องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน นิยาย บท 1005

หลี่จุ่นพลันลูบจมูกอย่างไม่รู้ตัว สุดท้ายเป็นเพราะแท่งถ่านทำมาได้ไม่ดี นิ้วที่ดำเปรอะเปื้อน ในตอนนี้ลูบไปบนจมูกแล้ว

ปีกจมูกพลันดำไปหมด

เมื่ออวี้เจียเห็นดังนั้น ก็รีบเอ่ยขึ้นว่า

“ท่านอ๋อง อย่าขยับนะเจ้าคะ”

พูดพลางประคองใบหน้าของหลี่จุ่นขึ้นมา แล้วเช็ดออกให้เขาอย่างอ่อนโยน

ในฉับพลันที่ตรงนั้นก็เต็มไปด้วยความอบอุ่นสุด ๆ

หลี่จุ่นอดไม่ได้ที่จะหน้าแดง ลมหายใจเปลี่ยนเป็นถี่ขึ้น

ส่วนอวี้เจียเองหัวใจก็พลันเต้นระรัวเพิ่มความเร็วขึ้นเช่นกัน ในตอนนี้เองนางถึงรู้สึกตัวว่าปากของนางกับหลี่จุ่นได้ประกบกันแล้ว

ขาดเพียงแค่จุมพิตลงไปแค่นั้น

ลมหายใจของทั้งสองคนรดไปบนหน้าของอีกฝ่าย จากนั้นทั้งสองคนก็สบสายตากัน เมื่อคลื่นน้ำกระเพื่อมอ่อน ๆ ในดวงตาแล้วก็ยากจะควบคุม

ในเวลานี้ ต่างรู้สึกว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเต็มไปด้วยกลิ่นอายอันทรงเสน่ห์!

วินาทีถัดมา!

ไม่รู้เหมือนกันว่าใครเป็นฝ่ายเริ่มก่อน ปากทั้งสองค่อย ๆ จุมพิตกัน

แต่ทว่า!

ในจังหวะนี้เอง!

มีน้ำเสียงอันหยาบคายของเฟิงอู่หังดังขึ้นมาจากนอกประตู

“พ่อหนุ่ม ข้ามีเรื่องจะคุยกับเจ้า ข้าจะเข้าไปแล้วนะ?”

ทันใดนั้นทั้งสองคนก็อึ้งทึ่งไปโดยพลัน!

อวี้เจียรีบผละออกด้วยความเร็ว แน่นอนว่าสีหน้าแดงระเรื่ออย่างไร้ที่เปรียบ

ส่วนหลี่จุ่นเองก็ไม่ได้ดีไปกว่ากัน สีหน้าแดงก่ำไปหมด

อวี้เจียที่มองทีหนึ่งก็เปลี่ยนเป็นเขินอายเป็นอย่างมาก สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เฮือกหนึ่ง แอบด่าตัวเองว่าสัตว์เดรัจฉานทีหนึ่ง!

ถึงจะเตรียมตัวแล้วเปิดปากเอ่ยเรียกว่า

“ท่านอาวุโส เข้ามาสิ”

เมื่อได้ยินดังนั้น เฟิงอู่หังก็ผลักประตูเข้ามา

“พ่อหนุ่ม สองสามวันนี้ข้าคิดกระบวนท่าขึ้นมาสองสามท่า ไป ออกไปหาที่เรียนกัน ข้าจะสอนเจ้าเอง!”

เฟิงอู่หังชำเลืองมองอวี้เจียทีหนึ่ง แล้วเอ่ยขึ้นอย่างเสียงดัง

ทำไมเขาถึงอยากจะเข้ามาน่ะหรือ?

เป็นเพราะได้ยินว่าหญิงสาวคนแคว้นหลางที่อยู่หน้าตาสะสวยหยาดเยิ้มไร้ที่เปรียบเข้ามาในห้องของหลี่จุ่นนานมากแล้ว ฉะนั้นเขาจึงนั่งไม่ติด

ชายโสดหญิงโสดอยู่ในห้องเดียวกัน ใช้นิ้วหัวแม่เท้าคิดก็รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

ถูกสตรีทรงเสน่ห์ผู้นี้จัดการจนสำเร็จแล้ว เช่นนั้นหลานสาวของตนจะทำอย่างไรเล่า?

ตัวเขามีกระบวนท่าสองสามกระบวนท่าจะสอนหลี่จุ่นพอดี ก็เลยเอามาเป็นข้ออ้างในการขัดจังหวะของทั้งสองคนเสียเลย!

เมื่อหลี่จุ่นได้ยินดังนั้น ก็รู้ในทันทีว่าตาเฒ่าผู้นี้มีเจตนาอย่างไร

ตอนนี้จะทำให้เฟิงอู่หังตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอับอายก็ไม่ดีนัก จึงรีบลุกขึ้นแล้วเอ่ยอย่างยิ้มแย้มว่า

“เยี่ยมเลย สองสามวันนี้ข้าเองก็ไม่ได้ฝึกวรยุทธ์เลยพอดีเช่นกัน เช่นนั้นก็รบกวนท่านอาวุโสช่วยชี้แนะสั่งสอนสักสองสามกระบวนท่าก็แล้วกัน”

เขาจึงเอ่ยอธิบายว่า

“นี่เป็นญาติผู้ใหญ่ที่จากไปแล้วของข้าท่านหนึ่ง ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองหลวงของราชวงศ์อู่ตลอด ท่านอาวุโสมองผิดแล้วหรือเปล่า?”

เฟิงอู่หังอยู่ที่แคว้นหนาน แถมยังอาศัยอยู่บนเขาเปยหลงตั้งนานนมขนาดนั้น อาจจะเคยไปเมืองหลวงของราชวงศ์อู่ แต่จะเคยเห็นได้อย่างไร

เฟิงอู่หังเองก็พลันเกิดความสงสัย เขาตบหัวแล้วเอ่ยขึ้นว่า

“เช่นนั้นอาจจะมองผิดไปแล้วจริง ๆ ข้าเองก็ไม่เคยไปเมืองหลวงของราชวงศ์อู่ ไม่น่าจะเคยเห็นมาก่อน ข้าอาจจะ...อาจจะจำผิดไป ให้ตายเถอะ ความจำข้านี่ไม่ดีเอาเสียเลย!”

พูดไปพลางเฟิงอู่หังก็ตบศีรษะด้วยความโมโห ก่อนจะเอ่ยชมเชยขึ้นว่า

“พ่อหนุ่ม ไม่เลวเลยนี่ ก่อนหน้านี้ได้ยินพวกเจ้าเด็กเมื่อวานซืนพูดกันว่าเจ้าวาดภาพเป็น วันนี้ได้มาเห็น ช่างเยี่ยมยอดอย่างที่คิดเอาไว้จริง ๆ! ภาพวากเช่นนี้ ข้าไม่เคยพบไม่เคยเจอมาก่อนเลยในชีวิต! นี่วาดได้เหมือนตัวจริงยิ่งนัก!”

หลี่จุ่นเพียงแค่ยิ้ม เพื่อแสดงความถ่อมเนื้อถ่อมตน

เพียงแต่พูดในใจว่ารอข้าวาดเสร็จแล้ว เช่นนั้นไม่ต้องตกตะลึงจนลูกตาเจ้าถลุนออกมาเลยหรือ!

หลี่จุ่นกำลังพูดคุยกับเฟิงอู่หังอยู่ ทันใดนั้นก็เหลือบไปเห็นเงาร่างของหนีกู่ที่อยู่ตรงประตูขยับไปมาอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทางลังเล เขาจึงรีบเอ่ยขึ้นว่า

“นี่ หนีกู่ เจ้ามาหาข้าหรือ? มีเรื่องอันใด?”

นี่เป็นลูกพี่ลูกน้องของเมียเขาเลยนะ!

จะเมินเฉยไม่ได้

เขาจึงรีบให้หนีกู่เข้ามา

เมื่อหนีกู่เห็นเฟิงอู่หังก็พูดอะไรไม่ออก

จำใจเดินเข้ามาก่อน จากนั้นเขาก็เหลือบไปเห็นภาพวาดบนโต๊ะ มองไปเพียงปราดเดียวก็อึ้งไปเลย ก่อนจะโพล่งเอ่ยเรียกออกมาว่า

“เอ๊ะ นี่ นี่มันจอมยุทธ์หยางมิใช่หรือ?!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน