องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน นิยาย บท 1070

เมื่ออวี่เหวินจิ้งได้ยินดังนั้น สีหน้าก็พลันชะงักไปในทันใด

มองประเมินทั้งสองคนนี้อย่างละเอียด จู่ ๆ ในใจก็ราวกับมีสายฟ้าฟาดลงมาทีหนึ่งอย่างนั้น สั่นสะท้านไปทั้งตัว ก่อนจะรีบเอ่ยถามขึ้นว่า

“ฝ่าบาท หรือว่าค้นพบอะไรใหม่ ๆ อย่างนั้นหรือ?”

“ฮ่า ๆ ๆ!”

หลี่เจิ้งหัวเราะร่าขึ้นมา “ไท่ซือ หากท่านคิดเช่นนี้ ก็คงมีการรค้นพบครั้งใหญ่จริง ๆ!”

หลี่เจิ้งพูดพลางมองไปที่ช่างฝีมือทั้งสองคนนั้น ก่อนจะพูดสั่งว่า “มา เจ้าสองคนเล่าให้ไท่ซือฟังหน่อย ตกลงค้นพบอะไรกันแน่?”

ช่างฝีมือทั้งสองคนนั้นมองหน้ากันทีหนึ่ง จากนั้นก็รีบค้อมตัวคารวะไปทางไท่ซืออวี่เหวินจิ้งทีหนึ่ง ทันใดนั้นหนึ่งคนในนั้นก็รีบเอ่ยปากพูดขึ้นว่า

“ขณะที่พวกเราทั้งสองกำลังผลิตพลุสัญญาณอยู่ ก็ค้นพบว่าหากนำวัสดุที่ใช้ มาแบ่งสรรเข้าด้วยกันตามสัดส่วนเปรียบเทียบของอันอื่น เมื่อใส่เข้าไปในลำกระบอกไม้ไผ่ จะเกิดการระเบิด...”

“ด้วยเหตุนี้พวกเราทั้งสองคนจึงทำการศึกษาอยู่หลายครั้ง ทว่าโชคไม่ดีเกิดระเบิดใส่แขนทั้งสองข้าง กระทั่งเกือบตาย แต่ท้ายที่สุด...ก็ศึกษาของแปลกใหม่ออกมาได้ประเภทหนึ่ง”

“นำวัสดุที่ใช้มาแบ่งสรรสัดส่วนเปรียบเทียบใหม่ แล้วใส่เข้าไปในไหทันที หลังจากนั้นก็จุดไฟมัน ก็พอจะทำให้เกิดการระเบิดครั้งใหญ่!”

อวี่เหวินจิ้งฟังจนตกตะลึงไปเลย สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปในทันใด กระทั่งสะดุ้งตกใจ อดไม่ได้ที่จะหันหน้าไปมองหลี่เจิ้ง!

หลี่เจิ้งเห็นสีหน้าของอวี่เหวินจิ้ง ก็พลันหัวเราะร่าพลางเอ่ยขึ้นว่า “ถูกต้องแล้ว ไท่ซือ สิ่งนี้ก็คือ...ดินปืน!”

ในวินาทีนี้ สีหน้าของอวี่เหวินจิ้งตกตะลึงจนถึงขีดสุด!

ไม่นึกเลยว่าจะเป็นของสิ่งนี้!

ซึ่งสิ่งนี้ก็คือดินปืน!

สิ่งมหัศจรรย์ที่อานุภาพน่าเกรงขามเป็นอย่างยิ่งในชายแดนเหนือ!

นี่ช่างน่าเหลือเชื่อมากจริง ๆ!

“ทีแรกข้าคิดว่า พอเจ้าหกตายไปแล้วข้าก็จะไม่มีวาสนากับของสิ่งนี้แล้ว แต่นึกไม่ถึงเลยว่า สวรรค์จะอยู่ข้างข้าจริง ๆ ช่วยให้ข้าได้ค้นพบสิ่งนี้!”

หลี่เจิ้งเอ่ยปาก สีหน้าตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง!

ในขณะนี้บนตัวเขาก็มีความน่าเกรงขามที่สามารถกลืนกินภูเขาและแม่น้ำได้อย่างหนึ่ง ทำเอาอวี่เหวินจิ้งเห็นแล้วในใจก็พลันตกตะลึงเป็นอย่างมาก!

ทันใดนั้นอวี่เหวินจิ้งก็คุกเข่าลง คำนับพลางถวายบังคม แล้วเอ่ยขึ้นเสียงดังว่า

“ขอแสดงความยินดีกับฝ่าบาท ฝ่าบาทได้สิ่งมหัศจรรย์นี้มา เง็กเซียนฮ่องเต้ช่างเมตตากับราชวงศ์อู่ของเรายิ่งนัก ราชวงศ์อู่อยู่ในมือของฝ่าบาท หาต้องกังวลว่าจะแสดงศักดาและความน่าเกรงขามออกมาไม่ได้! ฝ่าบาทต้องสยบสงครามที่แสนโกลาหล และคุมใต้หล้าได้แน่นอน ทั่วทั้งจงหยวนต้องเรียกขานผู้ทรงปรีชา!”

“ไท่ซือรีบลุกขึ้นเถิด รีบลุกขึ้นเถอะ!”

สีหน้าของหลี่เจิ้งดีใจจนเนื้อเต้น รีบรุดหน้าขึ้นมาพยุงอวี่เหวินจิ้งให้ลุกขึ้น ก่อนจะเผยอปากฉีกยิ้มแล้วเอ่ยขึ้นว่า

ท่านนายน้อยนี่ช่างกล้านัก...คำพูดที่มุทะลุอยู่นิดหน่อยเช่นนี้ยังกล้าพูดออกมาต่อหน้านายท่าน หรือว่าไม่กลัวนายท่านจะโกรธอย่างนั้นหรือ?

แต่ทว่า!

ซั่งกวนหว่านเอ๋อร์กลับไม่ได้มีความโกรธเลยแม้แต่นิดเดียว กลับกันยังยิ้มออกมาเล็กน้อยอีกต่างหาก

แม้จะมีผ้าคลุมหน้าสีดำอยู่บนใบหน้า ก็ไม่สามารถซ่อนเร้นรอยยิ้มประเภทนั้นเอาไว้ได้อยู่ดี โดยเฉพาะความรู้สึกระหว่างชายหญิงที่อยู่ระหว่างคิ้วประเภทนั้น นัยน์ตาดูเฝ้ารอเหม่อลอยอยู่เล็กน้อย

ราวกับพอใจกับคำพูดของหลี่จุ่นเป็นอย่างมาก

“ปากน้อย ๆ ของเจ้านี่นะ นับวันก็ยิ่งหวาน”

ริมฝีปากนุ่มของซั่งกวนหว่านเอ๋อร์เผยอออกเล็กน้อย นัยน์ตาสั่นไหวราวกับคลื่นน้ำ มองประเมินหลี่จุ่นตั้งแต่หัวจรดเท้าทีหนึ่ง ก่อนจะหัวเราะแล้วเอ่ยขึ้นว่า

“ไม่เลวนี่ วรยุทธ์ก้าวหน้าขึ้นไม่น้อยเลย...ดูท่าช่วงเวลาที่ไม่ได้อยู่ข้างกายข้าง ก็ไม่เสียเปล่าเช่นกัน ข้าชื่นใจจริง ๆ”

นี่เป็นการใส่ความตัวเขาแล้ว!

ไอ้วรยุทธ์ที่มันก้าวหน้า...มันก้าวหน้าด้วยตัวมันเองทั้งนั้น!

ไม่เกี่ยวกับว่าตัวเขาขยันหรือไม่ขยันเลยสักนิด

หลี่จุ่นจ้องท่านอาจารย์เผียนอีแสนสวยขอตัวเองผู้นี้ ใบหน้ากระเพื่อมเต็มไปด้วยรอยยิ้ม!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน