องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน นิยาย บท 11

กลอนคู่ที่หนึ่ง ‘หอว่างเจียง ยลแม่น้ำไหลริน ใต้หอว่างเจียงยลแม่น้ำรินไหล หอว่างอยู่เป็นนิรันดร์ แม่น้ำไหลรินชั่วกัปชั่วกัลป์’

กลอนคู่ที่สอง ‘ใบไม้ผลิท่องตำรา ใบไม้ร่วงท่องตำรา ใบไม้ผลิร่วงท่องตำราท่องใบไม้ผลิร่วง (ตำราชุนชิว)’

กลอนคู่ที่สาม ‘ใบหน้าสะท้อนผลท้อ ผลท้อสะท้อนใบหน้า’

กลอนคู่ทั้งสามถูกนำออกมา ใบหน้าของเฉาวานวานประดับไปด้วยรอยยิ้มและพูด “เชิญทุกท่าน หากท่านสามารถต่อกลอนคู่ทั้งสามของข้าได้ ข้าน้อยวานวานจะปรนนิบัติรับใช้ท่านตลอดทั้งค่ำคืน”

ความงดงามและทรงเสน่ห์ของหญิงงาม ทำให้ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างก็รู้สึกระริกระรี้อยู่ในใจ

แต่ทว่า กลอนคู่ทั้งสามนี้ไม่ได้ต่อง่ายขนาดนั้น

กลอนคู่ที่หนึ่งเล่นเสียงขนาดนี้ ถ้าอยากจะต่อก็ต้องรีดเร้นสมองอย่างหนัก

แต่ถ้าลองคิดดูดี ๆ แล้ว มันก็ไม่ได้ต่อยากมาก ปัญหาอยู่ที่ว่าจะต่อออกมาได้ดีแค่ไหน

กลอนคู่ที่สองมีหลักการคล้าย ๆ กัน มองดูเหมือนง่าย แต่จะทำให้ออกมาดีก็ยากมาก ๆ

และสุดท้าย กลอนคู่ที่สาม

คือกลอนคู่สลับคำ กลอนคู่นี้ยากมากจริง ๆ

เมื่อลองดูประโยค ไม่ว่าจะอ่านจากข้างหน้าหรืออ่านจากข้างหลังก็ยังเป็นประโยคเดียวกัน ดังนั้นประโยคที่ต่อก็ต้องเป็นประโยคที่มีผลสรุปเหมือนกัน

ยากจริง ๆ!

“กลอนคู่ของแม่นางวานวานเปลี่ยนไปอีกแล้ว...กลอนคู่ทั้งสามในวันนี้ค่อนข้างยากเลยนะ!”

“ใช่เลย ยากกว่ากลอนบทที่แล้วเสียอีก...”

“โอ้ น่าเสียดายที่วันนี้ผู้มากพรสวรรค์ในจวนข้าไม่อยู่ที่นี่ ไม่งั้นข้าคงมีโอกาส ดูท่าว่าตอนนี้ข้าคงไม่มีโอกาสแล้ว ช่างน่าเสียดาย น่าเสียดายจริง ๆ!”

ทุกคนต่างใช้ความคิดกันอย่างหนัก แต่กลับมีน้อยคนนักที่จะคิดอะไรออก

ไม่น่าแปลกใจที่ผู้มีวิชาความรู้อย่างแท้จริงจะไม่มาที่หอนางโลมแบบนี้ คนเหล่านั้นบริสุทธิ์ผุดผ่อง ยิ่งเป็นใต้พระบาทโอรสสวรรค์แล้ว พวกเขาจะทำลายชื่อเสียงของตัวเองไปทำไม

ไม่อย่างนั้นแล้ว ถ้ามีการสอบในวันข้างหน้าแล้วฮ่องเต้ทรงสอบสวน และรู้ว่าบุคคลผู้นี้เคยเที่ยวผู้หญิงมาก่อน ก็คงจะเป็นเรื่องใหญ่แน่ ๆ

ดังนั้นคนส่วนใหญ่ที่มาที่นี่จึงเป็นผู้มากพรสวรรค์อันน่าหดหู่หรือลูกเศรษฐีที่ชื่นชอบการดื่มสุราเคล้านารี

เป็นเรื่องยากมากที่จะต่อกลอนคู่ทั้งสามนี้ออกมาได้

หลี่จุ่นที่อยู่ในห้องรับรองส่วนตัวมองฉากนี้ด้วยความสนใจ และสังเกตเห็นรอยยิ้มบนริมฝีปากของเฉาวานวาน

แน่นอน แม่นางคนนี้กำลังดูละครอยู่สินะ

ไม่น่าแปลกใจที่เป็นถึงนางคณิกาชั้นสูง ถ้ามีคนได้ตัวไปง่าย ๆ แล้วมันจะไปสนุกอะไร

เป็นธรรมดาที่จะต้องเรียกร้องความสนใจให้มาก ๆ ถึงจะได้ดูมีคุณค่า

“ข้า ขอลอง!”

ในขณะนั้นเอง ชายในชุดสีเขียวคนหนึ่งก็เดินออกมาจากฝูงชนโดยถือพัดขนนกอยู่ในมือ ดูท่าแล้วคงมีฝีมืออยู่ไม่น้อย

“อ่า ที่แท้ก็พี่ฟางนี่เอง!”

“ถ้าพี่ฟางได้แสดงฝีมือ ไม่แน่อาจจะสำเร็จก็ได้!”

มีคนกล่าวชื่นชมเขาทันที

ชายในชุดสีเขียวยิ้ม แสดงท่าทีถ่อมตัวเล็กน้อย เขาคำนับไปทางเฉาวานวานที่อยู่ชั้นบนแล้วพูดว่า “แม่นางวานวาน ข้าน้อยยินดีที่จะลอง หากต่อได้ไม่เป็นที่น่าพอใจ ได้โปรดแม่นางอย่าตำหนิข้าเลย!”

เฉาวานวานส่งยิ้มหวานหยาดเยิ้มให้และตั้งตารอ “ได้ยินชื่อเสียงคุณชายฟางมานาน เชิญคุณชายฟางตามสบาย!”

“ตกลง ถ้าเช่นนั้นก็น่าอายหน่อยนะ!”

ฟางถังจึงเริ่มใช้ความคิด มองดูกลอนคู่ทั้งสามกลอนที่อยู่ตรงข้ามแล้วพูดเสียงดัง “กลอนคู่ที่หนึ่งนี้ ข้าจะต่อว่า หอฮุ่ยซือ พบปะเพื่อนกวี บนหอฮุ่ยซือพบปะเพื่อนกวี หอซืออยู่เป็นนิรันดร์ พบปะเพื่อนกวีชั่วกัปชั่วกัลป์”

“หืม? ไม่เลวเลย!”

“ต่อได้ประณีตมาก!”

เมื่อฟางถังต่อกลอนคู่ที่หนึ่ง ทุกคนที่อยู่รอบ ๆ ต่างก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย

แววตาของเฉาวานวานเปล่งประกายด้วยความรู้สึกประหลาดใจ ถึงแม้ว่าจะไม่ช่ำชองในการต่อเท่าไหร่และพอไปวัดไปวาได้ แต่ในที่สุดก็สามารถต่อกลอนออกมาได้

ฟางถังยิ้ม และคำนับให้ทุกคนอีกครั้ง “พี่ชายทุกท่าน มันช่างน่าอายซะจริง น่าอายยิ่งนัก!”

ช่างถ่อมตัวเหลือเกิน

เฉาวานวานยิ้มสดใส มองไปที่เขาแล้วพูดเสียงเบา “คุณชายฟางช่างสมกับเป็นคุณชายฟางเสียจริง ช่างเป็นผู้ที่มีความสามารถ คุณชายฟาง ได้โปรดแต่งต่อเถิด”

“พี่ฟาง แต่งต่อเลย!”

“ใช่แล้วพี่ฟาง ข้ารอชมอยู่!”

ผู้คนรอบข้างส่งเสียงโห่ร้องด้วยความยินดี

จนถึงตอนนี้ยังไม่มีใครสามารถเอาตัวเฉาวานวานมาได้ หากวันนี้ได้ตัวนางมาก็จะถือว่าเป็นคนแรก ซึ่งทำให้คนต่อ ๆ มามีกำลังใจและรู้สึกฮึกเหิมมากขึ้น

“องค์ชาย ดูเหมือนกลอนนี้ท่านจะต่อได้ไม่เลวเลย” ภายในห้องรับรองส่วนตัว หยางจงเองก็มีความรู้สึกประหลาดใจอยู่เล็กน้อย

หลี่จุ่นยิ้มและพยักหน้า “แน่นอน ดูท่าแล้ว นับว่าต่อได้ดีเลย”

หยางจงเหลือบมองมาที่เขาและบ่นพึมพำอยู่ในใจ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน