องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน นิยาย บท 1024

ทุกคนมองกันไปมองกันมา

จากนั้นก็พากันเห็นด้วยกับข้อเสนอของกุนซือเจี่ยงอิงสง

ขนาดกุนซือยังว่าได้แล้ว แล้วพวกเขาที่เป็นคนหยาบกระด้างทำงานตามคำสั่งจะมีความเห็นอะไรที่ดีกว่าได้

ก็ต้องไม่มีอยู่แล้ว

ไม่ต้องเสนอไปเป็นพิธีหรอก

องค์ชายสี่พยักหน้าพอใจเอ่ย

“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น พรุ่งนี้ก็ส่งหน่วยสอดแนมออกไปตรวจสอบสถานการณ์ของศัตรูให้ชัดเจน วันมะรืนยกทัพไปเมืองหลินซุ่น!”

ศึกแรกของเขาจะต้องเกริกก้อง เขาต้องทำศึกนี้ให้สวยงาม!

ต้องโจมตีไม่ให้อีกฝ่ายไหวตัวทัน!

องค์ชายสี่คิดอย่างนี้อยู่ในใจ อดรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาไม่ได้

เขาไม่คิดว่าเสด็จพ่อจะให้เขาเริ่มรับหน้าที่ดูแลกองทัพเร็วอย่างนี้ ทีแรกเขายังนึกว่าถ้าเป็นไปตามคาด ตัวเองจะได้เป็นท่านอ๋องอีกสักสองปีแล้วค่อยถูกส่งไปอยู่ชายแดนตะวันตก

แต่คิดไม่ถึง

มาถึงก็ให้เขาลองคุมทหารสามแสนนาย ทำให้เขาคิดไม่ถึงจริง ๆ

เพราะเขาไม่เคยไปค่ายทหารมาก่อน ยิ่งไม่เคยคลุกคลีกับการควบคุมทหาร

เขาไม่ค่อยเข้าใจจุดประสงค์ของเสด็จพ่อ

แต่

พอคิดในเชิงลึก คล้ายว่าเขาจะรู้จุดประสงค์ของเสด็จพ่อแล้ว

เวลานี้

เมืองหลวงราชวงศ์อู่

เจิ้นเป่ยอ๋องและอัครมหาเสนาบดีเฒ่าแคว้นฉีกำลังนั่งอยู่ที่หน้าประตูเมืองทางเหนือ ต่างฝ่ายต่างมีกองทัพ ทว่าพวกเขากำลังเดินหมากอย่างผ่อนคลายอยู่หน้าทัพทั้งสอง

พลางเจรจา

“ท่านอ๋องยังองอาจเหมือนเดินเลยนะ นึกถึงตอนที่จากกันเมื่อยี่สิบปีก่อน ข้ากลับแก่ตัวไปทัพวัน สวรรค์กลับโปรดปรานท่านอย่างยิ่ง ใบหน้าของท่านเหมือนยังหยุดอยู่เมื่อยี่สิบปีก่อน”

อัครมหาเสนาบดีเฒ่าหวังฉวนเหวินแห่งแคว้นฉีพูดกลั้วหัวเราะ มือถือหมากสีดำอยู่ในมือ

เจิ้นเป่ยอ๋องสายตาอยู่กับกระดานหมาก มือถือหมากสีขาว พอได้ยินคำพูดของอัครมหาเสนาบดีเฒ่าแล้วก็พูดเรียบ ๆ ว่า

“ท่านคิดมากแล้ว ใช่ว่าสวรรค์โปรดปรานข้า ท่านเองก็ยังหน้าตาเหมือนเมื่อยี่สิบปีก่อน ผิวพรรณจะแก่ชรากว่าข้าเป็นเรื่องธรรมดา”

ว่าแล้วก็วางหมาก

อัครมหาเสนาบดีเฒ่าหัวเราะฮา ๆ มองกระดานหมากและพูด

“ความสามารถในการเดินหมากของท่านอ๋องก้าวหน้ากว่าเมื่อยี่สิบปีก่อนนะ บัดนี้ข้าสู้ไม่ได้แล้ว”

ว่าแล้วก็วางหมากตัวหนึ่ง พอวางลงเจิ้นเป่ยอ๋องก็ขมวดคิ้วทันที อยู่นานก็ยังวางหมากไม่ได้

อัครมหาเสนาบดีเฒ่าหัวเราะฮ่า ๆ เอ่ย

“ท่านอ๋อง เป็นอย่างไร เรื่องที่ข้าพูดในจดหมาย ท่านพิจารณาไปถึงไหนแล้ว บัดนี้ราชวงศ์อู่เจอกับการร่วมมือของแคว้นต่าง ๆ กองทัพล้านคน ความน่าเกรงขามของราชวงศ์อู่ผ่านพ้นไปแล้ว หากท่านร่วมมือกับข้า ต้องโค่นราชวงศ์อู่สถาปนาแคว้นใหม่ได้ในเร็ววันแน่!”

ดังนั้น

จะต้องสู้จนทหารคนสุดท้ายตายจึงจะจบ!

ซึ่งเป็นความสูญเสียที่ไม่สมควรของแคว้นฉี!

อาจเพลี่ยงพล้ำหนักได้ทุกเมื่อ

หวังฉวนเหวินหมุนตัวกลับเข้าค่ายทหารแคว้นฉีเหมือนกัน อู๋อี๋หลิงเดินมาหาและถามทันที

“อัครมหาเสนาบดี เป็นอย่างไรบ้าง”

หวังฉวนเหวินส่ายหน้า

อู๋อี๋หลิงรู้สึกผิดหวังอย่างยิ่ง

“อัครมหาเสนาบดี เช่นนั้นพวกเราควร...”

หวังฉวนเหวินคิดแล้วจึงเอ่ย

“เจิ้นเป่ยอ๋องให้สัจจะเอง ถ้าไม่ผ่านเมืองหลวง เขาจะไม่ขัดขวาง กลับเหมือนกับที่ข้าคิดไว้เมื่อก่อนหน้านี้ เจิ้นเป่ยอ๋องกับหลี่เจิ้งไม่ได้เป็นพวกเดียวกัน นี่ยังนับว่าเป็นข่าวดี”

“อัครมหาเสนาบดี ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เช่นนั้นทัพเรา...”

หวังฉวนเหวินสีหน้าไม่แน่นอน แต่ก็พูดในท้ายที่สุด

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ไปชิงโจวเถอะ แล้วไปทางอิงโจวและเมืองหลวงแคว้นหนานต่อ ”

ถ้าหลี่เจิ้งจะสถาปนาราชวงศ์อู่ที่แคว้นหนาน จะไม่ง่ายอย่างนั้น!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน