องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน นิยาย บท 1069

หลังเข้าไปทูลจักพรรดินี หลี่จุ่นก็รีบบอกจักรพรรดินีไปตามนั้น

นัยน์ตาของจักรพรรดินีพลันประกายความสงสัยเล็กน้อย รู้สึกแปลก ๆ อยู่นิดหน่อย

แต่ทว่าท้ายที่สุดก็พยักหน้าแล้วเอ่ยพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“ดี กุนซือรีบไปเร็วเข้าเถิด”

หลี่จุ่นมองประเมินนัยน์ตาของจักรพรรดินีอย่างละเอียดทีหนึ่ง ก่อนจะยิ้มเล็กน้อยแล้วเอ่ยขึ้นว่า

“ฝ่าบาท หากกระหม่อมเข้าไป พรุ่งนี้เช้ารีบยกทัพไปแสร้งทำเป็นจู่โจม จากนั้นให้ผู้บัญชาการทัพเหยียนโจวขึ้นไปเจรจาบนกำแพงเมือง เสนอให้ประชาชนที่อยู่ภายในเมืองออกไปจากเมืองเพื่อเลี่ยงสงคราม หากเขาตอบตกลงก็ดี แต่หากไม่ตอบตกลง หลังจากนั้นก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของกระหม่อมเอง! กระหม่อมไปครานี้เกรงว่าจะไปหลายวัน แต่ฝ่าบาทไม่ต้องเป็นกังวลไป!”

พูดจบ หลี่จุ่นก็คารวะไปทางจักรพรรดินีทีหนึ่ง แล้วหมุนตัวออกไปอย่างรวดเร็ว!

หลังเก็บข้าวของอย่างง่าย ๆ เสร็จ หลี่จุ่นก็มายังนอกประตูค่าย แล้วออกไปจากค่ายทหารพร้อมกับอวิ๋นเอ๋อร์

“ท่านนายน้อย พวกเราจะเข้าไปจากทางประตูตะวันออกนะเจ้าคะ” อวิ๋นเอ๋อร์เอ่ยปากพูด

หลี่จุ่นพลันประหลาดใจขึ้นมาในทันใด “พี่อวิ๋นเอ๋อร์ พวกเราเข้าไปอย่างโจ่งแจ้งได้เลยหรือ?”

อวิ๋นเอ๋อร์ยิ้มเล็กน้อยพลางส่ายหน้า “ท่านนายน้อย เดี๋ยวท่านเห็นท่านก็จะรู้เอง อวิ๋นเอ๋อร์จัดแจงเอาไว้เรียบร้อยแล้ว”

หึ!

แม่นางน้อยผู้นี้ยังไม่ยอมบอกตัวเขาอีก

เชื่อหรือไม่ข้าจะตีก้นเจ้าเสีย?

หลี่จุ่นพึมพำอยู่ในใจขึ้นมา ก่อนจะชำเลืองมองก้นของอวิ๋นเอ๋อร์ทีหนึ่ง พบว่าช่างกลมดิกและค่อนข้างงอนจริง ๆ

ทั้งสองคนเคลื่อนไหวอย่างลับ ๆ อยู่ในป่าทึบเงียบ ๆ เดินทางอ้อมไปไกล ใช้เวลาไปชั่วยามหนึ่ง ถึงได้มาถึงยังนอกประตูตะวันออก

เมื่อมาถึงแล้วก็ชำเลืองมองทีหนึ่ง เยี่ยมไปเลย ที่นี่ต่างจากประตูตะวันตกตรงไหนหรือ?

ถูกคุ้มกันเอาไว้อย่างเข้มงวดเช่นกัน!

และตรงนี้ก็ยังคงออกได้อย่างเดียวแต่เข้าไปไม่ได้

ไม่พูดไม่ได้ ระดับความระแวงของพี่สี่ผู้นี้ไม่ได้สูงแค่ขั้นธรรมดา ๆ

“พี่อวิ๋นเอ๋อร์ พวกเราจะเข้าไปอย่างไรหรือ?” เขารีบเอ่ยถามขึ้น

“ท่านนายน้อยรีบตามข้ามาให้เร็วที่สุดก็พอแล้ว”

อวิ๋นเอ๋อร์เอ่ยปาก พลางนำหลี่จุ่นไปด้วย มาถึงยังมุมหนึ่งที่อยู่ห่างจากประตูเมือง ตรงนั้นมีไม้ไผ่ยาวลำหนึ่ง และยังมีต้นสนโบราณอยู่สองสามต้น ยาวจนกิ่งก้านใบเยอะเขียวชอุ่ม

ทว่าในตอนนี้ใบไม้ร่วงโรยหมดแล้ว

อยู่ติดกับกำแพงเมืองพอดี

อวิ๋นเอ๋อร์ชี้ไปด้านบน พลางยิ้มแล้วเอ่ยขึ้นว่า “ท่านนายน้อย พวกเราจะเข้าไปจากทางนี้แหละเจ้าค่ะ!”

หลี่จุ่นชำเลืองมองทีหนึ่ง พลันตกตะลึงไปในทันใด แล้วเอ่ยขึ้นว่า “พี่อวิ๋นเอ๋อร์ หรือว่าวิชาตัวเบาของท่านจะเลิศล้ำจนถึงขั้นนี้แล้ว? ท่านพาข้าลอยขึ้นไปได้แล้วหรือ?”

กำแพงเมืองนี้สูงมากเลยนะ!

สูงจนแม้แต่ทัพศัตรูยังขี้เกียจจะจัดวางกำลังป้องกันไว้ตรงนี้!

ต้นสนโบราณนี้ แม้จะทั้งยาวและทั้งสูง แต่ก็ไม่ได้สูงเท่ากับกำแพงเมือง ยังห่างกันอีกมากทีเดียว!

ด้วยวิชาตัวเบาของตนเอง คิดจะลอยข้ามไปจากยอดต้นสนโบราณ ก็ยังลอยไม่พ้นเลย!

ที่สำคัญที่สุดก็คือเสบียงอาหารและหญ้าที่ใช้เลี้ยงม้าชุดนี้ ตอนนี้เสบียงอาหารและหญ้าที่ใช้เลี้ยงม้าชุดนี้ปลอดภัยไม่ได้รับความเสียหาย เช่นนั้นก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว!

อวี่เหวินจิ้งครุ่นคิด แล้วพูดต่อว่า

“ฝ่าบาท ทางเหยียนโจว...ได้ยินมาว่ากำลังเผชิญหน้ากับทัพแคว้นหนาน ตอนนี้ทัพแคว้นหนานยกทัพมาประชิดเมืองแล้ว...”

หลี่เจิ้งพลันขมวดคิ้วเข้าหากัน ระหว่างคิ้วซ่อนความเดือดดาลเอาไว้

เดือดดาลจนสะบัดแขนเสื้อ!

ทว่าทันใดนั้นกลับเอ่ยขึ้นพร้อมทั้งหัวเราะยกใหญ่

“หึ! ผู้หญิงคนนั้น ก็แค่บ้าคลั่งเป็นพัก ๆ เท่านั้น! หลังจากนี้ก็ไม่ควรค่าให้กลุ้มใจหรือเป็นกังวลอะไรหรอก!”

ทันใดนั้นมือใหญ่ของเขาก็โบก พร้อมทั้งเอ่ยกำชับกับหวังเหลียนว่า

“หัวหน้าขันทีหวัง พาเขาเข้ามาให้ไท่ซือดู!”

“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท!”

หวังเหลียนรีบออกไปอย่างรวดเร็ว ผ่านไปไม่นาน เขาก็พาคนสองคนเข้ามา

อวี่เหวินจิ้งมองประเมินทีหนึ่ง พบว่าแขนเสื้อของพวกเขาว่างเปล่า ราวกับถูกตัดแขนไป

หนึ่งคนในนั้น ใบหน้าซีกหนึ่งก็น่าเวทนาเกินกว่าที่จะทนดูได้นิดหน่อย เป็นตะปุ่มตะป่ำ ราวกับยังถูกไฟครอกมา ดูเหมือนจะเกิดอะไรขึ้น

หลี่เจิ้งชี้ไปที่ทั้งสองคน หัวเราะพลางเอ่ยขึ้นว่า

“ไท่ซือ ก่อนหน้านี้ทั้งสองคนเป็นช่างฝีมือที่ผลิตพลุสัญญาณ พวกเขาพบสิ่งที่น่าสนใจมากอย่างหนึ่ง ไท่ซือลองมาดูก่อนก็ได้ ตกลงแล้วมันคือสิ่งใดกันแน่?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน