องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน นิยาย บท 1042

หลังจากลอยไปได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ในที่สุดทั้งสามคนก็มองเห็นค่ายของศัตรู

แสงไฟระยิบระยับกระจัดกระจาย

เมื่อมองจากบนท้องฟ้ายามค่ำคืนมันช่างงดงามยิ่งนัก

แทบสุดลูกหูลูกตา

ซือคงซั่วและจ้าวกว่ายจื่อมองลงไปด้วยความกล้า ก่อนจะอุทานออกมาทันที

“นี่ นี่กองกำลังศัตรูมีมากมายขนาดนี้...เราจะชนะได้ไหม”

“นั่นสิ มองไปเห็นกองทหารศัตรูมากมายขนาดนี้ น่ากลัวจริง ๆ...”

หลี่จุ่นได้ยินทั้งสองคนพึมพำและอุทาน จึงเตะเข้าไปหนึ่งทีและพูดว่า

“มันน่ากลัวตรงไหนเนี่ย กองทัพของเราก็มีทหารมากเช่นนี้ เราเห็นว่าอีกฝ่ายมีทหารจำนวนมาก อีกฝ่ายก็เห็นกองทัพของเราแบบเดียวกัน!”

“ใช่ ๆ ๆ กุนซือท่านพูดถูก!”

ซือคงซั่วเป็นคนที่แล่นเรือไปตามทางลม จึงพยักหน้าเห็นด้วยทันที

โดยพื้นฐานแล้วจ้าวกว่ายจื่อและซือคงซั่วเป็นคนจำพวกเดียวกัน ดังนั้นจึงรีบพยักหน้าเห็นด้วย

กุนซือว่าอย่างไรก็ว่าอย่างนั้น!

“เอาล่ะ เตรียมพร้อมต่อสู้กันเถอะ! รีบหาที่ตั้งเสบียงของศัตรูโดยเร็ว!” หลี่จุ่นพูด

“รับทราบ!”

ทั้งสองมองลงไปด้านล่างทันที

ค่อย ๆ ลอยผ่านไปเหนือกองทัพศัตรู ชั่วขณะนั้นเองด้านล่างก็มีเสียงเอะอะ

กองทัพเหยียนโจวสังเกตเห็นลูกโป่งร้อนขนาดใหญ่ติดไฟลอยมาอยู่บนท้องฟ้า รู้สึกประหลาดใจมาก จึงพากันเงยหน้าขึ้นมอง

ทว่ามันลอยค่อนข้างสูงและทัศนวิสัยในการมองเห็นไม่ค่อยดีในตอนกลางคืน จึงไม่เห็นว่ามีคนอยู่บนนั้น

เมื่อมีการรายงานข่าวไปยังกระโจมกลางกองทัพ กลุ่มทหารที่นำโดยองค์ชายสี่ก็วิ่งออกจากกระโจมกลางกองทัพทันทีและเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ทันใดนั้นก็เห็นลูกโป่งขนาดใหญ่กำลังลอยช้า ๆ บนท้องฟ้ายามค่ำคืน

ดูเหมือนจะมีไฟอยู่ข้างใต้!

ส่องแสงเป็นประกาย!

“นี่มันอะไรกัน”

“มีอะไรลอยอยู่บนท้องฟ้า”

“ลูกใหญ่มาก...”

“นี่มันอะไรเนี่ย!”

“…”

ทุกคนต่างส่งเสียงโหวกเหวกโวยวาย รู้สึกประหลาดใจอย่างมาก

องค์ชายสี่และกุนซือเจี่ยงอิงสงที่ตกหลุมพรางจนแขนซ้ายหักโดยไม่ได้ตั้งใจเมื่อตอนกลางวันก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกัน

นี่มันอะไรกันเนี่ย

“นี่คืออะไร” กุนซือเจี่ยงอิงสงครุ่นคิดอย่างหนักจนอดไม่ได้ที่จะพูดออกมา

องค์ชายสี่ส่ายหน้า ดวงตาพลางหรี่ลงเล็กน้อย

สิ่งนี้...เหมือนจะคุ้น ๆ นะ

นอกจากนี้ ต้องมีทหารจำนวนมากคอยเฝ้าอยู่บริเวณนั้น

เพราะท้ายที่สุดแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดในการเคลื่อนทัพไปทำสงครามนั่นก็คือเสบียงอาหาร ซึ่งเป็นอุปกรณ์รบที่สำคัญที่สุดทางการทหาร!

หากสูญเสียเสบียงอาหารไป สงครามก็จะไม่สามารถดำเนินต่อไปได้

แน่นอนว่าโดยทั่วไปแล้วไม่ควรขนเสบียงมามากจนเกินไป เพราะการนำมามากเกินไปจะเป็นการถ่วงกองทัพ

“กุนซือ ไม่เจอเลย เสบียงของกองทัพเราตั้งอยู่ใกล้กระโจมกลางกองทัพ แต่ของกองทัพศัตรูไม่มีเลย!”

ซือคงซั่วจ้องดูอยู่นานแต่ไม่พบสิ่งใดเลย ทันใดนั้นสีหน้าก็ดูสับสน

จ้าวกว่ายจื่อก็หาสุดความสามารถแต่ก็ไม่พบ

หลี่จุ่นเริ่มสงสัยทันที

หรือว่าเสบียงของกองทัพศัตรูทั้งหมดจะให้พวกทหารคอยพกติดตัวเอาไว้

อันที่จริงเสบียงอาหารเพียงหนึ่งหรือสองวันก็ไม่ได้มากนัก

มันเป็นไปได้จริง ๆ!

นี่คือปรัชญาการรบแบบสายฟ้าแลบของเขา องค์ชายสี่ผู้นี้อาจจะเคยศึกษาสงครามชายแดนทางตอนเหนือ

บางทีไอ้หมอนี่อาจเลียนแบบเขาจริง ๆ โดยให้พวกทหารขนเสบียงสำหรับแค่วันสองวันเท่านั้น และยกเลิกการจัดเตรียมเสบียงให้กับกองทัพ

อันที่จริงแล้ว

การคุ้มกันเสบียงขนทีทั้งหมดนั้น มันไม่สะดวกต่อการเดินทาง

แต่การแยกกันพกพาไว้แทบจะไม่ส่งผลกระทบต่อการทำสงครามเลย!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน