ตอนเที่ยงก็ทำอาหารที่อาจารย์โจวชอบกิน ลู่ม่านเตรียมเสร็จแล้ว ก็เรียกพวกเขาออกมากินข้าว
เฉินจื่อคังรีบเสนอหน้าไป แล้วเรียกอย่างเป็นมิตรว่า “พี่สาม”
เฉินจื่ออานคิดว่าเฉินจื่อคังกลับไปแล้ว เพราะยังไงเมื่อก่อนไม่ว่าจะทำอะไร เฉินจื่อคังก็ไม่เคยมีความอดทนเลย
มองไปอีกที หน้าของเฉินจื่ออานก็หนาวจนแดงก่ำไปหมด เขาก็ใจอ่อนแล้วพูดว่า “เข้าไปคุยในบ้านเถอะ”
เฉินจื่อคังรอคำพูดนี้มานานแล้ว เขาขยับเท้า อยากเดินตามเฉินจื่ออานเข้าไป
อาจารย์โจวมานั่งบนที่นั่งแล้ว ตอนนี้กำลังมองดูไก่ย่างบนโต๊ะ รอเฉินจื่ออานมานั่งกินด้วยกัน เห็นเฉินจื่ออานเข้ามา เขาก็คิดว่าจะได้กินแล้ว แต่ไม่คิดว่า เฉินจื่อคังจะเข้ามาโค้งคำนับตัวเองอีกครั้ง
“อาจารย์ ไม่ทราบว่าตอนนี้มีเวลาหรือไม่ขอรับ?”
“ไม่มี!” อาจารย์โจวตอบปฏิเสธเสียงแข็ง ถ้าไม่ใช่เพราะก่อนหน้านี้ลู่ม่านกับเฉินจื่ออานเคยเจอฤทธิ์เดชเขามาแล้ว คงคิดว่าอาจารย์โจวไม่ชอบเฉินจื่อคังแน่
แต่เพราะว่ารู้จักนิสัยเขาดี ถึงรู้ว่า อาจารย์โจวชอบเรียนหนังสือกับกินของอร่อยมากที่สุด ก็เหมือนกับท่านอู๋ที่ชอบแค่การทำยาสมุนไพรและกินของอร่อย
เฉินจื่ออานรีบพูดแนะว่า “จื่อคัง กินก่อนค่อยพูดเถอะ!”
เฉินจื่อคังจึงต้องพยักหน้าแล้วนั่งลง
เพราะการปรากฏตัวของเฉินจื่อคัง อีกสามคนบนโต๊ะอาหารก็ไม่มีอารมณ์จะพูดคุยกันอีก ลู่ม่านกับเฉินจื่ออานไม่พูด อาจารย์โจวกลับไม่มีเวลาพูดเลย เขากินอาหารคำโตๆอย่างเอร็ดอร่อย ไม่มีเวลาพูดเลยด้วยซ้ำ
นิสัยแบบอาจารย์โจว ตอนที่ควรทำงานก็ตั้งใจทำงาน ตอนที่ควรกินข้าว ก็ต้องตั้งใจกินเหมือนกัน แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน
ในโลกปัจจุบันเรียกว่าการบริหารเวลาทำงานและพักผ่อนให้สมดุลกัน
แต่เฉินจื่อคังกลับรับไม่ได้ ความเชื่อของพวกเขาคือ นักวิชาการต้องสง่างาม แน่นอนว่า คนบางคนสง่างามจริง แต่ก็ส่วนใหญ่มักจะเสแสร้งกันหมด
ก็เหมือนกับเฉินจื่อคัง ทั้งที่ตอนนี้เขารู้สึกว่าอาหารดูอร่อยมาก แต่ก็ยังพยายามควบคุมตัวเองไว้ ลู่ม่านดูแล้วยังรู้สึกเหนื่อยแทนเขาเลย
หลังจากที่กินอิ่มกันแล้ว ในที่สุดเฉินจื่อคังก็หาโอกาสคุยกับอาจารย์โจวได้ แต่อาจารย์โจวก็สั่งการบ้านตอนบ่ายให้เฉินจื่ออานทันที
ในที่สุดเฉินจื่อคังก็ทนไม่ไหว ความอดทนทั้งหมดของเขาคงหมดไปแล้วล่ะ
ใช้โอกาสตอนที่เฉินจื่ออานยังไม่ไป เขาลากตัวเฉินจื่ออานไว้ “พี่สาม การสอบช่วงฤดูใบไม้ผลิครั้งนี้สำคัญกับข้ามาก ข้ารู้ว่า เรื่องราวก่อนหน้านั้นทำให้เกิดความเข้าใจผิดระหว่างเราเยอะมาก ข้าผิดเอง พี่สาม ครั้งนี้พี่จะต้องช่วยข้านะ”
เฉินจื่อคังไม่เคยขอร้องอย่างจริงใจขนาดนี้มาก่อน เฉินจื่ออานก็รู้สึกสงสาร มองอาจารย์โจวอย่างลังเล “ท่านอาจารย์ ได้โปรดฟังน้องชายข้าพูดได้หรือไม่ขอรับ?”
อาจารย์โจวก็ถึงเงยหน้าขึ้นมามองเฉินจื่อคัง “ในเมื่อจื่ออานขอมา เจ้าก็ลองพูดดูสิ”
เฉินจื่อคังก็ถึงโล่งใจ แต่ในใจก็ยังมีความไม่พอใจอยู่บ้าง ทั้งที่เทียบกับเฉินจื่ออานแล้ว ไม่ว่าจะภายนอกหรือความสามารถที่คิดว่าเก่งกว่า แต่อาจารย์โจวกลับสนใจแค่เฉินจื่ออาน
เขาควรจะคิดหาวิธีให้อาจารย์โจวหันมาสนใจเขาแล้วล่ะ เพราะยังไง ในตอนนั้นอาจารย์โจวท่านนี้ก็สอบได้ที่หนึ่งของบัณฑิตชั้นสูง
อาจารย์โจวมองเห็นสายตาที่มืดมนของเฉินจื่อคังพอดี
เขาหลับตาลงเงียบๆ เหมือนกำลังรอคำถามจากเฉินจื่อคัง
เฉินจื่อคังก็ถึงเก็บความคิดเอาไว้ แล้วท่องบทกลอนที่ตัวเองภาคภูมิใจมาโดยตลอดออกไป
——ลมวสันต์มิเคยคุ้น ไฉนนำเหตุม่านมุ้ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน
เด็กไม่ตายเพราะแม่คลอดยากจะตายเพราะคนรับใช้ป้อนโจ๊กข้าวจนอิ่มตื้อ รอดได้คือดวงแข็งเว่อ...
อ่านไป งงไป ตัดสินประหาร หรืออภัยโทษ?...
หม่อมข้า? ใช้ MS Word ไม่ระวังเลย...
ตั้งแต่ต้นจนถึงตอน 337 แล้ว โดยภาพรวมพระเอกไม่ค่อยมีเสน่ห์ ไม่เฉียบแหลมเลย...
อะไรจะมีปมขนาดนั้น วุ่นวายตอกย้ำเหลือเกินเกี่ยวกับระบบศักดินา ทั้งที่มันเป็นคนละยุคสมัยกัน...
ตอน285-287 หายทำไงดี...
ตอนหายค่ะ 284แล้วกระโดดไป288เลยค่ะ...
บท 285-287 หายค่ะ 284แล้ว288เลย รบกวนด้วยค่ะ...
281-311 รบกวนด้วยค่ะ...
บทที่241-311 หายค่ะ...