องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน นิยาย บท 1011

จากจวนชายแดนตะวันตกไปยังเมืองหลินซุ่นปกติจะใช้เวลาเดินทัพราวๆ สี่ชั่วโมง แต่หากเดินทัพเต็มกำลังใช้เวลาเพียงสองชั่วโมงก็เพียงพอแล้ว

มีโอกาสสูงมากที่จะยึดเมืองหลินซุ่นได้ก่อนที่ฝ่ายตรงข้ามจะไปถึง

จากนั้น

หลี่จุ่นก็นำทหารและม้าหนึ่งหมื่นนายออกเดินทางทันที

แต่น่าเสียดายที่ไม่มีรองแม่ทัพคนใดติดตามไปด้วย

เพราะหยวนเฟิงที่ก่อนหน้านี้เขามักใช้ให้ไปด้วยก็กรีฑาทัพไปพร้อมกับเฟิงอู่หังแล้ว

หลี่จุ่นจึงต้องรับบทแม่ทัพและควบม้านำทัพด้วยตนเอง

เดิมทีจักรพรรดินีต้องการจะไปกับหลี่จุ่นด้วย แต่หลี่จุ่นปฏิเสธ

เพราะจวนชายแดนตะวันตกยังคงเป็นสถานที่สำคัญ จะประมาทไม่ได้

จำเป็นต้องมีคนคอยคุ้มกันที่นี่

ถึงแม้ว่าหลี่จุ่นจะไม่มีรองแม่ทัพ แต่ก็มีคนเจรจา

ใครกันนะ?

แน่นอนว่าต้องเป็นสาวน้อยอวี้เจียน่ะสิ

ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว หลายวันมานี้อวี้เจียผูกพันกับหลี่จุ่นเป็นพิเศษ ครั้งนี้หลี่จุ่นออกรบเพียงลำพังทั้งที่ นางจะไม่ไปด้วยได้อย่างไร

ยิ่งไปกว่านั้น อวี้เจียก็ถือว่าเป็นขุมปัญญา หากพานางไปด้วย ไม่แน่เมื่อถึงยามคับขันนางอาจจะมีความคิดดีๆ ก็ได้ และอาจเป็นประโยชน์ในการแลกเปลี่ยนความคิด

ทหารและม้านับหมื่นเคลื่อนพลอย่างเกรียงไกร

เดินทัพอย่างเต็มกำลัง

ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงด้านนอกเมืองหลินซุ่นในตอนหลังเที่ยงคืนโดยสวัสดิภาพ

ขณะนี้เมืองหลินซุ่นอยู่ใกล้เพียงเอื้อมมือ

รอเพียงโอกาสบุกเข้าไปโจมตี

ในเวลานี้

ที่ศาลาว่าการอำเภอเมืองหลินซุ่น

ใต้เท้าปลัดอำเภอวัยชราถูกปลุกให้ตื่นตั้งนานแล้ว ทว่าไม่ใช่กองกำลังของหลี่จุ่นที่ทำให้เขาสะดุ้งตื่นด้วยความตกใจ แต่เพราะก่อนหน้านี้เขาได้รับข่าวว่าเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นบนภูเขา

ข่าวว่ากองทัพแคว้นหนานบุกโจมตี ตอนนี้บนภูเขาเละเป็นโจ๊กเลย

ปลัดอำเภอวัยชรามีสีหน้าตื่นตระหนก รีบเขียนจดหมายกลางดึก แล้วสั่งให้ม้าเร็วนำไปส่งทันที

แต่หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ได้รับข่าวว่ากองทัพเหยียนโจวบุกโจมตีอีก

“ท่าจะแย่แล้ว... ถึงเวลาถอยแล้ว”

ปลัดอำเภอวัยชรามีสีหน้าไม่พอใจ และแค้นฝังใจอยู่ลึกๆ

ทว่า บนเขาเกิดเรื่องเช่นนี้แล้ว อีกทั้งกองทัพเหยียนโจวก็บุกโจมตี มันไม่มีทางแก้ไขอะไรได้อีกแล้ว

แผนการที่วางไว้มานานหลายปี... บัดนี้กลับพังทลายลงในชั่วข้ามคืน

กล่าวจบ เขาก็สั่งให้ทุกคนถอนกำลังทันที

กองทัพใหญ่บนเขาคงจบเห่แล้ว

อย่างไรเสีย กองทัพแคว้นหนานมีกองกำลังมากปานนั้น คาดว่าคงหนีไม่รอด ส่วนพวกเขาเป็นเพียงมดตัวเล็กๆ หากอยู่ที่นี่ต่อไปก็ตายเสียเปล่า

ไม่สู้หนีไปดีกว่า ใครหนีได้ก็หนีไป

ปลัดอำเภอชราเริ่มเก็บข้าวของและเตรียมพาครอบครัวหนี

ทหารที่อยู่ข้างๆ รีบอธิบายว่า

“ท่านกุนซือ พวกเขาอยากออกจากเมือง แต่ถูกพวกข้าขวางไว้ ข้าถามเขาว่าทำอาชีพอะไร เขาบอกว่าเป็นพ่อค้า แต่ไอ้แก่คนนี้ยัดเงินให้เรา ดูท่าจะรีบร้อนออกจากเมือง จึงนึกถึงคำสั่งของท่านกุนซือก็เลยนำตัวมา...”

เมื่อหลี่จุ่นได้ยินดังนั้นก็ดีใจในทันที

ก่อนหน้านี้เขาสั่งว่าห้ามให้ใครออกจากเมือง หากมีใครที่รีบร้อนออกจากเมืองให้นำตัวมาให้เขา

ไม่ใช่ว่าพวกที่รีบร้อนออกจากเมืองทุกคนจะมีเจตนาซ้อนเร่น แต่คนที่มีเจตนาซ่อนเร่นต้องคิดออกจากเมืองก่อนเป็นอันดับแรก

และไอ้แก่นี่และครอบครัวก็เข้าข่าย

แล้วยังติดสินบน?

ท่าทางชำนาญเรื่องนี้เสียด้วย

ไม่แน่อาจเป็นปลาใหญ่ก็ได้

หลี่จุ่นยิ้มพลางมองเด็กและผู้ใหญ่เจ็ดแปดคนที่อยู่เบื้องล่าง

ทันใดนั้น

สายตาของเขาก็จับจ้องไปที่ชายชราที่ดูค่อนข้างสงบแล้วถามว่า

“บอกมา พวกเจ้าเป็นใคร”

เมื่อชายชราได้ยินดังนั้นก็รีบตีหน้ายิ้มพร้อมประกบมือทำความเคารพหลี่จุ่นพลางพูดว่า

“คารวะท่านแม่ทัพ ท่านแม่ทัพ ข้าน้อยเป็นเพียงพ่อค้าในเมือง... กองทัพเกรียงไกรของท่านแม่ทัพมาถึงกะทันหัน ข้าน้อยกลัวก็เลยอยากจะพาครอบครัวออกจากเมือง... ขอท่านแม่ทัพโปรดอำนวยความสะดวกด้วย”

หลี่จุ่นพยักหน้าเล็กน้อยแล้วพูดว่า

“ดีมาก แต่ข้าไม่เชื่อเจ้า”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน