จักรพรรดินีได้รับจดหมายตอบกลับมาแล้ว เห็นตัวอักษรที่สวยงามตอบกลับมาตรงด้านล่างจดหมายฉบับเดิม ทันใดนั้นก็ขมวดคิ้วขึ้นมา
การตอบกลับเช่นนี้ เป็นวิธีการตอบกลับของผู้ที่มีสถานะสูงกระทำต่อผู้ที่มีสถานะด้อยกว่า
เก็บเรื่องที่อีกฝ่ายเห็นตนเองเป็นผู้ที่มีสถานะด้อยกว่านี้ไว้ทีหลังก่อน แต่จากสิ่งนี้ก็แสดงให้เห็นว่า สถานะของผู้ควบคุมกองทัพเหยียนโจวผู้นี้ไม่ธรรมดา
จักรพรรดินีสั่งการออกไปทันที เตรียมตัวตามแผน
วันที่สอง
ทหารสองฝ่ายเจอกันที่ประตูเมือง กองทัพเหยียนโจวตั้งแถวรออย่างเป็นระเบียบ ไม่มีใครกล้าหละหลวมเลยสักคน
เพราะก่อนหน้านี้ได้ข่าวมาว่า เฟิงอู่หังมีวรยุทธ์สูงส่ง ตาเฒ่าคนนี้ แม้จะอายุมากแล้ว แต่วรยุทธ์ของเขากลับไม่ถดถอยเลย
อีกอย่าง จักรพรรดินีผู้นั้น ก็ไม่ใช่ผู้ที่อ่อนหัด
บางรายงานยังกล่าวอีกว่า จักรพรรดินีผู้นี้ ถือเป็นท่านอาวุโสที่มีวรยุทธ์เก่งกาจผู้หนึ่ง
กลุ่มคนของเจี่ยงอิงสงไม่กล้าให้ใต้เท้าฝ่ายตนเอง เผชิญหน้าตามลำพัง
มีทหารชั้นยอดหนึ่งหมื่นนาย คอยคุ้มกันระหว่างออกจากเมือง
แต่จักรพรรดินีกับเฟิงอู่หัง กลับมาเพียงตามลำพัง
และมีทหารติดตามมาแค่ไม่กี่คน แต่ทหารที่ตามมาด้วยกลับยืนห่างออกไปไกลกว่าสิบจั้ง ไม่ได้ติดตามอยู่ข้างกาย
เห็นได้ว่าเป็นการทำให้อีกฝ่ายรู้สึกถึงความปลอดภัย
และได้เตรียมน้ำชาต้อนรับไว้แต่เนิ่นๆแล้ว รอคอยให้แขกมาเยือน
ทั้งสองมองไปที่ประตูทางเข้าเมือง
มองเห็นคนชราวัยประมาณหกสิบ ร่างกายกระฉับกระเฉง ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม สวมชุดคลุมยาว อยู่ท่ามกลางการคุ้มกันของทหารชั้นยอด เดินมาอย่างช้าๆพร้อมกับทหารที่คอยปกป้อง
ทั้งสองได้มองเห็นแล้ว แววตาเผยความสงสัย!
เพราะคนผู้นี้ พวกเขาต่างก็รู้จักดี!
จักรพรรดินีนึกถึงสถานะของคนผู้นี้ ก็เข้าใจขึ้นมาทันทีว่าทำไมอีกฝ่ายถึงตอบกลับจดหมายด้วยวิธีเช่นนี้
คนชราเข้ามาใกล้ ทหารข้างกายยังคงปกป้องอย่างใกล้ชิด แม้แต่กุนซือเจี่ยงอิงสง ก็เดินตามมาอย่างเคารพนอบน้อม
“ได้ยินมานานแล้วว่าจักรพรรดินีมีรูปโฉมงดงามเหนือคนทั่วไป อีกทั้งยังเป็นยอดหญิงผู้กล้าหาญ วันนี้ได้มาเห็นกับตาช่างสมดั่งคำร่ำลือจริงๆ!”
แต่ถึงอย่างไรก็ต้องระมัดระวังตัวให้ดี
จักรพรรดินี จางเป่ย เฟิงอู่หัง ทั้งสามคนได้พูดคุยกันพอหอมปากหอมคอ จางเฟิงทั้งสองก็ฉวยโอกาสนี้ได้ทักทายกันพอประมาณ
ถึงได้พูดเข้าเรื่องจริงจังสักที
จางเป่ยเอ่ยถามขึ้นมาก่อนว่า “ไม่ทราบว่าฝ่าบาทเรียกข้ามาเจรจาในครั้งนี้ เพราะมีความประสงค์ที่จะสงบศึก?”
เฟิงอู่หังไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไร ยืนอยู่ด้านข้างอย่างเงียบๆ
จักรพรรดินีค่อยๆพยักหน้า มองไปทางจางเป่ย และเอ่ยขึ้นว่า
“เรียนใต้เท้าจางตามตรง เวลานี้ข้าไร้ที่พึ่งพา แม้แต่เมืองหลวงก็ตกอยู่ในมือของราชวงศ์อู่…มีบางคนหาว่าข้าเป็นสุนัขจนตรอก แต่ข้าคิดว่าใต้เท้าเป็นคนมีเหตุผล ข้าไม่ต้องการให้สงครามครั้งนี้เกิดขึ้น เพียงแต่เพราะจนปัญญา ถึงได้กลายเป็นสภาพเช่นนี้…”
จักรพรรดินีเอ่ยปากพูดอย่างไม่หยุด ค่อยๆระบายความในใจของตนเอง ให้จางเป่ยรับรู้ทั้งหมด
แน่นอนว่าทั้งหมดที่พูดมามีบางส่วนจริงบางส่วนเท็จ ซึ่งเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยาก
ตอนท้าย จักรพรรดินีเอ่ยว่า
“บัดนี้ทัพแคว้นหนานกับทัพเหยียนโจวเผชิญหน้ากันที่นี่ ไม่ว่าฝ่ายไหนแพ้หรือชนะ ผู้ที่เดือดร้อนล้วนเป็นราษฎร…เดิมทีแคว้นหนานกับราชวงศ์อู่เป็นดั่งพี่น้อง การสมรสระหว่างสองแคว้นก็เกิดขึ้นนับไม่ถ้วน สองฝ่ายไปมาหาสู่กันมาแต่เนิ่นๆ ไม่สามารถแยกจากกันได้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ทำไมจะต้องมาสู้รบกันอีก ทำไมจะต้องแบ่งแยกระหว่างกันด้วย?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน
ปลดล็อคแล้วอ่านไม่ได้...
เนื้อเรื่องสนุกคับ...แต่ก็รำคาญพระเอกอยุู่พอสมควรเจ้าชู้เกินกินพื้นที่หักเหลี่ยมเฉือนคมเยอะไปหน่อยน่าจะเป็นทุกเรื่องมั้งที่ผู้ชายเดินเรื่อง...
เชี่ยไรเนี่ย เติมเงินแต่อ่านไม่ได้สักบท...
กดปลดล็อคไม่ได้เติมเงินแล้ว แย่มาก...
737 ปลดล็อกแล้วอ่านไม่ได้...
736 ผมปลดล็อคแล้ว อ่านไม่ได้...
เขียนต่อเถอะครับ รอนานแล้ว...
ตอน 706 มีหรือยัง...
อยากอ่านต่อครับ ผู้เขียนไม่สบายหรือเปล่าครับ...
ขอบคุณมากนะคะ ที่ให้อ่านฟรี สนุกมากค่ะ สั่งซื้อกางเกงใน GQ ไป 3 ตัวแล้วค่ะ สนับสนุนโฆษณา ที่ได้อ่านค่ะ...