล็กน้อย

ทั้งสองนั่งเกวียนไปถึงตำบลชางผิง แล้วเดินเท้าไปอีกสิบกว่าลี้ ในที่สุดก็มาถึงก็มาถึงหมู่บ้านโตอวี่ที่คนอื่นๆพูดถึงกัน

ว่ากันว่า หมู่บ้านนี้โด่งดังเพราะมีปลาเยอะเป็นพิเศษ คนในหมู่บ้านไปตกปลาในคูน้ำแล้วเอามาเลี้ยงในบ่อปลาตัวเอง ซึ่งถือเป็นการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในน้ำจืดแห่งแรก

ทั้งสองเจอกระท่อมหลังเล็กๆบนบ่อเลี้ยงปลา ว่ากันว่านั่นเป็นบ้านของอาจารย์ท่านหนึ่ง

แต่ว่า กลางวันแสกๆแบบนี้ในบ้านกลับไม่มีใครอยู่เลย

ทั้งสองมัดรถเกวียนไว้ให้ดี วางของขวัญที่เอามาแล้วเริ่มเดินไปข้างหน้าตามบ่อเลี้ยงปลา

เดินสักพักใหญ่ ในที่สุดก็เจอชาวประมงที่สวมเสื้อกับหมวกหญ้าแฝกอยู่ที่คูน้ำเล็กๆด้านล่างบ่อเลี้ยงปลา อากาศหนาวขนาดนี้ เขาสวมเสื้อบางๆ มีข้องใส่ปลาวางอยู่บนพื้นข้างๆ

ลู่ม่านชะโงกหน้าออกไปดู เห็นในนั้นไม่มีปลาสักตัว แล้วดูตรงตะขอ ปรากฏว่าถูกวางลงบนผิวน้ำแข็งของทะเลสาบ

ภาพตรงหน้า คงไม่ได้เป็นกลอนยอดนิยมบทนั้นหรอกนะ เรือน้อยโดดเดี่ยวกับชายชราสวมหมวกหญ้าแฝก ตกปลาเดียวดายในแม่น้ำเย็นเยือกยามหิมะโปรย?

ท่านผู้เฒ่าคนนี้ ดูท่าแล้วคงจะเป็นบัณฑิตชั้นสูงท่านนั้น คิดได้เช่นนี้แล้ว ลู่ม่านก็กลอกลูกตาไปมา หัวเราะแล้วพูดว่า “ท่านต้องเจาะน้ำแข็งบนนั้นก่อน ถึงจะตกปลาได้”

นางคิดว่าจะมีอุปสรรคเสียอีก ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้ แต่สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความเก่งของเฉินจื่ออานทางอ้อมหรือเปล่า? ไม่งั้น จะราบรื่นขนาดนี้ได้ยังไง?

อาจารย์โจวเป็นคนสบายๆ เขาไม่เอาของไปสักอย่าง ลู่ม่านจึงต้องเอาของที่ตัวเองนำมาวางบนเกวียนเอากลับไปอีกครั้ง

ลู่ม่านคิดไว้แล้ว ก่อนหน้านี้ที่ท่านอู๋มาพักอาศัย ห้องที่เพิ่งสร้างเสร็จ ตอนนี้สามารถให้อาจารย์โจวไปพักตรงนั้นได้ชั่วคราว

รอเงินก้อนแรกจากบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปออกมาแล้ว ลู่ม่านค่อยวางแผนสร้างบ้านใหม่ เอาแต่เบียดอยู่แบบนี้คงไม่สะดวกเท่าไหร่

กลับมาถึงหมู่บ้าน ท้องฟ้ายังไม่มืด ผู้ใหญ่บ้านก็มาพูดคุยรายละเอียดเรื่องโรงงานกับลู่ม่าน เห็นลู่ม่านพาอาจารย์โจวลงจากรถ เขาก็ตกตะลึงอย่างมาก

“นี่คือ……อาจารย์โจวเหรอ?”

อาจารย์โจวมองดูผู้ใหญ่บ้านตั้งแต่หัวจรดเท้า วินาทีต่อมาก็ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ข้าไม่รู้จักเจ้า”

ผู้ใหญ่บ้านก็รู้สึกเขิน แต่ไม่นานก็กลับมาเป็นปกติได้ ใครไม่รู้บ้างว่านิสัยของอาจารย์โจวแปลกคน ดังนั้น เขาเลยไม่ได้โกรธมาก

“ข้าเป็นผู้ใหญ่บ้านของหมู่บ้านไป่ฮัว ข้ายกย่องท่านมาโดยตลอด”

“อ้อ!” อาจารย์โจวยังมีท่าทีเรียบเฉย บรรยากาศอึดอัดขึ้นมาทันที ลู่ม่านรีบเข้ามาคลี่คลายความอึดอัดนี้ “อาจารย์โจวคงเหนื่อยมากแน่ๆ ข้าเก็บกวาดห้องเสร็จแล้ว อาจารย์โจวจะเข้าไปพักผ่อนก่อนไหมเจ้าคะ?”

ไม่คิดว่า อาจารย์โจวไม่สนใจลู่ม่านเลยสักนิด แต่กลับหันไปมองเฉินจื่ออาน “เจ้าว่างไหม? มาดูกันสิว่าตอนนี้เจ้าอ่านหนังสือไปถึงระดับไหนแล้ว?”

ลู่ม่าน “……” จังหวะตบหน้าหรือไงกัน

แต่เขากลับไม่รู้สึกรู้สาเลย พาเฉินจื่ออานเข้าไปด้านในทันที ลู่ม่านมองดูผู้ใหญ่บ้านอย่างเขินๆ “นิสัยของอาจารย์โจวแปลกคนจริง ท่านมาหาข้าด้วยเหตุอันใดหรือ?”

ผู้ใหญ่บ้านก็ถึงพูดสาเหตุที่ตัวเองมา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน