ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 97

ตอนเที่ยงก็ทำอาหารที่อาจารย์โจวชอบกิน ลู่ม่านเตรียมเสร็จแล้ว ก็เรียกพวกเขาออกมากินข้าว

เฉินจื่อคังรีบเสนอหน้าไป แล้วเรียกอย่างเป็นมิตรว่า “พี่สาม”

เฉินจื่ออานคิดว่าเฉินจื่อคังกลับไปแล้ว เพราะยังไงเมื่อก่อนไม่ว่าจะทำอะไร เฉินจื่อคังก็ไม่เคยมีความอดทนเลย

มองไปอีกที หน้าของเฉินจื่ออานก็หนาวจนแดงก่ำไปหมด เขาก็ใจอ่อนแล้วพูดว่า “เข้าไปคุยในบ้านเถอะ”

เฉินจื่อคังรอคำพูดนี้มานานแล้ว เขาขยับเท้า อยากเดินตามเฉินจื่ออานเข้าไป

อาจารย์โจวมานั่งบนที่นั่งแล้ว ตอนนี้กำลังมองดูไก่ย่างบนโต๊ะ รอเฉินจื่ออานมานั่งกินด้วยกัน เห็นเฉินจื่ออานเข้ามา เขาก็คิดว่าจะได้กินแล้ว แต่ไม่คิดว่า เฉินจื่อคังจะเข้ามาโค้งคำนับตัวเองอีกครั้ง

“อาจารย์ ไม่ทราบว่าตอนนี้มีเวลาหรือไม่ขอรับ?”

“ไม่มี!” อาจารย์โจวตอบปฏิเสธเสียงแข็ง ถ้าไม่ใช่เพราะก่อนหน้านี้ลู่ม่านกับเฉินจื่ออานเคยเจอฤทธิ์เดชเขามาแล้ว คงคิดว่าอาจารย์โจวไม่ชอบเฉินจื่อคังแน่

แต่เพราะว่ารู้จักนิสัยเขาดี ถึงรู้ว่า อาจารย์โจวชอบเรียนหนังสือกับกินของอร่อยมากที่สุด ก็เหมือนกับท่านอู๋ที่ชอบแค่การทำยาสมุนไพรและกินของอร่อย

เฉินจื่ออานรีบพูดแนะว่า “จื่อคัง กินก่อนค่อยพูดเถอะ!”

เฉินจื่อคังจึงต้องพยักหน้าแล้วนั่งลง

เพราะการปรากฏตัวของเฉินจื่อคัง อีกสามคนบนโต๊ะอาหารก็ไม่มีอารมณ์จะพูดคุยกันอีก ลู่ม่านกับเฉินจื่ออานไม่พูด อาจารย์โจวกลับไม่มีเวลาพูดเลย เขากินอาหารคำโตๆอย่างเอร็ดอร่อย ไม่มีเวลาพูดเลยด้วยซ้ำ

นิสัยแบบอาจารย์โจว ตอนที่ควรทำงานก็ตั้งใจทำงาน ตอนที่ควรกินข้าว ก็ต้องตั้งใจกินเหมือนกัน แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน

ในโลกปัจจุบันเรียกว่าการบริหารเวลาทำงานและพักผ่อนให้สมดุลกัน

แต่เฉินจื่อคังกลับรับไม่ได้ ความเชื่อของพวกเขาคือ นักวิชาการต้องสง่างาม แน่นอนว่า คนบางคนสง่างามจริง แต่ก็ส่วนใหญ่มักจะเสแสร้งกันหมด

ก็เหมือนกับเฉินจื่อคัง ทั้งที่ตอนนี้เขารู้สึกว่าอาหารดูอร่อยมาก แต่ก็ยังพยายามควบคุมตัวเองไว้ ลู่ม่านดูแล้วยังรู้สึกเหนื่อยแทนเขาเลย

หลังจากที่กินอิ่มกันแล้ว ในที่สุดเฉินจื่อคังก็หาโอกาสคุยกับอาจารย์โจวได้ แต่อาจารย์โจวก็สั่งการบ้านตอนบ่ายให้เฉินจื่ออานทันที

ในที่สุดเฉินจื่อคังก็ทนไม่ไหว ความอดทนทั้งหมดของเขาคงหมดไปแล้วล่ะ

ใช้โอกาสตอนที่เฉินจื่ออานยังไม่ไป เขาลากตัวเฉินจื่ออานไว้ “พี่สาม การสอบช่วงฤดูใบไม้ผลิครั้งนี้สำคัญกับข้ามาก ข้ารู้ว่า เรื่องราวก่อนหน้านั้นทำให้เกิดความเข้าใจผิดระหว่างเราเยอะมาก ข้าผิดเอง พี่สาม ครั้งนี้พี่จะต้องช่วยข้านะ”

เฉินจื่อคังไม่เคยขอร้องอย่างจริงใจขนาดนี้มาก่อน เฉินจื่ออานก็รู้สึกสงสาร มองอาจารย์โจวอย่างลังเล “ท่านอาจารย์ ได้โปรดฟังน้องชายข้าพูดได้หรือไม่ขอรับ?”

อาจารย์โจวก็ถึงเงยหน้าขึ้นมามองเฉินจื่อคัง “ในเมื่อจื่ออานขอมา เจ้าก็ลองพูดดูสิ”

เฉินจื่อคังก็ถึงโล่งใจ แต่ในใจก็ยังมีความไม่พอใจอยู่บ้าง ทั้งที่เทียบกับเฉินจื่ออานแล้ว ไม่ว่าจะภายนอกหรือความสามารถที่คิดว่าเก่งกว่า แต่อาจารย์โจวกลับสนใจแค่เฉินจื่ออาน

เขาควรจะคิดหาวิธีให้อาจารย์โจวหันมาสนใจเขาแล้วล่ะ เพราะยังไง ในตอนนั้นอาจารย์โจวท่านนี้ก็สอบได้ที่หนึ่งของบัณฑิตชั้นสูง

อาจารย์โจวมองเห็นสายตาที่มืดมนของเฉินจื่อคังพอดี

เขาหลับตาลงเงียบๆ เหมือนกำลังรอคำถามจากเฉินจื่อคัง

เฉินจื่อคังก็ถึงเก็บความคิดเอาไว้ แล้วท่องบทกลอนที่ตัวเองภาคภูมิใจมาโดยตลอดออกไป

——ลมวสันต์มิเคยคุ้น ไฉนนำเหตุม่านมุ้ง

รอเขาเข้าใจแล้ว ก็ถึงเห็นเฉินจื่อคังรีบพูดขึ้นว่า “ท่านอาจารย์ จื่อคังจะจดจำสิ่งที่ท่านสั่งสอนเอาไว้ในใจ ข้าจะกลับไปศึกษาค้นคว้าเดี๋ยวนี้ พยายามสอบผ่านให้ได้”

พูดจบ ยังไม่รออาจารย์โจวพยักหน้า เฉินจื่อคังก็ลุกขึ้นเดินจากไปทันที

เฉินจื่ออานเห็นอาจารย์โจวขมวดคิ้ว รีบพูดอธิบายว่า “ปกติจื่อคังไม่ได้สะเพร่าถึงเพียงนี้ ท่านอาจารย์……”

“ไม่เป็นไร!” อาจารย์โจวปัดมือ “จื่ออาน เจ้าจำคำข้าเอาไว้นะ ถึงแม้ญาติมิตรจะสำคัญมากเพียงใด แต่จำเอาไว้ว่าอย่าถูกความสัมพันธ์ญาติมิตรบังตาเด็ดขาด ไม่งั้นเจ้าจะมองไม่เห็นในความจริง”

เฉินจื่ออานเข้าใจความหมายของอาจารย์โจวดี เขารีบพยักหน้าแล้วไปเรียนหนังสือต่อ

……

ลู่ม่านเพิ่งเก็บกวาดห้องครัวเสร็จก็เห็นเฉินจื่อคังเดินออกไปอย่างรวดเร็ว เขาเห็นนางแล้วก็ไม่ยอมเหลือบตามองเลยด้วยซ้ำ ไม่มีท่าทีที่มีมารยาทเหมือนตอนที่มาร้องขอความช่วยเหลือเลย

ลู่ม่ายเลิกคิ้วขึ้น ดูท่าเฉินจื่อคังจะได้รับความช่วยเหลือแล้ว? ทำไมวันนี้อาจารย์โจวถึงพูดด้วยง่ายขนาดนี้

แต่ว่า ลู่ม่านไม่อยากสนใจเรื่องนี้แล้ว เพราะใกล้ถึงวันส่งของแล้ว ตอนบ่ายเฉินจื่ออานเรียนหนังสืออยู่ที่บ้าน นางก็เลยต้องไปทำงานที่โรงงานเอง

ก่อนหน้านี้นางสั่งทำตะกร้าไว้หลายใบมาก เพื่อเอามาทดแทนกล่องกระดาษในโลกปัจจุบัน

ตะกร้าแต่ละใบสามารถใส่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปได้ยี่สิบซอง ลู่ม่านกำหนดราคาของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปทุกกล่องเป็นเงินสิบแปดเหวิน

เทียบเท่ากับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่ขายในราคาซองละไม่ถึงหนึ่งเหวิน แนะนำให้พ่อค้าขายในราคาหนึ่งเหวิน

ด้วยวิธีการนี้ หากคนที่ต้องเดินทางไกลหรือสำหรับชาวบ้านธรรมดาส่วนใหญ่แล้ว ก็จะสามารถจ่ายในราคานี้ได้

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน