สรุปเนื้อหา บทที่96 ทำดีหวังผล – ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน โดย ฝูเชิง
บท บทที่96 ทำดีหวังผล ของ ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน ในหมวดนิยายประวัติศาสตร์ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย ฝูเชิง อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
ตอนก่อนจะไป ผู้ใหญ่บ้านก็พูดขึ้นอย่างลังเล
“จื่ออานจะเรียนหนังสือเหรอ?”
“ใช่แล้ว……” ลู่ม่านพยักหน้า ไม่ได้บอกเรื่องที่จะสอบชิ่วไฉ บอกแค่ว่า “ตอนนี้พวกเราทำโรงงาน ต่อไปมีหลายเรื่องต้องทำเอง จื่ออานอ่านหนังสือไม่ออกคงทำงานไม่สะดวกเท่าไหร่ ดังนั้นจึงให้เขาเรียนอ่านหนังสือ”
“ก็ใช่นะ” ผู้ใหญ่บ้านพยักหน้า พูดอย่างชื่นชมว่า “ในหมู่บ้านก็มีเด็กๆจำนวนไม่น้อยที่ถึงวัยเรียนหนังสือแล้ว หากมีอาจารย์อย่างอาจารย์โจวมาสอนได้ งั้นคงเป็นเรื่องที่โชคดีมากเลยล่ะ”
ความคิดของผู้ใหญ่บ้าน ลู่ม่านจะไม่เข้าใจได้ยังไง? หมู่บ้านนี้ไม่มีโรงเรียนมาตั้งแต่แรกแล้ว เห็นได้ชัดว่าผู้ใหญ่บ้านอยากจะสร้างโรงเรียนในหมู่บ้าน
ลู่ม่านก็รู้สึกว่าความคิดนี้ไม่เลวเลย แต่นางยังไม่ได้ถามอาจารย์โจว จึงไม่กล้าพูดก่อน
จึงพยักหน้าแล้วพูดแบบขอไปที
ผู้ใหญ่บ้านก็รู้สึกเสียใจเล็กน้อย พูดจบก็บอกลาแล้วกลับไปทันที
ลู่ม่านก็ถึงรีบไปเตรียมอาหารเย็น อาจารย์โจวมาทั้งที นางจะต้องทำอาหารมื้อแรกให้ดีที่สุดสิ
หมู่บ้านของอาจารย์โจวมีบ่อเลี้ยงปลาเยอะพอดี เกรงว่าอาจารย์โจวคงจะชอบกินปลาเหมือนกัน ลู่ม่านเลยเอาแยมส้มออกมาทำปลาดิบ
เป็นไปตามที่คาดไว้ อาจารย์โจวชอบกินมาก โดยเฉพาะตอนที่กิน สีหน้าของเขากับท่านอู๋เหมือนกันมาก ลู่ม่านอยากจะถามเขาว่ารู้จักกับท่านอู๋ไหม แต่คิดไปคิดมา นางก็ไม่กล้าถามอยู่ดี
หากทั้งสองสนิทกันล่ะก็ ท่านอู๋คงจะมานานแล้ว ตอนนี้เขาไม่ยอมมา คงจะมีปัญหาของตัวเอง
หลังจากการทดสอบในช่วงบ่าย มาตรฐานที่อาจารย์โจวกำหนดให้เฉินจื่ออานจำเป็นต้องเริ่มใหม่ ถึงแม้ก่อนหน้านี้ เขาจะเคยเรียนบทอาขยานมาบ้างแล้ว แต่ยังไงเวลาก็สั้นเกินไป ยังไม่เป็นระบบมากพอ
ดังนั้น ทั้งสามจึงคุยกันเรื่องการเรียนของเฉินจื่ออาน บอกว่าทุกวันจะให้เวลาเฉินจื่ออานครึ่งวันเพื่อใช้มาทำไร่ทำนา อาจารย์โจวเห็นด้วยอย่างยิ่งสำหรับเรื่องนี้
เขาไม่ชอบนักเรียนที่ขาวสะอาดเกินไปอยู่แล้ว โบราณว่าไว้ เดินทางหมื่นลี้ สู้อ่านหนังสือหมื่นเล่มไม่ได้ คำพูดนี้ถูกต้องอย่างยิ่ง
พูดคุยกันเสร็จแล้ว ลู่ม่านได้เสนอเนื้อหมูเค็มให้อาจารย์โจวทางอ้อม ความหมายของนางคือให้เนื้อหมูเค็มอาจารย์โจวจำนวนเงินเดือนละหนึ่งพวง อาจารย์โจวเบิกตาโพลงโต
ใช้ความทะนงและความสุขของนักวิชาการมาต่อว่าลู่ม่านเรื่องการใช้เงิน ลู่ม่านหมดคำจะพูด สุดท้ายจึงต้องเสนอค่าใช้จ่ายทุกเดือนและทำพวกเสื้อผ้า สรุปคือทำกับเขาให้เหมือนคนในครอบครัวก็พอ
อาจารย์โจวพยักหน้าอย่างพึงพอใจ แล้วลากเฉินจื่ออานไปสั่งการบ้านทันที
ทั้งสองเรียนจนถึงดึก เฉินจื่ออานก็ถึงกลับห้องมาพักผ่อน ลู่ม่านคิดว่าเขาคงจะเหนื่อยมาก แต่ไม่คิดว่าเขาจะยังกระปรี้กระเปร่าได้ขนาดนี้
ดวงตาประกายวิบวับ กอดลู่ม่านแล้วพูดว่า “อาจารย์มีวิสัยทัศน์กว้างไกลมาก หลังจากได้คุยกับเขาแล้ว ข้ารู้สึกพัฒนาไปมากเลย……”
“งั้นก็ดีแล้ว!” ลู่ม่านพูดด้วยรอยยิ้ม เช่นนี้ก็ถือว่าพวกเขาไม่ได้ทำไปโดยเสียเปล่า
เช้าวันต่อมา ทำตามที่ว่ากันไว้ ลู่ม่านเตรียมอาหารเช้าเสร็จแล้ว ก็ไปโรงงานกับเฉินจื่ออาน
เมื่อวาน เรื่องที่ผู้ใหญ่บ้านบอกกับนางคือรายละเอียดเล็กๆน้อยๆในโรงงาน วันนี้นางก็ไปเตรียมตัวก่อน และคำนวณเวลาแล้ว สองวันนี้จวงลี่จ้งน่าจะมาแล้ว
บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปชุดแรกของนางก็ใกล้จะเสร็จแล้วเหมือนกัน
สำรวจงานเสร็จแล้ว ลู่ม่านก็เห็นว่าสายมากแล้ว จึงเรียกเฉินจื่ออานกลับไปพร้อมกัน เพิ่งออกจากโรงงานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ก็เห็นเฉินจื่อคังมา
เขายืนอยู่บนทางลาดหน้าโรงงาน มองดูประตูใหญ่ของโรงงานด้วยสีหน้าจริงจัง
เห็นเฉินจื่ออานออกมา เขาก็ยิ้มแห้งแล้วพูดว่า “พี่สามไม่เจอกันนานเลย ได้ยินพ่อกับแม่บอกว่า พี่เปิดโรงงาน”
เฉินจื่ออานจำสัญญาที่เคยทำไว้กับลู่ม่านก่อนหน้านี้ จึงพูดเสียงเรียบว่า “แค่มาช่วยคนดูแลน่ะ เป็นโรงงานที่ตระกูลจวงเปิดเองน่ะ”
น้ำเสียงของเฉินจื่อคังก็จืดจางลงไปมาก แถมยังมีความเหน็บแนมด้วย
ว่าแล้ว เขาก็ลากเฉินจื่ออานเข้าไปข้างใน
เฉินจื่ออานรีบมองไปด้านหลังแล้วพูดว่า “อาจารย์โจว น้องชายของข้า……”
เฉินจื่อคังเห็นแล้วก็รีบเสนอหน้าเข้าไป “นักเรียนขอคารวะอาจารย์โจว”
อาจารย์โจวเงียบไปสักพัก ต่อมาก็ทำเหมือนไม่ได้ยิน ลากเฉินจื่ออานเข้าไปใหม่ “วันนี้เจ้าต้องเรียน……”
เฉินจื่อคังขมวดคิ้ว แล้วโค้งคำนับอีกครั้ง “นักเรียนขอคารวะอาจารย์โจว……”
ครั้งนี้ อาจารย์โจวก็ได้ยินสักที เขามองดูเฉินจื่อคังอย่างจริงจัง “เจ้าคือ?”
เฉินจื่อคังรีบแนะนำตัวเองอย่างมีมารยาท “ข้ามีนามว่าเฉินจื่อคัง เป็นน้องชายของเฉินจื่ออาน ไม่กี่วันหลังจากนี้ ข้าจะไปสอบช่วงฤดูใบไม้ผลิแล้วขอรับ”
อาจารย์โจวพยักหน้า “อืม!”
“นักเรียนได้ยินมาว่าอาจารย์โจวอยู่ที่บ้านพี่สาม จึงรีบมาที่นี่ มีคำถามอยากจะถามอาจารย์โจวสักหน่อยขอรับ” เฉินจื่อคังพูด
“ค่อยว่านะ!” อาจารย์โจวว่าแล้ว ก็ดึงตัวเฉินจื่ออานเข้าไปในห้อง
เฉินจื่อคังมองดูแผ่นหลังของทั้งสองคน ด้วยสีหน้าบึ้งตึง ต่อมาก็รู้ตัวว่าลู่ม่านกำลังมองเขาอยู่ เขาจึงรีบทำหน้ากลับเป็นปกติ
“หากพี่สะใภ้มีธุระ ก็ทำไปทำก่อนเถอะ ข้ารอที่นี่ก็ได้แล้ว”
ลู่ม่านไม่ได้จะดูแลเขาหรอกนะ ถึงแม้ว่าวันนี้จะไม่มีแดด และยังหนาวเล็กน้อย แต่นี่ก็เป็นการตัดสินใจของเฉินจื่อคัง
ดังนั้น ลู่ม่านจึงเดินออกไปอย่างไม่สะทกสะท้านใจอะไร
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน
เป็นพอ.ที่กลับกรอก เป็นที่พึ่งไม่ได้เลย ยอกจะออกจากครอบครัวเลวๆนี่ไม่จริงอีก ภาระของนางเอก ถ่วงแข้งถ่วงขาจริงๆ...
เด็กไม่ตายเพราะแม่คลอดยากจะตายเพราะคนรับใช้ป้อนโจ๊กข้าวจนอิ่มตื้อ รอดได้คือดวงแข็งเว่อ...
อ่านไป งงไป ตัดสินประหาร หรืออภัยโทษ?...
หม่อมข้า? ใช้ MS Word ไม่ระวังเลย...
ตั้งแต่ต้นจนถึงตอน 337 แล้ว โดยภาพรวมพระเอกไม่ค่อยมีเสน่ห์ ไม่เฉียบแหลมเลย...
อะไรจะมีปมขนาดนั้น วุ่นวายตอกย้ำเหลือเกินเกี่ยวกับระบบศักดินา ทั้งที่มันเป็นคนละยุคสมัยกัน...
ตอน285-287 หายทำไงดี...
ตอนหายค่ะ 284แล้วกระโดดไป288เลยค่ะ...
บท 285-287 หายค่ะ 284แล้ว288เลย รบกวนด้วยค่ะ...
281-311 รบกวนด้วยค่ะ...